บทที่ 4
มาร์ควิสเซซิลถือวิสาสะตั้งชื่อให้ เมื่อไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง ครานี้เธอหันมากระพริบตาปริบๆ แม้ไม่พูดไม่จาแต่เขาก็คิดว่านั่นเป็นการตอบรับชื่อที่เขาตั้งให้
อย่างน้อยเขาจะได้ดูไม่เหมือนคนบ้า ที่ชอบพูดเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว
“เอาล่ะอลิซ ฉันจะไม่ถามอะไรอีกในวันนี้เพราะเราต่างก็ต้องการพักผ่อน แต่ให้จำไว้ว่า ฉันไม่ชอบน้ำตา ดังนั้น ห้ามร้องไห้ต่อหน้าฉันอีก เข้าใจไหม?”
เด็กสาวที่เพิ่งได้รับการตั้งชื่อว่า “อลิซ” หยุดสะอื้น ดวงตากลมโตฉ่ำชื้นจ้องมองบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ไร้ซึ่งความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก
คฤหาสน์หลังงามบนที่ดินกว่าสองร้อยเอเคอร์ คลาคล่ำด้วยรถม้าและบรรดาผู้มีเกียรติกว่าร้อยชีวิตที่ต่างก็แต่งตัวเต็มยศ ประดับเครื่องหมายแสดงบรรดาศักดิ์กันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่จงใจอวดผ้าคลุมขนสัตว์และเครื่องเพชร ที่ส่องกระทบกับแสงไฟแวววับระยิบระยับราวกับมีการจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยพาวพราวพร่างมาไว้ที่นี่
งานแต่งงานของเคาท์ดาโก้ พ่อค้าผู้มั่งคั่ง บุตรของดยุคดาร์มิน กับมาร์กาเร็ต เฟนนิ่ง เจ้าสาวที่มาจากตระกูลขุนนางใหญ่ในวัง
ทว่าบุรุษที่ได้รับความสนใจกลับเป็นชายหนุ่มรูปงามจากแคปตอลทาวน์ ซึ่งการที่เขาเป็นบุตรนอกสมรสของเจ้าชายเซซิลที่สอง และชื่อเสียงความมั่งคั่งร่ำรวย ทำให้เขาเป็นที่จับตามองทุกฝีก้าว ด้วยรูปลักษณ์ของบุรุษผู้มีเสน่ห์เหลือร้าย รูปร่างสูงโปร่งทว่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวย ใบหน้าคร้ามดุดันกับแววตาเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ จมูกโด่งคมสันและรอยหยักที่มุมปากยามเจ้าตัวแค่นยิ้ม ก็ทำให้สาวๆ ทั่วทั้งเมืองอ่อนระทวยแทบจะยืนไม่อยู่
ดวงตาคมกริบดั่งเสือร้าย ที่พร้อมจะขย้ำหัวใจของคนที่สบตาด้วยให้ยอมสยบ
เสียแต่ว่า...ไม่เคยมีใครตายเพราะถูกเสือตัวนี้กัด
มีแต่โหยหาอยากอยู่ใต้กรงเล็บนั้นตลอดไป
ร่างสูงมองหาดยุคดาร์มิน หลังเข้าไปทักทายคู่บ่าวสาวพอเป็นพิธีและส่งยิ้มให้กับเลดี้หลายคนจนเหนื่อย
“คุณอยู่ที่นี่น่ะเอง”
เสียงหวานใสดังขึ้นด้านหลังทำให้เขาหันกลับไปมอง แล้วก็พบว่าเจ้าของเสียงคือสตรีผู้งดงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างหาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง
เธอมีผมหยักศกสีบลอนด์ปล่อยยาวสยายเต็มแผ่นหลังดูเย้ายวน ชุดราตรีสีแดงเพลิงสะกดทุกสายตาด้วยทรวงอกอิ่ม แม้เนินอกกว่าครึ่งจะถูกเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวปิดไว้อย่างน่าเสียดาย หากแต่ก็ทดแทนด้วยสะโพกผายที่คับแน่น ชุดราตรีแบบสมัยใหม่แหวกขึ้นสูงจนเห็นต้นขาขาวผ่อง ริมฝีปากฉ่ำเยิ้มด้วยลิปสติกสีแดงสดเช่นเดียวกับสีของชุดยิ้มบางๆ อย่างสงวนท่าที
นี่สิถึงจะเรียกว่าเป็นสาวเต็มตัวและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของแท้
“เกว็นค่ะ คุณพ่อให้มาเชิญคุณไปที่ห้องรับรอง”
“สวัสดีครับเกว็น” เขาจับมือนุ่มนิ่มของเธอขึ้นมาจุมพิตทักทาย คุณพ่อที่เธอพูดถึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากดยุคดาร์มิน และเธอคือบุตรสาวที่ท่านมักจะพูดถึงอยู่เสมอ
ในขณะที่ประจำการอยู่ที่ชายแดน ท่านดยุคจะต้องเล่าเรื่องของเกว็นให้เขาฟัง ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กแบเบาะ จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย และบัดนี้ก็ถึงเวลาที่จะมีคู่ครอง
เธอน่าจะมีอายุราวๆ ยี่สิบห้าปี บวกลบไม่เกินสอง
พูดง่ายๆ ก็คือ ท่านดยุคหวังจะได้เขาเป็นเขย ได้มาเห็นตัวจริงของเธอแล้ว เขาคิดว่าความคิดของท่านดยุคก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพียงแต่มันยังเร็วเกินไปสำหรับเขา
อย่างไรเสีย เขาไม่แสดงความสนใจเธออย่างเปิดเผย เพราะนั่นคือการปิดกั้นตัวเองจนเกินไป เขายังสนุกอยู่กับงาน โลกส่วนตัว และชีวิตอันอิสระเสรี ดังนั้น เขาจึงถอยออกมาก้าวหนึ่งอย่างสุภาพ เดินตามเธอไปโดยทิ้งระยะห่างเล็กน้อย
“ทำไมจึงรู้ว่าเป็นผม ท่านดยุคคงพูดถึงผมบ่อยๆ จนคุณเบื่อแล้วกระมัง?”
“ต่อให้ท่านพ่อไม่พูดถึงคุณ แต่คนที่จะเป็นจุดสนใจของคนทั้งโลกมีอยู่เพียงไม่กี่คนหรอกค่ะ”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณมองเห็น” เขาสัพยอก อารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเธอจงใจพูดคล้ายกับว่าเธอเองก็กำลังสนใจเขาเช่นกัน
ภาพที่สองหนุ่มสาวคนดังเดินเคียงคู่กันไปนั้น สร้างความฮือฮาให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก เรียกว่าแย่งซีนคู่บ่าวสาวของค่ำคืนนี้ไปเลยก็ว่าได้
“มาแล้วรึ ขอโทษที่ไม่ได้ลงไปต้อนรับ อย่างที่เห็น...จะเดินเหินก็ลำบาก” ดยุคดาร์มินเลื่อนล้อรถเข็นมารับ ทั้งกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นกันเอง
“ท่านดยุค” มาร์ควิสเซซิลโค้งคำนับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ท่านดูแข็งแรงไม่เหมือนคนอายุย่างแปดสิบเลย”
“คงเพราะไม่ได้พบกันนานน่ะสิ นั่งก่อนๆ มีเรื่องคุยเยอะแยะ”
เมื่อเจ้าของคฤหาสน์เชื้อเชิญ เขาก็นั่งลงบนโซฟารับแขก
“ลูกขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยด้านล่างก่อนนะคะ” เกว็นโค้งให้บุคคลทั้งสองอย่างแช่มช้อยงดงาม
มาร์ควิสเซซิลมองตามต้นคอระหงที่ล้อมด้วยเครื่องเพชรของเธอ ท่วงท่าทุกย่างก้าวของหญิงสาวเต็มไปด้วยความมั่นใจ สวย สง่า ความอิ่มเอิบของเรือนร่างนั้นมิอาจทำให้เขาละสายตาไปได้จริงๆ
เกว็น ซิมมอนส์ ปิดประตูห้องรับรอง แล้วผ่อนลมหายใจอย่างแผ่วเบา
มือของเธอยังร้อนผ่าวตรงที่เขาใช้ริมฝีปากสัมผัส เช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นดังโครมครามอย่างน่าอายยามถูกสายตาคมโลมเลียราวกับเขากำลังสัมผัสลูบไล้เรือนร่างของเธอกระนั้น
มาร์ควิสเซซิล ขุนนางหนุ่มผู้มั่งคั่ง ผู้มีเลือดราชวงศ์อยู่ครึ่งหนึ่ง ผู้ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นสุภาพบุรุษไร้หัวใจ ที่เลดี้ทั่วแคว้นปรารถนาอย่างยิ่งจะให้เขาเชยชม
ได้ยินมาว่าไม่เคยมีใครได้หัวใจของเขาไปครอง
เสือ...เมื่อกินเหยื่อจนอิ่มแล้ว ต่อให้หิวโหยสักแค่ไหนก็จะไม่ย้อนกลับมากินซากเดิมอีก
แต่ทุกคนก็เต็มใจ สตรีในวงสังคมชั้นสูงหลายคนต่างหวังจะได้นอนระทดระทวยอยู่บนเตียงกับเขาสักครั้ง ช่างเป็นคนที่ดูชั่วร้ายนัก แต่ก็มีเสน่ห์เหลือเกิน
เขาสนใจเธอ เกว็นสัมผัสได้ แต่เธอเป็นถึงบุตรีของดยุคดาร์มิน ใยต้องทำตัวไร้ค่าเยี่ยงผู้หญิงพวกนั้น
