บทที่ 28 อลิซอยากกินขนม
“เซซิล...อลิซ...หิว...อยากกินขนม”อลิซเดินเข้ามาเกาะแขนมาร์ควิสเซซิลพร้อมกับเอามือลูบท้องที่ร้องจ๊อกๆ ของตัวเอง ส่งสายตาอ้อนวอนเต็มที่
นี่ไง...จุดอ่อนที่ต้องเก็บไว้เป็นความลับ หลังอยู่ร่วมกันมาเกือบหนึ่งเดือน เขาก็ได้รู้ว่า ขนม ที่อลิซพูดถึงนั้น แท้จริงคือของทุกชนิดที่สามารถหยิบเข้าปากได้ สิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าอาหาร เธอเรียกมันว่าขนม และมักจะไร้การป้องกันตัวยามหิว
ปกติแล้วเธอมักจะชอบนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวและค่อนข้างจะหวาดกลัวการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่หากน้ำย่อยในกระเพาะทำงานเมื่อใด เธอก็จะกลายร่างเป็นน้องเหมียวเข้ามาออดอ้อนทุกที
ใครเล่าจะไม่แพ้ท่าทางน่ารักดุ๊กดิ๊กๆ แบบนี้
“ข้างล่างมีขนมเยอะแยะเลย ไปสิ” เขาดึงมือเธอมาจับเพราะไม่อยากถูกสิงร่างเหมือนตอนมาถึง แล้วก็ตกใจนิดๆ ที่มือของเธอเล็กนิดเดียวแถมยังออกจะสากนิดๆ ด้วย
มือของผู้หญิงต้องนุ่มนิ่มกว่านี้สิ คงต้องให้คีนอซสั่งโลชั่นบำรุงผิวเพิ่มซะแล้ว
เมื่อเห็นเจ้าของปราสาทเดินลงมาจากบันได ทุกคนในโต๊ะอาหารก็พร้อมใจกันลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ อิหลักอีเหลื่อ ด้วยไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของการจัดดินเนอร์คืนนี้คืออะไรกันแน่เพราะการดินเนอร์อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย หากไม่มีเรื่องสำคัญหรือเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ
คีนอซรีบเข้าไปขยับเลื่อนเก้าอี้หัวโต๊ะให้เจ้านาย และเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆ กันซึ่งเว้นเอาไว้ให้อลิซ
มาร์ควิสเซซิลส่งยิ้มเรี่ยราดให้กับทุกคนขณะแม่ครัวทยอยยกอาหารมาเสิร์ฟ แล้วผายมือเชื้อเชิญให้ทุกคนลงมือโดยที่คีนอซคอยควบคุมดูแลอลิซไม่ห่าง
เด็กสาวมองท่าทีนอบน้อมของชายหนุ่มแล้วหันไปทางหัวโต๊ะ เห็นทั้งสองคนไม่พูดอะไรก็อดลูบท้องด้วยความหิวไม่ได้
“เซซิล...อะ...อนุญาตให้อลิซกินได้หรือยัง?”
น้ำเสียงฉงนฉงายทั้งการเรียกชื่อของมาร์ควิสห้วนๆ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างมองไปยังมาร์ควิสหนุ่มเป็นตาเดียว
เซซิล! เด็กผู้หญิง เรียกท่านมาร์ควิสผู้สูงส่งว่าเซซิล มีความนัยอะไรหรือเปล่านะ?
“ท่านมาร์ควิสก็ผายมือเชิญแล้วนี่จ๊ะ” มิลล่าที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะได้ไม่นานเป็นฝ่ายตอบแทนเสียเองด้วยน้ำเสียงติดจะประหลาดใจเล็กน้อย ยังคิดไม่ออกว่าควรจะผูกมิตรหรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายดี
การปรากฏตัวของเด็กคนนี้ทำให้พวกเธอตั้งตัวกันไม่ถูกเลยทีเดียว เมื่อเช้ายังเหมือนเด็กจรจัดข้างถนนอยู่เลย พอแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าหน่อยกลับดูดีอย่างอย่างเหลือเชื่อ นอกจากจะเรียกชื่อของเขาห้วนๆ อย่างสนิทสนมแล้วเขาเองก็ยังมีท่าทางเอาอกเอาใจเธอไม่น้อยเลยด้วยฟันธงได้เลยว่าเธอจะต้องเป็นบุตรสาวของขุนนางชั้นสูงคนใดคนหนึ่งเป็นแน่
“ท่านมาร์ควิสให้รับประทานได้แล้วครับ” คีนอซก้มหน้าลงมาพูดเบาๆ ข้างหู ทั้งยังตักผัดเนื้อและอาหารหลายอย่างมาไว้ในจานของให้เธอ
“นายท่านก็ต้องรอเซซิลอนุญาตด้วยเหรอ?”อลิซเงยหน้าถามนายท่านด้วยความฉงน
“กระผมยังไม่หิวครับ” พี่เลี้ยงจำเป็นเป็นฝ่ายตอบแทนเจ้านาย ไม่อธิบายให้มากความเพราะเจ้าเด็กสมองทึ่มคงไม่เข้าใจ ถึงแม้เขาจะเป็นคนสนิท เป็นมือขวาของท่านประมุข แต่ก็เป็นเพียงข้ารับใช้ ย่อมไม่ควรร่วมโต๊ะอาหารอยู่แล้ว ทั้งตัวเขาเองก็ไม่เคยหลงลืมหน้าที่ แม้แต่ยามออกเดินทางไกลไร้ผู้คนพบเห็น เขาก็ยังรักษาบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัดเสมอ
“นายไปเอากระเป๋าเอกสารลงมาให้ฉันหน่อย เดี๋ยวฉันจะดูแลอลิซเอง” มาร์ควิสเซซิลออกปากไล่ ขืนให้คนเจ้าระเบียบอยู่ด้วยก็หมดสนุกสิ
คีนอซมองเจ้านายอย่างจนใจ คนรักสนุกกับคนปัญญาอ่อนอยู่ด้วยกันคงเจริญล่ะ กระนั้นก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี
“อร่อยไหมอลิซ?” ใบหน้าของมาร์ควิสหนุ่มยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มปากถามเด็กสาว หากแต่สายตากวาดมองทุกคนอย่างพึงพอใจที่ได้เห็นใบหน้าหลากอารมณ์ของญาติมิตรทั้งหลาย
“ไม่...ไม่อร่อยเลย” อลิซที่ตักน้ำซุปและเนื้อวัวอบพริกไทยเข้าปากไปได้ไม่กี่คำสั่นศีรษะ
คำตอบของเธอทำให้บุคคลชั้นสูงทั้งหลายมองอาหารเลิศรสบนโต๊ะด้วยความตกตะลึง นั่น! หูฉลามจากภัตตาคารชั้นหนึ่ง โน่น! ปลาแซลมอลผัดข้าวโพดอ่อน นี่! สลัดอกไก่ยัดไส้ทูน่า และยังมีอื่นๆ อีกมากมายที่ล้วนแต่สั่งมาจากภัตตาคารหรูขึ้นชื่อ ฝีมือเชฟระดับประเทศ
ระ...หรือว่า...เด็กคนนี้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ปลอมตัวออกมาเที่ยวเล่นนอกพระราชวัง?
"ถ้าเช่นนั้น...จะรับอะไรเพิ่มเติมดีคะ ดิฉันจะให้แม่ครัวทำมาให้” โซเฟียซึ่งทำหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องต่างๆ ภายในบ้านรีบเสนอตัว
“อลิซอยากกินขนมปังกรอบ” เด็กสาวตอบด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัว เหลือบมองเจ้าชีวิตเป็นเชิงขออนุญาต
“ขนมปังกรอบ? จากภัตตาคารไหนหรือคะ?”โซเฟียยังเพียรถามด้วยความงุนงง
“แอบเอาใส่ในกระเป๋าเสื้ออีกล่ะสิ เดี๋ยวมดก็ขึ้นหรอก” มาร์ควิสเซซิลล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมของอลิซด้วยความเคยชิน รู้ทันว่าเธอชอบบิขนมปังกรอบเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วยัดใส่กระเป๋าซ่อนเอาไว้กินยามหิว
“ของโปรด...ของอลิซนะ” เด็กสาวยึดมือเขาไว้ไม่ยอมให้ยึดมันไปง่ายๆ
“มะ...มือ...มือ?”
“จะ...จับ...อะไร?”
สุภาพสตรีทั้งหลายต่างก็ตาลุกโพลงเมื่อเห็นมือของมาร์ควิสหนุ่มล้วงเข้าไปในเสื้อของอลิซเต็มๆ ตา แต่ชายหนุ่มกับเด็กสาวคล้ายกับอยู่ในโลกของตนเอง คนหนึ่งควานหาอีกคนหวงของ ไม่รับรู้สายตาของคนอื่นที่กำลังจ้องมองจนแทบถลนสักนิด
“บอกแล้วว่าให้เอามาทั้งกระป๋องก็ไม่เชื่อ นี่มันกินไม่ได้แล้ว” ในที่สุดเขาก็ได้เศษขนมปังกรอบมาไว้ในมือ แถมยังกรอบจนเป็นผงเกือบหมดจนต้องโรยทิ้งบนจานใส่เศษอาหาร ซ้ำยังขึ้นราจนกลายเป็นผงสีเขียว สงสัยจะซ่อนไว้นานจนลืม
“อลิซอยากกิน” เด็กสาวก้มหน้าลงซ่อนน้ำตาเมื่อถูกริบของโปรด ขนมบนโต๊ะไม่อร่อยเลย มันเลี่ยนจนเธอรู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียน
“มันหมดอายุแล้ว กินไม่ได้”
“มันตายแล้วเหรอ?”
“เปล่า...หมดอายุหมายถึง มันบูดแล้ว กินไม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะเอาอันใหม่ให้นะ” เขาอธิบายอย่างใจเย็น ประหลาดใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่ได้รู้สึกรำคาญหรืออยากตีอกชกหัวตัวเองเหมือนเก่า ราวกับว่าตอนนี้กำลังสวมบทบาทเป็นบิดาของเธอจริงๆ
“เอ่อ...ท่านมาร์ควิสคะ...ที่เชิญพวกเรามาในวันนี้ ก็เพื่อจะเปิดตัวท่านหญิงอลิซ อย่างนั้นใช่ไหมคะ?” จีวานนี่ บลูก้า ผู้จัดการธนาคารหญิงวัยห้าสิบเป็นฝ่ายรวบรวมความกล้าถามขึ้นมา การที่มาร์ควิสเซซิลจะลงหลักปักฐานกับใครสักคน ย่อมสะเทือนถึงตลาดหุ้น สถาบันการเงิน อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
แต่เด็กคนนั้น ไม่เด็กเกินไปหน่อยหรือ ดูเผินๆ น่าจะอยู่ในวัยเดียวกันกับเด็กสาวฝาแฝด แต่คำพูดคำจาแปลกหูพิลึก กริยาท่าทางก็เหมือนเด็กสิบขวบ
“ก็ไม่เชิงเปิดตัวอะไรนะคีนอซลงมาหรือยัง?” คนอยากเป็นพ่อเห็นว่าน่าจะได้เวลาแล้วเช่นกันที่จะบอกเรื่องสำคัญกับทุกคน
“เอกสารพร้อมแล้วครับ” ผู้ถูกถามถึงถือกระเป๋าเอกสารลงมาพอดี เขาวางมันไว้ที่โต๊ะแล้วยืนประสานมือรอรับคำสั่ง
“เอกสารอะไรหรือครับท่านมาร์ควิส?” เคาท์แฟลงคลินที่อาวุโสที่สุดชักจะอดรนทนไม่ไหวกับใบหน้ายิ้มๆ เหมือนมีเลศนัยของอีกฝ่าย ณ ตอนนี้ยิ่งสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในใจของพวกเขาก็ยิ่งร้อนรน
“เดาว่าพวกท่านคงอิ่มแล้ว มาเริ่มกันเลยเถอะ” มาร์ควิสเซซิลดึงเอกสารออกจากซองด้วยท่าทีเชื่องช้าราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ ทั้งที่คนอื่นแทบจะกลั้นใจตายอยู่รอมร่อ
