บท
ตั้งค่า

บทที่ 19 เดทกับลูกบุญธรรม

อลิซถูกดึงไปนั่งอยู่หน้ากระจก สายตาแอบมองตามแผ่นหลังของเขาไปในกระจก ไม่กล้าที่จะเหลือบมองกรรไกรที่อยู่ในมือของช่างตัดผมสักนิดเดียว

มือของเธอกำแน่น ไหล่เล็กๆ สั่นไหวด้วยพยายามควบคุมความหวาดกลัวยามเส้นผมร่วงลงมาจากศีรษะและเสียงของกรรไกรที่ดังอยู่ใกล้ๆ หู กลัวเหลือเกินว่าช่างตัดผมจะทิ่มมันลงมากลางศีรษะของเธอ

ผมด้านหน้าที่เคยปิดซ่อนดวงตาเว้าแหว่งอยู่เหนือคิ้ว ช่างตัดผมปัดเป๋ไปด้านหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เล็มให้เข้าทรงด้วยการเปิดใบหน้าด้านข้างไว้ เผยให้เห็นแก้มที่ดูจะเปล่งปลั่งขึ้นบ้างแล้ว

“โอ้! เป็นได้ทั้งหนุ่มน้อยและสาวน้อยเลยทีเดียว พ่อของเธอควรจะปวดหัวกับพวกหนุ่มๆ หรือสาวๆ กันแน่นะ”

พ่อ?

อลิซเอามือกุมอกด้วยความสงสัย เจ้านายเลื่อนขั้นให้เธอแล้วอย่างนั้นหรือ เขาจะเป็นพ่อให้เธอจริงๆ หรือ?

เขา...จะเหมือนคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อคนนั้นไหม คนที่ชอบตะโกนเสียงดัง คนที่ล่ามเธอไว้ในห้องใต้ดิน และตัดลิ้น....

นึกถึงตรงนี้ เธอก็จ้องมองกรรไกรในมือเจ้าของร้านอย่างหวาดผวา ที่นี่เป็นห้องเล็กๆแคบๆ หากถูกลากเข้าไปขังจะทำอย่างไรดี เธอหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว ภาวนาในใจให้เขากลับมาเร็วๆ

ระหว่างที่ปล่อยให้อลิซอยู่ในร้านตัดผม มาร์ควิสหนุ่มก็เดินสำรวจรอบๆ เมืองและคัดลอกแผนที่ลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กของตัวเอง แล้วซื้ออาหารแห้งกับขนมไว้เป็นเสบียง

เขาเลือกที่จะเช่ารถม้าไปสถานีรถไฟ อย่างน้อยก็น่าจะหลบสุนัขป่าลึกลับตัวนั้นได้ หากว่าเจ้าของมันประสงค์ร้ายกับพวกเขาจริงๆเขาอยากจะไปถึงแคปตอลทาวน์ให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าดยุคซิมมอนส์จะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง

เอาเถอะ เขาจะพักเรื่องท่านดยุคไว้ก่อน สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือการขัดเกลาและขุนอลิซให้มีเนื้อมีหนังกว่านี้ จะได้เตะตาญาติผู้น้องคนใดคนหนึ่งของเขา แผนการปั่นหัวบรรดาญาติผู้ละโมบจะได้สนุกสนานยิ่งขึ้น

เขาเดินกลับเข้าไปในร้านตัดผม แรกทีเดียวเจ้าของร้านร่างท้วมยังคงยืนบังเธออยู่ และเขาก็เดาว่าร้านตัดผมในเมืองเล็กๆ อย่างนี้ คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าตัดผมกระเซอะกระเซิงให้เข้ารูปเข้ารอย ดังนั้น ในตอนที่เจ้าของร้านหมุนตัวออกไปและใบหน้าเก๋ไก๋ภายใต้กรอบผมหยักศกสั้นสบตาเขาในกระจก เท้าของเขาก็ถึงกับชะงักอยู่ตรงหน้าประตู

ที่แท้จะเจ้าเด็กปัญญาอ่อนมีคิ้วหนาได้รูป ไม่นับดวงตากลมโตที่เขาเห็นว่ามันสุกสว่างคล้ายดวงดาวอยู่ก่อนแล้ว รูปหน้าเรียวยาวที่มีแก้มนิดๆ อย่างนี้กลับรับกับจมูกโด่งและริมฝีปากหยักจนทำให้เขาหลงเข้าใจผิดในตอนแรกว่านี่เป็นเด็กผู้ชาย

เจ้าเด็กนี่...ถ้าโตแล้วทั้งหล่อทั้งสวยจะทำยังไง?

“เซซิล” อลิซกระโดดลงจากเก้าอี้ด้วยใบหน้าซีดเผือด วิ่งเข้าไปหามาร์ควิสเซซิลที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับ กระทั่งเธอพุ่งชนเขาถึงได้รู้สึกตัว

“อะ...อื้อ มารับแล้ว”

“เห็นไหมล่ะ...คุณพ่ออึ้งไปเลย” เจ้าของร้านยิ้มแก้มปริที่สามารถแปลงโฉมคนที่ดูเหมือนเด็กจรจัดคนหนึ่งให้กลายเป็นสาวน้อยหน้ามนจนผู้เป็นพ่อตะลึงได้

“ถะ...ถอยไปห่างๆ หน่อยสิ” มาร์ควิสเซซิลดันเด็กสาวออกห่าง แต่ก็จับสังเกตอาการตัวสั่นงันงกของเธอได้ น่าจะไม่ใช่เพราะดีใจที่เห็นเขาเสียด้วย

ออกจากร้านตัดผมมา เด็กสาวก็ยังเกาะแขนเขาไม่ปล่อย ทั้งยังซ่อนใบหน้าไว้ใต้เสื้อฮู้ดตลอดเวลา ยามเดินสวนกับผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่ เล็บของเธอจะจิกเกร็งลงไปถึงเนื้อของเขาทุกครั้งอาการเช่นนี้เป็นเหมือนช่วงแรกๆ ที่เขาจับเธอมาได้ไม่ผิดเพี้ยน

เป็นเสียอย่างนี้แล้วใครจะกล้าพาไปด้วย ไหนจะต้องซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ที่จำเป็นสำหรับผู้หญิง ข้าวของจิปาถะสำหรับการเดินทาง ร้ายที่สุดคือเจ้าหน้าที่ทางการจะคิดว่าเขาล่อลวงเธอมา หากถูกจับคงได้เข้าไปนอนซังเตในคุกทั้งคู่

“เอ้า!” เขาย่อตัวลงนั่ง เม้มริมฝีปากอย่างอดทนอดกลั้น “มาขี่หลังฉันนี่ เราต้องซื้อของอีกหลายอย่าง ขืนชักช้าจะมืดค่ำเสียก่อน”

อลิซไม่รอให้เขาต้องเรียกซ้ำสอง เธอรีบปีนขึ้นไปบนหลังของเขาอย่างว่องไว แล้วโอบแขนรอบคอเขาไว้อย่างแน่นหนา สายตายังสอดส่ายด้วยความระแวดระวัง

“เลี้ยงลูกคนเดียวมันลำบากขนาดนี้เลยเรอะ! ให้ตายสิ” ชายหนุ่มบ่นพึมขณะที่ขายาวๆ ก้าวฉับๆ ไปทางย่านร้านค้าไม่นำพาต่อสายตาคนท้องถิ่นที่มองพวกเขาแล้วแอบกลั้นยิ้ม

“ลำบาก? แล้ว...นายท่านคีนอซล่ะ?”

“ทำไมคีนอซต้องลำบากด้วย?” เขาถามกลับ รู้สึกจั๊กจี้พิกลที่ริมฝีปากเธอขมุบขมิบอยู่ใกล้ๆ ใบหูหึ! นายท่านคีนอซรึ กับเขาล่ะบังอาจเรียกชื่อห้วนๆ เชียวนะ

“เพราะคีนอซเป็นแม่น่ะสิ ถ้าพ่อลำบาก แม่ก็ต้องลำบาก” เธอตอบซื่อๆ

มาร์ควิสหนุ่มชะงักกึก แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มด้วยความขบขันจนคนที่เกาะอยู่ด้านหลังเกือบจะพลัดตกลงมา ลืมไปเลยว่าเจ้าเด็กนี่ปัญญาอ่อน (แม้จะไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง) นี่หากเจ้านั่นได้ยินคงโกรธจนลมออกหูน่าดูชม

เขาพาเธอเข้าออกร้านโน้นร้านนี้เป็นว่าเล่น ข้าวของเครื่องใช้ก็ต้องเป็นคนเลือกให้เธอทั้งหมด ได้กางเกงขายาวผ้าเนื้อดีมาหลายตัว แม้แต่เสื้อโค้ทที่เหมาะกับคนตัวเล็กๆ เพื่อความทะมัดทะแมงก็หน้าที่ของเขาทั้งนั้น

“รับกางเกงชั้นในด้วยไหมคะ?”คนขายเข้ามาถามอย่างยิ้มแย้ม

“เอ้อ!...มีของ...สุภาพสตรีไหม? แบบเด็กวัยรุ่นน่ะ” ถึงจะแบนแต๊ดแต๋ยังไง อลิซก็ควรหัดใส่ยกทรงได้แล้ว หากขุนดีๆ ก้อนเนื้อตรงนั้นก็อาจจะใหญ่ขึ้น

เมื่อได้ของครบแล้ว เขาก็พาเธอเดินกลับไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ตามที่นัดหมาย โดยไม่ลืมซื้อช็อกโกแลตอุ่นๆ สองแก้วติดไม้ติดมือมาด้วย

เขามองเธอที่ตั้งใจดื่มช็อกโกแลตร้อนอยู่เงียบๆ ตั้งใจแล้วว่าจะยังไม่ถามอะไรตอนนี้ ทั้งเรื่องที่เธอเป็นใคร ถูกใครทำทารุณกรรม เอาไว้ให้เธอโตกว่านี้อีกสักนิด เผื่อว่า...เผื่อว่าสมองของเธอจะมีพัฒนาการขึ้น

ณ ปราสาทหลังงามของดยุคดาร์มิน

“ถูกฆ่า!?” ดยุคดาร์มินเค้นเสียงรอดไรฟันพลางจ้องมองบุตรชายไม่วางตา

“ท่านพ่อ” ยามเห็นบิดามองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ เคาท์ดาร์โก้ก็อดเข่าอ่อนมิได้ หากเขาไม่ใช่ทายาทมีหรือจะรอดชีวิตเพราะทำงานพลาด

“ทำไม! ก็แกกำลังบอกฉันว่าลูกน้องสองคนที่ส่งไปสอดแนมมาร์ควิสเซซิลถูกฆ่าตายไม่ใช่เรอะ!”

“ท่านพ่ออย่าเพิ่งกริ้วสิครับ ถึงพวกมันจะตาย ก็ไม่ได้ตายเพราะมาร์ควิสเซซิล แต่ถูกใครก็ไม่รู้ยิงตกหน้าผา เห็นแค่รอยเลือดกับเศษเสื้อผ้าที่ติดกิ่งไม้เท่านั้น เรื่องนี้เป็นผลดีกับฝ่ายเรา เพราะมันโยงใยไปถึงบุคคลที่สามอย่างชัดเจน”

“แกจะบอกว่าที่เขาต้องแอบเดินทางกลางดึกและปรับเปลี่ยนเส้นทางไม่ใช่เพราะต้องการดูชั้นเชิงพวกเราอย่างนั้นเรอะ?”

น้ำเสียงของท่านดยุคค่อยดีขึ้นมาบ้างจากการฟังเหตุผลของบุตรชาย ตั้งแต่ที่คนของเขาที่สถานีรถไฟส่งข่าวบอกว่ารถม้าขบวนนั้นว่างเปล่า ก็อดที่จะคิดในแง่ลบไม่ได้ แผนการรวมเป็นทองแผ่นเดียวกันล่มไปแล้ว ทั้งกระสุนนัดนั้นทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย บางทีการที่คนของเขาถูกฆ่าก็เป็นการดีอยู่เหมือนกัน

อย่างน้อยมาร์ควิสหนุ่มจะได้หันไปสงสัยมือที่สามแทน เขาควรจะฉวยโอกาสนี้สวมรอยแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์เพื่อไม่ให้เกิดรอยร้าวระหว่างกัน

“บางทีเราอาจจะร้อนใจไปเองก็ได้นะท่านพ่อ ท่านมาร์ควิสอาจจะไม่ได้ระแคะระคายเลยว่าเราวางแผนอะไรอยู่ ที่สำคัญ หากว่ามันยากนัก ทำไมเราไม่เปลี่ยนเป้าหมายเป็นคริสแทน หมอนั่นเป็นเจ้าของอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศ แถมยังเข้ากันได้ดีกับเกว็น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel