บทที่ 17 ลูกบุญธรรมแก้ขัด
เชื้อพระวงศ์ที่ถูกขุดออกมาจากหลุมฝังพระศพอาจจะอารมณ์ดีขึ้น แต่ผู้มีเลือดของเชื้อพระวงศ์เสี้ยวหนึ่งอีกคนกลับอยู่ในภาวะหดหู่สุดขีด เนื่องจากแม้จะออกจากป่าเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ แล้ว ที่นี่กลับไม่มีสถานบันเทิงหรือบ่อนพนันให้เข้าไปคลายเครียดบ้างเลย
ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็เห็นแต่หิมะสีขาวโพลน โรงนา คอกม้ากับหลังคาบ้านไม่กี่หลังและผู้คนที่น้อยยิ่งกว่าเมล็ดถั่วในกระป๋อง
ที่จริงแล้วเขาอยากจะเดินทางต่ออีกสักหน่อย เพื่อที่จะได้มีที่พักดีๆ มีเตาผิงอุ่นๆ และสถานเริงรมย์เล็กๆ ที่พอจะซุกซนได้ แต่ติดปัญหาที่แถบนี้ยังเป็นเขตการปกครองของท่านดยุคดาร์มิน ซึ่งป่านนี้อาจจะรู้แล้วว่ารถม้าที่แล่นออกจากบ้านพักคืนนั้น เป็นเพียงรถม้าเปล่า
ถ้าหากคืนนั้น ดยุคดาร์มินไม่ส่งคนมาแอบติดตาม เขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างทำการสืบหามือสังหารและสานสัมพันธ์กับเลดี้เกว็นอย่างเต็มอกเต็มใจ ทว่ากลิ่นของความไม่ชอบมาพากลมันโชยมาตั้งแต่วันที่คริสถูกยิง ซึ่งเป็นการยิงที่ไม่หวังผลถึงชีวิต แต่เป็นการส่งสัญญาณให้เขาต้องกลับไปทบทวนอีกครั้งว่าที่ผ่านมาตนได้ก้าวขาเข้าไปในเรื่องการเมืองโดยไม่เจตนาหรือไม่ ซึ่งตำแหน่งทหารที่กุมกองกำลังรักษาชายแดนอย่างเขาก็ไม่เคยฝักใฝ่ในเรื่องการเมืองการปกครองให้ปวดสมองแม้แต่น้อย เรื่องการแย่งชิงอำนาจในราชวงศ์ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะแม้จะถือได้ว่ามีเลือดราชวงศ์อยู่กึ่งหนึ่ง ซ้ำยังร่ำรวยมหาศาล แต่คนที่อยู่วงนอกก็คิดว่าเขาเป็นแค่มาร์ควิสนอกคอกที่มีแค่เรื่องฉาวโฉ่เท่านั้น
ไม่คิดว่ากระสุนนัดนั้นจะสร้างรอยด่างให้กับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและดยุคดาร์มินโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
หากดยุคดาร์มินหวังจะเกี่ยวดองเป็นญาติกับเขาเพราะต้องการกองกำลังเสริมทางการเมืองล่ะก็ เห็นทีว่าแผนนี้จะเป็นการจับเสือมือเปล่า
ตั้งแต่เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ผู้เป็นรัชทายาทอันดับหนึ่งสิ้นพระชนม์ ขุนนางในราชวังต่างก็แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน ต่างฝ่ายต่างก็ซุ่มดำเนินการผลักดันเจ้าชายองค์อื่นๆ ที่ตนถือหางอยู่เงียบๆ เพื่อตัวเองจะได้มีที่นั่งในสภาและสามารถร่างกฎหมายหาผลประโยชน์ใส่ตนได้
หึ...นี่เขาห่างผู้หญิงมากี่วันแล้ว ตั้งแต่เจอยัยเด็กบื้อบนรถไฟก็มีแต่เรื่องร้ายๆ เข้ามาหาไม่หยุดหย่อน นี่ยังต้องมานอนรวมกันในโรงนาเล็กๆ โชคชะตาจะเล่นตลกเกินไปแล้วกระมัง
“นี่มันหมู่บ้านแถบชานเมืองนะครับนายท่าน มีที่พักที่สะอาดกว่าคอกม้าให้นอนก็ดีถมไปแล้ว”คีนอซซึ่งเดาความรู้สึกเจ้านายได้ถูกเผ็งพูดขึ้นเบาๆ ขณะจุดไฟแช็คก่อไฟในเตาเล็กๆ เพื่อให้ความอบอุ่น
“แค่คิดว่าต้องนอนห้องเดียวกับอลิซฉันก็นึกภาพออกเลยว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง นายดูซิ...ดูนี่...สภาพฉันเหมือนพ่อหม้ายลูกติดเข้าไปทุกทีแล้ว”มาร์ควิสหนุ่มบ่น หากแต่ก็คลี่ผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างเล็กๆ ของอลิซอย่างเบามือ ส่วนคนที่ถูกพูดถึงเอาแต่นอนหลับอุตุไม่รู้เรื่องรู้ราว
“อายุอานามของท่านก็น่าจะมีลูกไว้สืบสกุลได้แล้วนะครับ แล้วก็ทำพินัยกรรมไว้เสียเนิ่นๆ บางทีอาจจะลดปัญหาการแย่งชิงสมบัติของเหล่าญาติๆ ของท่านได้”
เดิมทีคีนอซเคยพูดหยั่งเชิงทำนองนี้มาบ้าง และทุกครั้งจะถูกเจ้านายสวนกลับด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ที่เขารู้ดีว่าเป็นเพียงข้ออ้างของคนที่หวงความโสดและยังรักสนุกอยู่ หากแต่ครานี้ มาร์ควิสที่รักของเขากลับนิ่งคิดด้วยใบหน้าจริงจังเป็นครั้งแรก
แปะ!
มาร์ควิสหนุ่มดีดนิ้วเปาะ สีหน้าแววตาฉายแววตื่นเต้นสุดขีด
“ปัง! เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงคิดไม่ออกนะ”
“ท่านคิดจะแต่งงานแล้วใช่ไหมครับ?” คีนอซถามด้วยสีหน้าลิงโลดไม่แพ้กัน หากเจ้านายเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เขาก็จะได้ไม่ต้องระหกระเหิรติดสอยห้อยตามไปไหนอีก
“ไม่แต่ง” ผู้เป็นเจ้านายเอนตัวลงนอนข้างๆ อลิซที่นอนขดตัวจนม้วนเป็นวงกลมเล็กๆ ไปแล้ว ทั้งวาดแผนการในใจอยู่เงียบๆ อย่างสนุกสนาน
“ไม่แต่ง? แล้วจะมีลูกได้ยังไงกันล่ะครับ?” คีนอซร้องถามเสียงหลง
“ไม่เห็นจะยากเลย จดทะเบียนรับใครมาเป็นลูกบุญธรรมซะก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องผูกมัด ไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องทนเห็นผู้หญิงเจ็บท้อง ไม่ต้องฟังเสียงร้องของเด็กให้หนวกหู สบายจะตาย!” มาร์ควิสหนุ่มยักไหล่
“ท่าน! แล้วพินัยกรรมล่ะครับ ท่านจะเต็มใจยกให้คนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าได้หรือ ทรัพย์สมบัติของท่านไม่ใช่น้อยๆ นะครับ”
“ฮึ! ของเหล่านั้นใช้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมด ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แล้วฉันจะหวงไว้ทำไม และสมบัติที่เป็นมรดกตกทอดจากท่านพ่อก็มีแค่หนึ่งในสามของทรัพย์สินทั้งหมดเท่านั้น อีกสามส่วนล้วนแต่เป็นน้ำพักน้ำแรงที่ฉันหามาได้เอง ดังนั้น ฉันมีสิทธิ์ที่จะให้กับใครก็ได้ ที่จริงฉันว่าจะโอนให้นายสักหนึ่งส่วนนะ”
“ไม่เอาล่ะครับ! ขืนท่านโอนให้ผม ผมก็ตกเป็นเป้าสังหารไปอีกคนสิ”
“เอาน่า...ฉันมีวิธีกำราบเหล่าประยูรญาติผู้หิวโหยอยู่แล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วงไป ฉันคิดดีแล้วว่าจะให้อะไรกับใครบ้าง ญาติพี่น้องของฉันก็ไม่ได้เลวไปเสียหมดทุกคน ส่วนลูกบุญธรรมนั้นฉันก็จะมอบทรัพย์สมบัติให้ส่วนหนึ่งไว้ก่อน หากในอนาคตฉันม่องเท่งก่อนจะมีเมียมีลูกจริงๆ สมบัติทั้งหมดฉันก็พร้อมจะให้เธอดูแลต่อไป” คราวนี้เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานด้วยเป็นคนไม่ยึดติดกับทรัพย์สมบัติของนอกกายอยู่แล้ว
“เธอ?... หมายความว่า ท่านจะรับเลี้ยงเด็กผู้หญิง?”
“ใช่ เพราะในอนาคตเด็กคนนี้อาจจะได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องคนใดคนหนึ่งที่ฉันไว้ใจ”
“อ้อ! แล้วท่านจะไปเลือกเด็กกำพร้าที่โรงเรียนหรือสถานสงเคราะห์ล่ะครับ?”
คีนอซรับคำแสดงความเข้าใจ นึกชมว่าเจ้านายยังมีความคิดที่เฉียบแหลมเหมือนเดิม ด้วยมาร์ควิสหนุ่มเปิดโรงเรียนสอนหนังสืออยู่แล้ว ทั้งยังเป็นผู้อุปการะสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกสามแห่ง เด็กๆ ที่นั่นล้วนแล้วแต่ได้รับการปลูกฝังความรู้และค่านิยมที่ดีจากครูและพี่เลี้ยงที่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดทุกปี
“เลือก? ทำไมต้องเลือกกันเล่า ลูกบุญธรรมของฉันก็อยู่ที่นี่แล้วไง” มาร์ควิสเซซิลหัวเราะหึๆ
คีนอซผงะ มองตามสายตาชั่วร้ายของเจ้านายแล้วเบิกตากว้าง
นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม?
“ท่าน...แกล้งล้อผมเล่นกระมัง?”
มาร์ควิสเซซิลมองใบหน้าเคร่งเครียดระคนตกตะลึงของคีนอซแล้วยักไหล่ ทำเหมือนเรื่องนี้มิใช่เรื่องของตัวเอง ซ้ำยังตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ไม่ได้ล้อเล่น! ฉันจะรับอลิซเป็นลูกบุญธรรมจริงๆอ๊า...มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น ชีวิตฉันมันช่างสนุกสนานอะไรเช่นนี้ ฉันเป็นพ่อ...ส่วนนายจะเป็นแม่นมหรือพี่เลี้ยงก็เลือกเอาแล้วกัน ฮ่าๆๆๆ”
