บท
ตั้งค่า

บทที่ 16 ละครตบตา

ควันจากปากกาน้ำร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมของชาแตะเข้าจมูก เกว็นรินชาใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นดื่ม มองผ่านกระจกหน้าร้านออกไปยังถนนด้านนอก อารมณ์ยังกรุ่นอยู่นิดๆ ทั้งๆ ที่อยากจะมาผ่อนคลายแท้ๆ

ละครยังไม่ปิดม่าน ผู้คนจึงยังบางตา หากเจอสตรีผู้หมายตามาร์ควิสเซซิลที่นี่ มิวายต้องตอบคำถามอย่างไม่จบไม่สิ้น ซ้ำอาจถูกหัวเราะเยาะที่ถูกเขาปฏิเสธทางอ้อมก็เป็นได้ รีบกินแล้วจะได้รีบกลับไปคุยกับคริสดีกว่า

เพล้ง!

เสียงแก้วที่แตกกระจายบนพื้นทำให้ลูกค้าในร้านที่มีอยู่ไม่ถึงสิบคนต่างก็ชะงักงัน เสียงพูดคุยซุบซิบขาดหายไป สายตาจ้องไปยังชายในเสื้อฮู้ดนั้นเป็นจุดเดียว

เกว็นจึงได้เบนสายตากลับไปมองเขาอีกครั้ง

ใครหลายคนก็ถอนหายใจเฮือก เมื่อเห็นว่าแก้วใบนั้นมิเพียงแตกกระจายกลาดเกลื่อนบนพื้น หากแต่น้ำชาร้อนๆ ยังสาดกระเซ็นไปโดนกางเกงราคาแพงของชายอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ อีกด้วย

“แกทำให้กางเกงของฉันเปื้อน” ชายที่ถูกน้ำชาร้อนๆ กระเซ็นใส่กางเกงเอ็ดตะโรเสียงดัง ทั้งถ้อยคำยังกดอีกฝ่ายลงต่ำ ใบหน้าที่ดุดันอยู่แล้วดูขมึงถึงน่ากลัวขึ้นเป็นสองเท่า

“จะชดใช้ให้”น้ำเสียงของชายในเสื้อฮู้ดฟังดูแหบห้าวเบาบางคล้ายคนป่วย หากที่นี่ไม่เงียบจริงๆ ก็คงไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา

เกว็นเพิ่งจะสังเกตเห็นไม้เท้าที่วางพิงพนักเก้าอี้ ชายผู้นี้เป็นคนพิการหรือ?

“รู้ไหมว่ากางเกงของฉันราคาเท่าไหร่ จะมีปัญญาชดใช้รึเปล่า หา!?”

นอกจากจะขึ้นเสียงแล้ว ร่างสูงใหญ่ยังลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเอาเรื่อง สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับคนที่อยู่ภายในร้านจนไม่มีใครกล้าขยับตัวเพราะล้วนแต่เป็นสตรีผู้บอบบาง

“ก็บอกว่าจะชดใช้ให้” ชายในเสื้อฮู้ดหันกลับไปยังเก้าอี้ว่างข้างตัวที่มีกระเป๋าเก่าๆ อยู่ใบหนึ่ง

วินาทีที่เขาผินหน้ามา หญิงสาวก็ต้องตกตะลึงกับใบหน้าอันงดงามเย็นชาของเขา ทั้งดวงตาสีดำสนิทดุจน้ำหมึกที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งประกายแห่งความรู้สึกใดๆมันเฉยชาเสียจนแวบหนึ่งถึงกับทำให้เธอกลัวยิ่งกว่าท่าทางคุกคามของชายอีกคนซะอีก

เขามองไม่เห็น?

ยามเมื่อมือของเขาควานสะเปะสะปะ เธอจึงรู้ว่าเขามีไม้เท้าไว้ทำไม โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ทั้งๆ ที่รูปร่างหน้าตาโดดเด่นหล่อเหลาถึงเพียงนั้น!

“นี่!” ชายผู้ป่าเถื่อนสะอึกเข้าไปใกล้

“ฉันรู้จักกับเจ้าหน้าที่ทางการเป็นอย่างดี ดูเหมือนพวกเขาคงช่วยให้คุณได้เงินชดใช้เร็วกว่านี้กระมัง” หญิงสาวปราดเข้าไปขวางชายร่างสูงใหญ่ที่ทำท่าจะเข้าไปทำร้ายเขาอย่างไม่เกรงกลัว เพียงพยักหน้าครั้งหนึ่ง ชายในชุดดำอีกสามคนที่ยืนอยู่นอกร้านก็เดินเข้ามา

ต่อให้มาเที่ยวแบบเป็นส่วนตัว ถึงอย่างไรท่านพ่อก็ไม่เคยปล่อยให้เธอต้องเสี่ยงอันตราย ผู้ติดตามฝีมือดีเหล่านี้มักจะคอยคุ้มกันดูแลความปลอดภัยอยู่ห่างๆ เสมอ

“คุณ เอ่อ...?” เมื่อเห็นสตรีที่ดูงดงามเย้ายวนก้าวเข้ามาแทรกกลาง ไหนจะผู้ติดตามอีกสามคนที่ยืนคุมเชิงอยู่ ชายร่างสูงใหญ่ก็เปลี่ยนท่าทีกะทันหัน

“ฉันเลดี้เกว็น ซิมมอนส์ บุตรสาวของดยุคดาร์มิน ซิมมอนส์ ผู้ปกครองของเมืองนี้” เมื่อเห็นว่าเป็นคนต่างถิ่น เธอก็แนะนำตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ระดับบุตรสาวขุนนางใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จักเธออีกทั้งผู้ติดตามทั้งสามก็พร้อมจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้รู้สำนึกทุกเมื่อ

“ยินดีที่ได้รู้จักเลดี้เกว็น ขออภัยที่ผู้น้อยไม่ใช่คนเมืองนี้จึงไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่ เห็นแก่สาวงามอย่างคุณ เรื่องเล็กๆ แค่นี้เห็นจะไม่รบกวน”

เกว็นตั้งตัวแทบไม่ทัน เมื่อเขาถือวิสาสะจับมือเธอยกขึ้นแล้วจรดริมฝีปากลงไป แม้จะเป็นเพียงแค่การทักทายเพียงแวบเดียว แต่เธอกลับรู้สึกรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก

ชายคนนั้นเดินออกไปแล้ว ร้านจึงกลับสู่ความสงบอีกครั้ง หลายคนยังนั่งดื่มต่อไป ทว่าเธอกลับหมดความอยากอาหารเสียแล้ว

“ขอบคุณ”

เสียงแหบต่ำของชายผู้มีใบหน้างดงามดังขึ้น พร้อมๆ กับที่เขาค่อยๆ ลุกจากที่นั่งอย่างช้าๆ แล้วหยิบไม้เท้ามาพยุงตัว

แวบแรก เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาช่างฟังดูเย็นชาและไร้ความหมาย แต่เมื่อเห็นว่าเขายืนไม่ค่อยจะมั่นคงนัก จึงได้รู้ว่านอกจากดวงตาที่มองไม่เห็นแล้ว ขาของเขาก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน

เขาค่อยๆ เดินออกจากร้านโดยใช้ไม้เท้านำทาง น่าแปลกที่สภาพนั้นมิได้ดูน่าเวทนาอย่างที่เธอเคยเห็นคนพิการคนอื่นๆ ทุกย่างก้าวของเขาแม้จะเชื่องช้ากลับดูสุขุมและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แผ่นหลังกว้างมิได้งองุ้มด้วยความขลาดกลัวหรืออับอายต่อสภาพของตนแต่อย่างใด ราวกับว่าเรื่องน่ากลัวเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้น ซ้ำเขายังวางเงินค่าน้ำชาที่ยังไม่ได้ดื่มเอาไว้เสียด้วย

คืนนั้น เธอไม่ได้กินสลัดทูน่า แต่รีบจ้างรถม้าตรงดิ่งกลับบ้านโดยมีผู้ติดตามคอยคุ้มกันอย่างระวังเข้มงวด หารู้ไม่ว่าบนรถม้าคันหนึ่งซึ่งแล่นสวนไป ชายแปลกหน้าที่พบเมื่อครู่เพิ่งจะปิดม่านบังตาลง

“เธอมีผู้ติดตามสามคน กับคนรับใช้อีกหนึ่ง ตรงกับที่ได้รับรายงานมา หากไม่มีอะไรผิดพลาด พรุ่งนี้เธอจะไปส่งเพื่อนชายที่สถานีรถไฟในเวลาแปดนาฬิกา เพิ่งได้เห็นตัวจริงใกล้ๆ เป็นผู้หญิงที่สวยอย่างคำร่ำลือจริงๆ และดูเหมือนเธอจะไม่รู้ว่าตัวเองก็เป็นเบี้ยตัวหนึ่งของดยุคดาร์มิน”

“อืม” เจ้าชายอเล็กซานเดอร์เพียงแต่รับอืออาในลำคอ สีหน้ายังเฉยเมยไม่เปลี่ยน สำหรับเขา จะหญิงงามหรือคนอัปลักษณ์ก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อมาร์ควิสเซซิลชิงถอยห่างแบบนี้แล้ว ทั้งเลดี้เกว็นก็เป็นผู้หญิงที่หยิ่งในศักดิ์ศรี แผนการรวบอำนาจทางทหารมีแนวโน้มจะไม่สำเร็จในเร็ววัน พวกเขาจะทำยังไงต่อไป นี่ต่างหากที่เขาอยากรู้

ชายผู้หนึ่งมีขุมอำนาจทางทหารหนุนหลังและเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ อีกคนเป็นนักธุรกิจอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศ เมื่อบุรุษสองคนนี้กลับไปแล้ว ดยุคดาร์มินจะเดินหมากอย่างไร

“ยังรู้สึกปวดหัวอยู่หรือไม่พะยะค่ะ?”ลอร์ดคาวารอนถามด้วยความเอาใจใส่

“ไม่แล้ว ละครเมื่อครู่ช่วยเราคลายเครียดได้มาก” เจ้าชายรับสั่งตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“พระองค์ทรงทอดพระเนตรด้วยหรือพะยะค่ะ”ลอร์ดคาวารอนถามด้วยความสงสัย เนื่องเพราะวิสัยของพระองค์หาได้ชื่นชอบการเข้าโรงละครหรือชมมหรสพสมโภชใดๆ ที่เข้าไปเมื่อช่วงหัวค่ำก็เพื่อตามดูเลดี้เกว็นเท่านั้น

“หมายถึงตอนที่เจ้าตวาดใส่เราต่างหาก”

“เอ้อ! .กระหม่อมขอประทานอภัยพะยะค่ะ” เขาลนลานก้มศีรษะคำนับเป็นการใหญ่เมื่อนึกย้อนไปถึงฉากอันเสียมารยาทตอนอยู่ในร้านกาแฟ เกรงว่าเสียงของตนในตอนนั้นจะทำให้พระองค์ปวดศีรษะอีก

“ไม่เป็นไร นานๆ ได้ออกมาเที่ยวเล่นก็สนุกดี”

ลอร์ดคาวารอนยิ้มบางๆ แม้คำตอบนั้นจะตรงข้ามกับใบหน้าและน้ำเสียงที่ราบเรียบยิ่งกว่าทะเลไร้คลื่น แต่เขารู้ดีกว่าใครว่า ภายใต้หน้ากากอันเย็นชานั้น พระองค์ทรงอารมณ์ดีขึ้นจริงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel