บท
ตั้งค่า

บทที่ 15 หญิงสาวผู้เดียวดาย

ทุกก้าวย่างของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งในฤดูหนาว ใบหน้าคมสันภายใต้ฮู้ดคลุมศีรษะไม่เคยประดับรอยยิ้มใดๆ ดวงตาลึกล้ำดุจน้ำหมึกแม้จะไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับทำให้ผู้ที่สบตาด้วยถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ

ใช่จะมีแต่ลอร์ดคาวารอนผู้เป็นข้ารับใช้ใกล้ชิดจะมองเห็นความแข็งแกร่งมุ่งมั่นฉายแววกษัตริย์องค์ต่อไปของเจ้าชาย ด้วยเหตุนี้...ในยุคที่ประเทศกำลังปรับตัวก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม กลุ่มบุคคลผู้ต้องการปลดแอกระบอบกษัตริย์และต้องการสิทธิ์ขาดทางการเมืองและการค้าจึงไม่อาจปล่อยพระองค์ให้มีชีวิตอยู่ได้

“จับตาดูความเคลื่อนไหวของเลดี้เกว็น เคาท์ดาโก้ผู้เป็นพี่ชายคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้นาน โรงละครจะเปิดการแสดงอีกเมื่อไหร่?”

“ในใบปลิวว่าอีกสองวันครับ”

คำตอบของลอร์ดคาวารอน ทำให้เจ้าชายอเล็กซานเดอร์หรือแองกัสนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“อืม...อีกสองวันไปดูละครกัน”

โรงละครสกาล่า

โรงละครสำหรับบุคคลชั้นสูงในแวดวงสังคมซึ่งจัดแสดงเพียงสามครั้งต่อปี โรงละครแห่งนี้แบ่งที่นั่งเป็นสองชั้น ชั้นแรกสำหรับผู้มีอันจะกินทั่วไป ส่วนชั้นที่สองแบ่งที่นั่งออกเป็นสองโซน โซนแรกเป็นที่นั่งเปิดเช่นเดียวกับชั้นล่าง ส่วนโซนที่สองมีการกั้นผ้าม่านบางๆ ไว้สำหรับลูกค้าวีไอพีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

เรือนร่างงดงามในเสื้อคลุมขนสัตว์เคลื่อนกายเข้ามาตอนใกล้จะเปิดม่านแสดงแล้ว ภายใต้เสื้อคลุมตัวหนาคือชุดราตรีสีแดงฟูฟ่อง ศีรษะประดับด้วยที่คาดผมขนนกเรียบง่าย ใบหน้าสวยเย้ายวนไม่เป็นสองรองใครดูอิดโรยและเบื่อหน่ายเล็กน้อย

ที่นั่งของเธออยู่โซนเปิดชั้นบน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโซนที่สองนัก

“งามสมคำร่ำลือจริงๆ น่าเสียดายแทนมาร์ควิสเซซิล” ลอร์ดคาวารอนปิดม่านลงอย่างเงียบเชียบ

“มากันกี่คน?” สำหรับผู้ที่มองเห็นเพียงความพร่าเลือนของทุกสรรพสิ่งอย่างเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ความงามหรือความน่าเกลียดสำหรับเขาล้วนไม่ต่างกัน จึงไม่ได้ให้ความสนใจแก่รูปลักษณ์ของคนที่เฝ้าจับตาแม้แต่น้อย

“เธอมากับเพื่อนผู้หญิงสามคน ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีอยู่หน่อยๆ นะครับ”

“อืม...จับตาดูไว้”

รับสั่งเพียงแค่นั้น เจ้าชายก็หลับตาลงฟังเสียงดนตรีโหมโรงขับกล่อมอย่างตั้งใจ ราวกับว่าต้องการมาพักผ่อนหย่อนใจจริงๆ

ครั้นเมื่อละครเปิดฉากขึ้น มุมปากของเขาก็กระตุกเบาๆ คล้ายจะยิ้มหยัน เพราะเนื้อหาเต็มไปด้วยการเสียดสีทางการเมืองและล้อเลียนเรื่องฉาวโฉ่ในราชวงศ์ แม้แต่การลอบสังหารเขาด้วยการยิงที่ศีรษะแล้วโยนลงหุบเขาก็ยังถูกเล่าผ่านท้องเรื่องว่าเป็นอุบัติเหตุ

ทันทีที่คิดถึงภาพเหตุการณ์วันนั้น ศีรษะก็ปวดจี๊ดขึ้นมาจนเขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่ สองมือที่ซ่อนอยู่ในชุดฮู้ดเกร็งแน่นจิกลงบนต้นขาเพื่อข่มความเจ็บปวด

“กระหม่อมจะไปตามหมอ”

“ไม่...ไม่ต้อง...” เขาโบกมือห้ามแม้เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงคล้ายใครเป่านกหวีดก้องอยู่ในหูจนแทบระเบิด

เวลาเพียงไม่กี่นาทีแต่ราวชั่วกัปชั่วกัลป์ อาการปวดหายไปโดยที่ฉากต่อไปของโรงละครยังไม่เริ่มขึ้นด้วยซ้ำ เขาแหงนหน้าพิงพนักเก้าอี้บุนวมเพื่อปรับสภาพร่างกายให้เป็นปกติ

“ใกล้จะจบหรือยัง?” แต่ผู้ทะนงตนอย่างเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ไม่เคยปล่อยให้สิ่งใดอยู่เหนือการควบคุมของตน แม้จะเจ็บเจียนตายแต่งานย่อมมาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ

“ยังครับ แต่ดูเหมือนเลดี้เกว็นกำลังจะกลับ”

“ตามไป”

ร่างสูงขยับลุกขึ้น เพราะสายตาแทบจะมองไม่เห็น บวกกับความมืดสลัวของแสงไฟในโรงละคร ทำให้ต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัวเอง แม้การเคลื่อนไหวจะเชื่องช้าทว่าเขาก็ไม่ต้องการให้ใครมาพยุงแม้แต่ลอร์ดคาวารอนที่ถวายการรับใช้อย่างใกล้ชิดก็ตาม

พวกเขาไม่เคยปรากฏตัวที่นี่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าทหารองครักษ์ของลอร์ดคาวารอนที่ปลอมตัวปะปนกับคนทั่วไปได้กรุยทางเอาไว้ก่อนหน้า ทั้งยังทำหน้าที่อย่างระแวดระวัง อีกทั้งฤดูหนาวเช่นนี้ ใครต่อใครต่างก็ซ่อนตัวเองไว้ภายใต้เสื้อโค้ทตัวหนา มองเผินๆ พวกเขาจึงเหมือนกับบุคคลชั้นสูงทั่วไปที่เข้ามาหาความสำราญในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น

ท้องถนนเต็มไปด้วยหิมะ ผู้คนส่วนใหญ่จึงเดินเท้ากันมากกว่าการใช้รถลาก เนื่องจากยังเป็นช่วงหัวค่ำ ร้านค้าสองข้างทางจึงยังเปิดบริการ โดยเฉพาะร้านน้ำชาซึ่งกิจการดีเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว

ร่างในชุดสีแดงเพลิงเดินเข้าไปในร้านน้ำชาตรงหัวมุมถนน ก่อนจะถอดเสื้อขนสัตว์ให้กับผู้ติดตามหญิงซึ่งเดินตามอยู่ห่างๆ แล้วนั่งอยู่โต๊ะด้านในสุดเพียงคนเดียว

ลอร์ดคาวารอนผลักบานประตูเข้าไปก่อน แล้วเลือกที่นั่งเยื้องมาอีกฝั่ง ตามด้วยเจ้าชายที่จงใจเดินตามเข้ามาทีหลังคล้ายกับนัดกันไว้

ทันทีที่ร่างสูงเดินเข้ามาในร้าน บรรยากาศก็เยือกเย็นลงอีกขุมหนึ่ง เลดี้เกว็นที่นั่งก้มหน้าถูมืออยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ

เพราะความที่เกว็น ซิมมอนส์ เป็นหญิงสูงศักดิ์ทั้งยังร่ำเรียนมาสูงกว่าสตรีทั่วไป เธอจึงมีประสาทสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษต่อบุคคลที่มีลักษณะแตกต่างจากบุคคลธรรมดา ทั้งรัศมีบางอย่างจากชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นราวกับจะข่มทุกสิ่งทุกอย่างไว้ใต้ฝ่าเท้าของเขาแม้ในขณะที่เจ้าตัวเพียงแต่นั่งอยู่เฉยๆ เท่านั้น

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาซ่อนอยู่ใต้เงามืดของเสื้อฮู้ดสีดำสนิทที่ทำจากผ้าเนื้อดีที่พบได้ในตลาดทั่วไป ทว่าเธอกลับไม่แน่ใจว่าหากมันอยู่บนร่างของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เขา จะดูสง่าและน่าเกรงขามแบบนี้หรือไม่ ถ้าหากว่ามองไม่เห็นนิ้วเรียวยาวของเขายามจับหูของกาน้ำชา เธอนึกว่าเขาเป็นคนไม่ดีเสียด้วยซ้ำ

เพราะนักฆ่า มักจะระวังเรื่องรอยนิ้วมือเป็นพิเศษ

ตั้งแต่ถูกลอบยิงเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เธอก็ตกอยู่ในอาการผวา แม้ท่านพ่อจะปลอบใจว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูของมาร์ควิสเซซิล และหลังจากที่เขาออกจากเมืองไปแล้ว ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นอีก แต่เธอก็ไม่วางใจเสียทีเดียว ครั้นจะเก็บตัวอยู่ที่บ้านบรรยากาศก็หดหู่เกินไป จึงได้ขออนุญาตบิดามาดูละครคลายเครียด ก่อนจะไปส่งคริสขึ้นรถไฟกลับเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้

“เหมือนเดิมนะคะ” พนักงานสาวเดินมาเสิร์ฟน้ำชา ทั้งทักทายอย่างนอบน้อมคุ้นเคย

“ขอสลัดทูน่าเพิ่มด้วยก็ดีจ้ะ” เธอส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง

ไม่นานสลัดทูน่าจานเล็กก็มาเสิร์ฟ ทว่าพนักงานสาวคนนั้นกลับยังไม่ไปไหน

“เลดี้หลายคนมาดื่มกาแฟที่นี่เมื่อคืนก่อน พวกเธอพูดถึงคืนวันแต่งงานของท่านเคาท์อย่างสนุกเลยล่ะค่ะ”

เกว็นเพียงแต่ยิ้มนิดๆ ไม่ตอบกลับแต่อย่างใดเพราะไม่อยากให้ใครมาโฟกัสเรื่องความรักของเธอ ด้วยรู้ว่าบทสนทนาพวกนั้นหนีไม่พ้นเรื่องซุบซิบของเธอกับมาร์ควิสเซซิลและคริส ซึ่งคนเหล่านั้นอาจนำเรื่องที่ยังไม่มีมูลอะไรมาใส่สีตีไข่กันสนุกปาก ทั้งตอนนี้คนภายนอกก็ยังไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่มซึ่งเป็นที่หมายปองของพวกเธอแอบกลับไปอย่างเงียบๆ เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าสตรีที่สวยที่สุดในเมืองแห่งนี้ไร้เสน่ห์อย่างสิ้นเชิง

“พวกเรายังแอบพนันกันอยู่เลยว่าคืนนี้คุณจะควงใครมาชมละครกันแน่ ระหว่างท่านมาร์ควิสกับคุณคริส ไม่มีใครคิดว่าคุณจะมาคนเดียว” พนักงานสาวยังพล่ามต่อไป

“บางครั้งเราก็ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างจริงไหม?”เธอตอบเป็นนัยยิ้มๆ หากแต่สายตาไม่ยิ้มด้วย

“ค่ะ” พนักงานสาวรู้ตัวว่าถูกเหน็บ จึงรีบรับคำเบาๆ แล้วล่าถอยไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel