ep3
“ครับๆ ขอให้โชคดีนะครับ”
หญิงสาวโบกมือลา ลุงสามล้อที่พามาส่งที่ด่านข้ามแดน เธอขยับแว่นตากรอบโตเล็กน้อย ยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตากันเลย ช่วงนี้นักท่องเที่ยวบางตา หรือว่าเธอมาเช้าเกินไปก็ไม่รู้ ยังดีที่แว่นตาอำพรางดวงตาของเธอได้ เช้านี้ใบหน้าของเธออาจจะดูดีน้อยลง แต่ก็ถือว่าดูดีล่ะน่า
“เชิญห้องน้ำด้านในเลยครับ ด่านย้ายลงไปอยู่ด้านล่างแล้ว” เสียงทุ้มนุ่ม กล่าวทักทาย เมื่อเห็นหญิงสาวแบกเป้สะพายหลังขึ้นมาบนศาลาทำการหลังเก่า ราวกับมองหาอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาคิดว่า นั่นคงเป็นห้องน้ำ
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบ กล่าวคำขอบคุณเบา ๆ เธอจำได้ว่า ผู้ชายที่ทักทายเธอนั้น เป็นคนที่ขึ้นรถกรุงเทพฯ- เชียงของเที่ยวเดียวกับเธอ แต่มาเป็นคนสุดท้าย ทำให้คนบนรถต้องรอ
ชายหนุ่มชายตามองกระเป๋าใบย่อมแล้ว ก็แปลกใจ
“มีอะไรหรือคะ”
ชายหนุ่มขยับตัว หันไปตามเสียงที่ทักขึ้น
“เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจกระเป๋าคุณใบเล็กดีนะครับ”
“ก็ไม่มีอะไรที่คะ นอกจากเครื่องใช้ที่จำเป็น เพราะเสื้อผ้า ฉันก็ไปหาซื้อเอาข้างหน้า ไม่อยากแบก”
“อ้อ”
หญิงสาวไล่สายตามาที่กระเป๋าของชายหนุ่มบ้าง พบว่ามันคือกระเป๋าเป้ใบโตทีเดียว
“นี่คุณจะไปไหนคะเนี่ย คงจะอยู่เป็นเดือนล่ะซิ”
“ก็ ไม่แน่หรอกครับ ผมก็แบคแพคของผมอย่างนี้ประจำ ไม่ได้ผิดปกติอะไร”
“ฉันผิดปกติงั้นซิ” น้ำเสียงเอาเรื่องนั้น ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างมากขึ้น
“เอาเป็นว่า ถ้าคุณเรียบร้อยแล้ว ไปที่ด่านด้านล่างกันเถอะครับ เราจะได้ข้ามไปห้วยทรายกัน”
“คุณรู้ได้ยังไง ว่าฉันจะไปห้วยทราย”
“ผมชื่อ พล ครับ ถ้าคุณอยากรู้จักผม”
“ฉันก็ไม่ได้อยากรู้จักคุณหรอกนะ แค่ถามเฉยๆ ว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปห้วยทราย”
ชายหนุ่มถอนใจ ไม่ตอบ แต่เดินนำหน้าลงไปที่ด่านห้วยทราย หญิงสาวรีบคว้ากระเป๋าเป้ใบย่อมของเธอวิ่งตามลงไป
พบว่าเขากรอกเอกสารอยู่เงียบ ๆ ปรายตาว่าเธอขึ้นมายืนอยู่ข้างๆ ก็ยื่นเอกสารที่เขาเอามาเผื่อให้กรอกรายละเอียดลงไป
“ขอบคุณค่ะ ฉันชื่อเกศ เกศมณี รัตนเวียงสา” หญิงสาวพูดเสียงเบาราวกระซิบ แต่ชายหนุ่มก็ยังได้ยิน
ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ กล่าวอย่างเป็นทางการ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ชื่อจริงผม วัชรกร วาณิชกุล”
เกศมณี เดินทางชายหนุ่ม เสมือนว่ามาด้วยกัน ลงเรือลำเดียวกัน และขึ้นไปกรอกเอกสารที่ด่านห้วยทรายด้วยกัน เมื่อข้ามฝั่งมาแล้ว หันกลับมามองแผ่นดินไทย ก็นึกยินดีว่า เมืองไทยของเราสวยมาก
“ถ้าคุณยังไม่รีบไปไหน ผมรู้จักร้านเฝออยู่ร้านหนึ่ง อร่อยใช้ได้ คุณจะไปทานกับผมไหมครับ” วัชรกรกล่าวอย่างเอื้อเฟื้อ
เกศมณี พยักหน้า ยิ้มอย่างเป็นมิตรมากขึ้น แต่แรกก็ไม่หิวเท่าไหร่ พอเขาชวนเท่านั้น อาการหิวก็ฟ้องออกมาทันที
“คุณเกศจะไปไหนหรือครับ ผมก็ลืมถามไป เผื่อว่าจะแนะนำให้ได้ว่า จะต่อรถอะไรไปได้บ้าง”
“ท่าทางคุณจะมาบ่อยนะคะ”
“ครับ แต่ก่อนนี้ผมก็ไปๆ มาๆ ฝั่งไทย ฝั่งลาว อยู่อย่างนี้ละครับ”
“แต่ก่อนนี้ แสดงว่า ปัจจุบันคุณไม่ค่อยได้มาแล้ว”
“ครับ ผมลาออกจากงานเดิม แล้วก็กลับไปทำงานของคุณพ่อ ตอนนี้ลาพักร้อนว่าจะไปเที่ยวนอนเล่นที่หลวงพระบางนะครับ ว่าแต่คุณจะไปไหนครับ”
เกศมณี ยิ้มกว้างมากขึ้น โชคของเธอทีเดียวที่มาเจอคนร่วมทางอย่างไม่นึกฝัน
“เกศก็กำลังจะไปหลวงพระบาง เหมือนกันค่ะ”
วัชรกร ไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจมากมายนัก ทำให้เกศมณีสงสัย
“ไม่แปลกใจเลยหรือคะ”
“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ละมังครับ ที่นักท่องเที่ยวข้ามฝั่งมาก็จะล่องเรือไปหลวงพระบาง”
“อ้าว แล้วคุณถามเกศทำไมละคะ”
“ก็เผื่อคุณเป็นสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ อยากจะอยู่แค่ห้วยทราย หรือต่อไปจีน หรือไปหลวงน้ำทา”
“ไปจีนได้หรือคะ”
“ได้ครับ ไปเข้าทางบ่อเต็น ออกจากห้วยทรายไปก็น่าจะค่อนวัน ชายแดนลาว-จีน ก็เหมือน ไทย-กัมพูชา ละครับ”
“อย่างไงคะ”
“ก็มีบ่อนการพนันน่ะครับ”
เกศมณี ขมวดคิ้ว ไอ้หมอนี่ คิดว่าเธอเป็นนักพนันหรือไงนะ
“ผมไม่ได้คิดว่า คุณเกศมาเล่นการพนันหรอกครับ ผมก็ถามเผื่อไว้เฉยๆ น่ะครับ”
วัชรกรเห็นอาการแล้วรีบทำความเข้าใจ ผู้หญิงปล่อยให้ค้างคาใจนานไม่ได้ เดี๋ยวคิดต่อยอดมากมาย ไม่รู้คิดได้ยังไง เป็นความสามารถพิเศษโดยแท้
“เฝอมาแล้วครับ รีบทานเถอะครับ เดี๋ยวผมพาไปท่าเรือ คุณก็เลือกเรือว่า จะไปเรือเร็ว หรือว่าเรือโดยสาร”
เกศมณี สงบคำ ก้มหน้าทานเฝอหน้าตาคล้ายก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา พลางนึกในใจ ให้ทานก๋วยเตี๋ยวแต่เช้าเลยเชียวนะ เอาน่า ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร
วัชรกร เรียกรถรับจ้างให้พาไปส่งที่ท่าเรือ เพื่อต่อเรือไปยังหลวงพระบาง ไม่นานก็ถึงท่าเรือที่มีคนอยู่จำนวนหนึ่งรอขึ้นเรือเหมือนกัน บางส่วนเป็นนักท่องเที่ยว นานาประเทศ และบางส่วนเป็นคนพื้นที่ แต่ที่แน่นอนคือ มีทัวร์คนไทยอยู่หลายกลุ่มทีเดียว
“คุณไปเรือเมล์หรือเปล่า ที่ไปพักค้างที่ปากแบ่งน่ะ” เกศมณีดึงแขนเสื้อคนตัวโตไว้ถามก่อนที่จะเข้าไปเจรจากับท่าเรือ
“คุณจะไปหรือ” วัชรกรหันมาถาม เหมือนจะตามใจ
เกศมณี พยักหน้ารับ ตามแผนเดิมที่วางไว้เธอจะไปเรือโดยสาร ช้าแต่ปลอดภัย
“ครับผมจะซื้อตั๋วให้คุณ”
