บทที่ 6
“งั้นเราก็ออกเดินทางกันเลยนะ ไปถึงจะได้กินข้าวเที่ยงที่รีสอร์ตพอดี” เยาวเรศเอ่ยขึ้นเพราะไม่อยากไปถึงที่พักช้า คนขับรถซึ่งเป็นคนจากบ้านนุชนาถจึงพาคนทั้งหมดออกเดินทางไปยังรีสอร์ตที่สระบุรีทันที ด้วยจำนวนประชากรในทริปเพิ่มขึ้น ทำให้มีรถเก๋งอีกคันขับตามไปด้วย
ขณะอยู่ในรถศรินภัสร์เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวเพราะเธอเปิดเพลงในโทรศัพท์รุ่นล่าสุด เสียบหูฟังแล้วก็นั่งนิ่งไปตลอดทาง แต่ก็พยายามสนุกร่วมกับทุกคนในรถเพราะเธอแยกประสาทการได้ยินได้ค่อนข้างดี แฟนหนุ่มของเยาวเรศเป็นคนที่คุยสนุก อารมณ์ดีหาเรื่องมาเล่าให้คนในรถฟังไม่หยุด ไหนจะมีคนร่วมสมทบที่เป็นแฟนของนุชนาถและคนอื่นๆ อีก บรรดาหนุ่มๆ ในรถจึงพูดถูกคอกันเข้าไปอีก
ใช้เวลานั่งรถประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงทางเข้ารีสอร์ต ศรินภัสร์เด้งตัวขึ้น ขยับม่านที่ปิดตรงกระจกออกเพื่อมองไปรอบๆ เธอเห็นฝูงวัวตัวน้อยใหญ่อยู่บนลานหญ้าที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาก็ว่าได้ วัวสีขาวลายจุดสีดำและสีอื่นๆ ตัดกับหญ้าสีเขียวได้เป็นอย่างดี ก่อนจะมองเห็นรีสอร์ต ที่อยู่ห่างออกมาจากพื้นที่เลี้ยงวัว มีรั้วไม้กั้นไว้เป็นสัดส่วน
“วัวน้อยลายจุด” ศรินภัสร์ที่บ้าทุกอย่างที่เป็นลายจุดเอ่ยขึ้นเบาๆ ออกแนวเพ้อ เธอต้องมาถ่ายรูปเจ้าวัวน้อยลายจุดสุดประทับใจของเธอให้ได้ โดยตอนนี้แทบแยกไม่ออกว่าไหนคือวัวคือโคหญิงสาวเรียกรวมกันไปหมด
“ว้าว .บรรยากาศดีจังเลย” เยาวเรศเอ่ยขึ้นอีกคน เธออยากสูดอากาศสดชื่นๆ ของที่นี่ให้เต็มปอดจะแย่แล้ว
“สวยแฮะ” คนบ้าลายจุดอย่างศรินภัสร์ก็เอ่ยกับตัวเองเมื่อเห็นรีสอร์ตที่เธอจะพักคืนนี้ ภายในรีสอร์ตที่สร้างมาจากไม้ทั้งหมด แบ่งออกเป็นหลังๆ แถมยังมีห้องพักแบบเต็นท์ ได้อารมณ์แนวรอบกองไฟในซาฟารีอีกต่างหาก บรรยากาศโดยรอบก็ร่มรื่นมาก
“ที่นี่เป็นฟาร์มโคนมนะคะ น้องโคพวกนี้สามารถรีดนมแล้วเอามาทำเป็นนมสด นมผง ไอศกรีม ชีสอื่นๆ อีกสารพัดอาหาร” นุชนาถเอ่ยแนะนำ
“เหรอ นี่โคเหรอพี่นึกว่าวัวซะอีก” ศรินภัสร์ถึงบางอ้อ จะว่าไปเรื่องนี้เธอก็ไม่ค่อยมีความรู้ซะด้วย
“ค่ะจะเรียกว่าวัวหรือโคก็ได้เพราะความหมายเหมือนกัน ที่เห็นอยู่นี่คือโคนม วัวนมแล้วแต่จะสะดวกเรียก แต่ที่ฟาร์มนี้เรียกเจ้าสีขาวหน้าตาน่ารักลายจุดว่าโคค่ะพี่ตรี เราก็เลยเรียกตามนั้นด้วย” ไกด์กิตติมศักดิ์อย่างนุชนาถเอ่ยขึ้น
“ใช่น่ารักเนอะ” เยาวเรศเอ่ยขึ้น เพราะเธอคงเรียกมันว่าน้องโคนี่แหละ
“ชอบไหมพี่ตรี” นุชนาถเอ่ยถามศรินภัสร์เป็นคนแรกเมื่อลงจากรถมายืนหน้าทางเข้ารีสอร์ต เพราะที่นี่เธอนำเสนอมาก แม้จะไม่เคยมาพักแต่เพื่อนๆ เธอเคยมากันแล้วหลายรอบด้วย การันตีว่าสนุก บริการดีเยี่ยม แม่ครัวก็ทำอาหารได้อร่อยอย่าบอกใคร สั่งอะไรได้หมด
“ชอบค่ะ แบบนี้ค่อยลดโทษที่น้องนุชพาแฟนมาด้วยหน่อย” หญิงสาวหันมาเอ่ยขำๆ ใส่ นุชนาถก็ยิ้มเขินกลบความผิดเล็กๆ ของเธออย่างเดียว
“ดีจังที่พี่ตรีชอบ เข้าไปข้างในรีสอร์ตกันดีกว่าค่ะ ป่านนี้อาหารเที่ยงที่สั่งไว้คงเรียบร้อยแล้ว” นุชนาถเดินเกี่ยวแขนศรินภัสร์เข้าไปด้านใน ก่อนจะพาเดินไปยังห้องอาหารที่เปิดโล่งให้เห็นบรรยากาศของรีสอร์ตและฟาร์มโดยรอบก็ว่าได้ นับไปนับมาทั้งหมดของทริปนี้คือสิบห้าคน ที่เป็นเศษจะมีใครนอกจากศรินภัสร์นั่นเอง
ในมือทุกคนมีแผนที่ของทางรีสอร์ตซึ่งพนักงานได้ยื่นให้ตอนเดินเข้ามา บอกว่าแต่ละจุดมีกิจกรรมอะไรให้เล่นบ้าง ซึ่งนับไม่ถ้วนก็ว่าได้ มันดูเยอะแยะจนไม่รู้จะเลือกเล่นอันไหนก่อน ศรินภัสร์อ่านอย่างสนใจ เพราะเธอจะเล่นมันให้หมดทุกอย่างนี่แหละ แต่ก่อนอื่นคงต้องขับรถเอทีวีไปให้ทั่วซะก่อน
“รีสอร์ตอโณทัยยินดีต้อนรับทุกท่านครับ หากขาดเหลือหรือต้องการอะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกับพนักงานได้นะครับ” ผู้จัดการรีสอร์ตเอ่ยต้อนรับ ก่อนจะเดินกลับออกไป สั่งให้ลูกน้องคอยดูแลแขกให้ดี เพราะเขาต้องไปหาอโณทัยที่ฟาร์มเพื่อแจ้งว่าแขกที่จองห้องพักไว้ได้มากันครบแล้ว
เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นครั้งแรกที่เข้ามาพัก อโณทัยเคยแจ้งว่าลูกค้าที่มาพักครั้งแรก ต้องบริการให้ดี อยากให้เขากลับมาใช้บริการใหม่ ส่วนลูกค้าเก่าที่มาพักบ่อยๆ ก็ให้เพิ่มการบริการให้ดีกว่าครั้งก่อนหน้าที่เข้ามาเสมอ ให้เขาเห็นถึงความแตกต่างและมองว่าทางรีสอร์ตให้ความสำคัญกับเขา
“นาย แขกวันนี้มาครบแล้วครับ” เสรีเข้ามารายงาน เขาทำแบบนี้ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการรีสอร์ตให้อโณทัย จากเด็กตกงานในเมืองกรุงกลับได้ดิบได้ดีถึงทุกวันนี้ เพราะชายหนุ่มตรงหน้าเปิดโอกาสให้เข้ามาทำงานตั้งแต่รีสอร์ตเปิดตัว เขาจึงมีหน้าที่รับผิดชอบที่ค่อนข้างใหญ่เหมือนกันและก็พยายามทำให้ดีด้วย
“เหรอ ดูแลให้ดีๆ ล่ะเสรี อย่าให้เสียชื่อ” อโณทัยที่กำลังวุ่นกับการทำเครื่องหมายให้ลูกโคอยู่เอ่ยขึ้น ที่ต้องทำแบบนี้เพราะจะได้รู้ว่าตัวไหนคือพ่อแม่พันธุ์ ไม่สับสนตอนมันโตหรือตอนจับขาย
“ครับนาย” ผู้จัดการรีสอร์ตเอ่ยรับคำ ก่อนจะกลับออกไปดูความเรียบร้อยที่รีสอร์ตต่อ ส่วนอโณทัยก็ตั้งหน้าตั้งตาทำเครื่องหมายลูกโคด้วยการตีเบอร์ไฟที่ใบหูต่อไปโดยมีลูกมือคอยช่วยสองสามคน วันนี้มีหลายตัวเสียด้วยที่เขาต้องทำให้เสร็จ
“เห้ยๆ ไอ้หมึกจับลูกโคมันดีๆ หน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยสั่งลูกน้องขึ้น เมื่อลูกโคเริ่มดิ้นหนัก ไม่ยอมอยู่นิ่งง่ายๆ
“ครับๆ นาย” หมึกเอ่ยรับ ก่อนจะเข้าไปจับลูกโคให้อยู่นิ่งๆ เพราะยิ่งดิ้นงานก็เสร็จช้า
“จับมันให้นิ่งไว้นะเอ็ง ถ้าไม่อยากให้ข้าตีเบอร์ทำเครื่องหมายบนแขนเอ็งแทนหูมัน” อโณทัยเอ่ยสั่ง ใช่ว่าเขาไม่เคยพลาดแต่โชคดีที่ครั้งนั้นมันแค่เฉียดๆ แขนลูกน้องไป
“อย่าพลาดนะนาย ผมไม่อยากมีเบอร์ติดแขน” คนงานที่อายุอานามเท่าๆ กับอโณทัยเอ่ยขึ้น จะว่าไปชายหนุ่มก็มีหมึกนี่แหละที่เป็นทั้งลูกน้องและเพื่อน คุยนั่นนี่ได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าสิ่งที่เขาพูดจะไปถึงหูคนอื่น หมึกเองก็ให้ความเคารพตัวอโณทัยในฐานะที่เป็นเจ้านาย แต่นอกเวลางานอโณทัยมักจะเป็นเพื่อนคุยที่ชอบชวนเขามานั่งดื่มเบียร์เย็นๆ ข้างกองฟางอยู่บ่อยๆ
