บทที่ 7
“เออ” คนเป็นเจ้านายเอ่ยรับคำ ก่อนจะตั้งอกตั้งใจตีเบอร์ที่หูลูกโคต่อไป
ศรินภัสร์และทุกคน นั่งทานอาหารไปก็มองบรรยากาศโดยรอบไปด้วย ที่นี่มองไปทางไหนก็เพลินตาไปเสียหมด อาหารก็ถูกปากอร่อยทุกอย่างตามที่นุชนาถบอกจริงๆ หลังจากกินอาหารเที่ยงเรียบร้อยทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องพักเพื่อเก็บของแล้วให้มารวมกันที่หน้ารีสอร์ตในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เพราะทุกคนอยากออกไปสัมผัสความตื่นเต้นที่ทางรีสอร์ตมีนั่นเอง
“นอนคนเดียวได้นะแก” เยาวเรศเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะแยกเข้าบ้านพัก ถึงจะมีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสแต่เวลาไปพักตามโรงแรมต่างๆ เธอกับศรินภัสร์จะจับคู่เป็นบัดดี้นอนด้วยกันเสมอ แต่วันนี้เยาวเรศมากับสามีขืนเธอเข้าไปนอนด้วยก็คงแปลกคนแล้ว
“อืมสบายมาก” ศรินภัสร์หันมายิ้มให้เพื่อนสาว เธอเดินไปตามทางเล็กๆ เพื่อมุ่งหน้าไปห้องตัวเองที่ออกจะไกลจากทุกคนมาหน่อย หญิงสาวมองซ้ายมองขวาแม้จะบอกว่านอนได้ก็ใช่ว่าเธอจะไม่กลัวซะหน่อย แต่พอเข้ามาในห้องพักศรินภัสร์ก็ยิ้มออกเพราะความสวยของการตกแต่งที่ลงตัวไปทุกอย่างก็ว่าได้ ความที่อยากออกไปเล่นเครื่องเล่นทำให้ศรินภัสร์ยังไม่เดินดูรอบห้องตอนนี้ หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูทะมัดทะแมงกว่าเดิม สวมรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินสดตัดกับผิวขาวๆ ของเธอ ก่อนจะเดินลงมารอทุกคนเป็นคนแรกก็ว่าได้
แต่พอรวมตัวกันหมดทุกคน ความต้องการของแต่ละคนก็ดูจะไม่เหมือนกัน คนนั้นอยากไปเล่นนี่ก่อน คนนี้จะไปที่นั่นบ้าง ศรินภัสร์จึงปวดหัวตัดสินใจว่าทุกคนน่าจะแยกย้ายไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำ แล้วค่อยกลับมาที่นี่ตอนหกโมงเย็น ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ศรินภัสร์เลือกที่จะขับรถเอทีวีรอบๆ ก่อน หญิงสาวขับตามถนนเส้นเล็กจนมาถึงฟาร์มโคนม เธอสนใจเจ้าโคลายจุดด้านหน้าทางเข้าตั้งแต่แรกและความคิดนั้นก็ยังไม่หายไป อยากถ่ายรูปไปอวดพี่ชายที่ไม่ได้มาสักใบสองใบ
“โคน้อยลายจุดอยู่ไหนนะ” ศรินภัสร์ชะเง้อมองไปข้างหน้าเพื่อหาเป้าหมายที่เล็งไว้นานแล้ว ถ้าไม่เจอเจ้าลูกโคตัวนั้นเธอไม่ยอมถอยแน่นอน ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อสายตามองเห็นสิ่งที่ต้องการ
“เจอแล้ว” หญิงสาวจอดรถเอทีวีคันใหญ่ริมรั้วที่กั้นไม่ให้โคน้อยออกมาเดินเพ่นพ่าน ศรินภัสร์มองซ้ายมองขวาหาทางเข้า ถัดออกไปไม่ไกลกันนักสงสัยจะเป็นคอกโคเห็นเป็นช่องๆ แล้วก็มีโคอยู่ในคอกเกือบครบ ในลานหญ้าก็มีอีกหลายสิบตัวเดินแทะเล็มหญ้าไปทั่ว แต่สิ่งที่เธอต้องการคือเจ้าลูกโคน้อยลายจุดที่เดินอยู่ในลานหญ้านี่ต่างหาก
ศรินภัสร์ไม่รั้งรอเธอปีนข้ามรั้วไม้ เดินย่องๆ เข้าไปหาลูกโคที่ต้องการทันที โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเธอจะส่งผลร้ายมาถึงตัว เพราะแม่โคที่เดินอยู่ไม่ไกลกำลังเล็งสายตามายังผู้บุกรุกที่คิดว่าจะเข้ามาทำอันตรายลูกมัน สัญชาตญาณความเป็นแม่บอกให้มันเข้าขัดขวาง
“นาย มีคนข้ามรั้วเข้าไปในลานหญ้า” หมึกที่เผอิญเงยหน้าขึ้นมองไปที่ลานหญ้า มองเห็นเข้าพอดีจึงเอ่ยบอกอโณทัย เพราะกลัวว่าแม่โคจะไล่ขวิดผู้หญิงคนนั้นเข้า
“เวรแล้วไหมล่ะ” ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง อย่างไม่สบอารมณ์ เธอคนนั้นต้องเป็นแขกที่รีสอร์ตแน่นอน คนกรุงนี่ไม่อ่านป้ายห้ามที่เขียนติดตัวเบ้อเร่อเลยหรือไงกัน ชอบทำอะไรฝ่าฝืนคำสั่งอยู่เรื่อย ชายหนุ่มวางมือจากการตีเบอร์ไฟลูกโคไว้ก่อน แล้วเดินก้าวยาวๆ ไปยังผู้หญิงที่เขาเห็น เข้าไปหาโคตัวไหนไม่เข้า ดันเข้าหาลูกเจ้าสวย มันหวงลูกมากยังกับอะไรดี
“โคจ๋า มาถ่ายรูปกันหน่อยเร็ว” ศรินภัสร์ไม่สนใจสิ่งอื่นรอบข้าง ทั้งอาการแปลกๆ ของแม่โคและโคตัวอื่นในลานหญ้า นอกเสียจากลูกโคน้อยลายจุดของเธอ อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัวแล้ว อยากจับผิวมันดูสักหน่อย
“คุณ อย่าเข้าไป” อโณทัยเอ่ยห้ามเสียงดังมาแต่ไกล เพราะลูกโคตัวที่หญิงสาวกำลังเดินเข้าไปหานั้น แม่โคเพิ่งตกลูกมาได้ไม่กี่วัน จึงหวงลูกไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ง่ายๆ เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปเดี๋ยวมันก็ไล่ออกมาวิ่งไม่ทันจะเป็นเรื่องเอา
แต่คำร้องห้ามของอโณทัยก็ไม่ส่งผลต่อศรินภัสร์แม้แต่น้อย เพราะเธอไม่ได้ยินนั่นเอง หญิงสาวเดินยิ้มตามถ่ายรูปเจ้าโคน้อยลายจุดที่เดินไปทั่วลานหญ้า ไม่ยอมหยุดกับที่เหมือนตอนแรกที่เธอมองเห็น ศรินภัสร์รู้สึกว่าต้องมีอะไรบางอย่างผิดปรกติ เหมือนมีสายตาหลายสิบคู่จ้องมองอยู่ยังไงยังงั้น หญิงสาวละสายตาจากลูกโคที่กำลังจะเดินไปถึงขึ้นมองไปรอบๆ ก็เห็นโคในลานหญ้าหันหน้ามองมาที่เธอเกือบทุกตัว
แต่สิ่งที่ทำให้ศรินภัสร์อ้าปากค้างเพราะสายตามองเห็นแม่โคตัวใหญ่กำลังเดินหรือวิ่งไม่แน่ใจนัก มันมุ่งหน้ามาหาจุดที่เธอยืนอยู่ด้วยความเร็ว หญิงสาวตกใจแทบก้าวขาไม่ออก อยากวิ่งหนีแต่เหมือนมีอะไรยึดขาเธอให้อยู่กับพื้น
“ตายแน่ๆ ยายตรี วิ่งสิวิ่ง” ศรินภัสร์พยายามสั่งตัวเอง เธอจ้องมองโคตัวใหญ่ตาไม่กะพริบ มันใกล้เข้ามาแล้วจนหญิงสาวเหงื่อออกเต็มตัวไปหมด หน้าซีดเป็นไก่ต้มไปแล้วตอนนี้
