มายาประกาศิต

175.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
115
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“อย่ารุนแรงล่ะ เพราะน้องผมยังไม่เคย” ภาณุพงศ์เอ่ยสองแง่สองง่ามให้น้องสาวได้หน้าแดง จนศรินภัสร์อยากกัดลิ้นตาย ก็ไหนบอกชอบ อีตาเกย์บ้านี้มากทำไมทำกับเธอแบบนี้ได้กัน เขาเป็นเกย์ทำไมพี่ชายเธอถึงได้พูดอะไรน่าเกลียดแบบนี้ออกมา “ครับ..จะถนอมให้ถึงที่สุด” อโณทัยสบตากับภาณุพงศ์แน่วแน่ แค่นี้ความคิดที่ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นเกย์ก็แทบหายเกลี้ยงเสียแล้ว ที่เหลือก็คงต้องปล่อยให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันเอง ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ดูท่าทางศรินภัสร์จะไม่ยอมเชื่อง่ายๆ เหมือนกัน เพราะรายนี้ถ้าได้ปักใจเชื่ออะไรแล้วต้องพิสูจน์จนขาวสะอาดนู่นแหละถึงจะยอมเปลี่ยนความคิด

นิยายรักโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นรักวัยรุ่นโตมาด้วยรักหวานๆ

บทที่ 1

ภายในเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบินชั้นนำ ที่กำลังเดินทางจากโรม อิตาลี เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ศรินภัสร์แอร์โฮสเตสสาวสวยของสายการบิน กำลังทำหน้าที่บริการผู้โดยสารระดับวีไอพีด้วยรอยยิ้ม ทำให้บรรดานักธุรกิจหนุ่มๆ หรือคนมีเงินล้นมือที่ได้ขึ้นมานั่งบนชั้นนี้ต่างจ้องมองเธอตาเป็นมัน โดยเฉพาะก้นงอนงามได้รูปสวยๆ ที่ขยับไปมายามเธอเดินเฉิดฉายให้บริการ

“ผมอยากได้กาแฟสักแก้ว” เสียงของผู้โดยสารคนหนึ่งเอ่ยบอก เมื่อศรินภัสร์กำลังจะเดินผ่านเก้าอี้ที่เขานั่ง ในเครื่องบินลำนี้ชั้นเฟิร์สคลาสจะค่อนข้างพิเศษ คือจะมีความเป็นส่วนตัวสูง เก้าอี้แต่ละที่นั่งจะถูกแยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วน

“สักครู่นะคะ” ศรินภัสร์ยิ้มหวานให้แล้วเอ่ยขึ้น ที่จริงวันนี้เธอได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้โดยสารอีกโซนแต่รุ่นน้องขอเปลี่ยนเพราะทนสายตาของผู้โดยสารในชั้นเฟิร์สคลาสบางคนไม่ได้ หญิงสาวเห็นใจจึงเปลี่ยนให้ เพราะรุ่นน้องคนนั้นหัวอ่อน ตอบโต้ไอ้พวกที่ได้ชื่อว่าผู้ชายแต่นิสัยไม่ใช่ไม่ได้แน่นอน ศรินภัสร์เดินไปชงกาแฟก่อนจะนำมาเสริฟ์ให้ผู้โดยสารตามที่ร้องขอไป

“ขอบคุณครับ ไม่ทราบว่าจะให้เกียรตินั่งคุยกับผมได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มตรงหน้าที่อายุอานามก็น่าจะประมาณสามสิบต้นๆ เอ่ยถามขึ้น ศรินภัสร์กัดฟันกรอดๆ อย่างไม่สบอารมณ์แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มอยู่ คนพวกนี้รู้ทั้งรู้ว่าพวกเธอนั้นไม่มีสิทธิ์ไปคุยเล่นด้วยได้ แต่ก็ยังแกล้งถามออกมา

“ต้องขออภัยค่ะ ดิฉันไม่สามารถทำอย่างที่คุณร้องขอได้” หญิงสาวเอ่ยตอบกลับไปอย่างสุภาพที่สุด หวังว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่พวกหน้าหม้อที่รุ่นน้องของเธอเจอหรอกนะ ถึงอย่างนั้นเธอไม่ประมาทล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม กดปุ่มเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กที่พกติดตัวไว้ตลอดการทำงาน เพื่อให้มันบันทึกการสนทนาครั้งนี้ไว้ด้วย กันไว้ดีกว่ามานั่งปวดหัวทีหลัง

“แค่นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ ผมจ่ายค่าเสียเวลาให้คุณได้นะจะเอาเท่าไหร่” ชายหนุ่มตรงหน้าเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน เขานั้นสนใจแอร์โฮสเตสสาวคนนี้ตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่องบินมาแล้ว เธอดูจะวางตัวได้ดี แต่สำหรับเขาถ้าต้องการอะไรก็ย่อมได้

“คงไม่ดีมั้งคะ” ศรินภัสร์ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เก้าอี้ที่ชายหนุ่มคนนี้นั่งอยู่ เพราะถ้ายืนทุกคนในห้องผู้โดยสารจะผิดสังเกตและได้ยินบทการสนทนาที่น่าเกลียดนี้ แจ็กพ็อตมาแตกที่เธอจนได้

“ดีสิ คุณอย่าล่นตัวไปหน่อยเลย แอร์บนเครื่องลำนี้ผมเคยใช้เงินซื้อให้พวกเธอมาคุยด้วยบ่อยๆ แถมลงเครื่องที่สุวรรณภูมิยังใจดีพาไปกินของหรูๆ ช้อปปิ้งของแบรนด์เนม รับรองสิ่งที่ผมจะให้เงินเดือนแอร์ทั้งปีคุณยังไม่มีปัญญาจ่าย” คำพูดที่ถือดีว่าตัวเองรวย ซื้อทุกอย่างด้วยเงินได้โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของคนอื่น ทำให้ศรินภัสร์ขยะแขยงที่จะพูดคุยด้วยแม้อยากจะลุกหนีแต่เธอก็ทำแบบนั้นไม่ได้

“แล้วถ้าดิฉันอยู่คุยด้วย ไม่ทราบว่าจะจ่ายเท่าไหร่ล่ะคะ” ศรินภัสร์กัดฟันถามออกไป ผู้ชายพวกนี้เห็นแอร์โฮสเตสอย่างพวกเธอเป็นอะไรกันแน่ ถึงคิดจะซื้อได้ด้วยเงิน ในเมื่อกระเป๋าหนักเธอก็ยินดีจะรับแต่ในแบบฉบับของเธอนะ

“ไม่อั้น เพราะผมเป็นถึงลูกนักการเมืองใหญ่เชียวนะ” ความรู้สึกพออกพอใจในตัวแอร์โฮสเตสสาวสวยตรงหน้า ทำให้มนตรีใจใหญ่ ทุ่มเงินเพื่อเธอไม่อั้นเริ่มที่การพูดคุยแต่ใครจะรู้ว่ามันจะจบที่ไหน อาจตรงนี้หรือบนเตียงก็ได้

“อ้อเหรอคะ” แอร์โฮสเตสสาวทำเสียงตื่นเต้นให้กับคำโอ้อวดนี้

“ใช่ ผมตกลงจ่ายให้แล้ว คราวนี้เธอก็ขึ้นมานั่งบนตักซะที” มนตรีบอกแบบไม่รีรอ ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสหัวเข่าเนียนๆ ที่โผล่ออกมานอกชายกระโปรงของหญิงสาวอย่างจงใจ

“เอ๊ะ บนตัก” ศรินภัสร์ทวนคำที่ได้ยิน ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่ แต่ในใจแทบจะจับผู้ชายหน้าหม้อ มักมากคนนี้ลงจากเครื่องบินตอนนี้เสียจริง

“ใช่ ขึ้นมาเร็วๆ สิ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะมองศรินภัสร์ตาเป็นประกาย เขาไม่อยากคุยโดยที่เธอยังนั่งคุกเข่าอยู่แบบนี้ มานั่งคุยบนตักนุ่มๆ ของเขาไม่ดีกว่าหรือไง จะได้ใกล้ชิดทำความรู้จักให้มากขึ้นอีกหน่อย

“แล้วเงินละคะ” แอร์โฮสเตสสาวสวยยิ้มหน้าตาย ก่อนจะแบมือขอเงินก่อน

“เข้าใจแล้ว ได้สิ” มนตรีพยักหน้าให้ ก่อนจะหยิบสมุดเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท เซ็นชื่อและใส่ยอดเงินให้เธอเรียบร้อย ก่อนจะฉีกกระดาษแผ่นนั้นให้ศรินภัสร์ หญิงสาวรับเช็คนั้นมาดูเห็นจำนวนเงินที่โชว์อยู่คือห้าหมื่นบาท เธอขบกรามแน่นดังกรอดๆ เลยก็ว่าได้

“เงินฉันก็ให้แล้ว เธอขึ้นมานั่งบนตักฉันซะที” น้ำเสียงแข็งกระด้างเอ่ยสั่ง ช่างแตกต่างไปจากเมื่อครู่ลิบลับ ศรินภัสร์เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่งยิ้มให้ มือบางฉีกกระดาษมูลค่าห้าหมื่นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มนตรีถึงกับโมโหที่เธอเล่นไม่ซื่อหรือเงินที่เขาให้มันจะน้อยไปอย่างนั้นเหรอคนสวยๆ อย่างเธอคงซื้อด้วยเงินที่มากกว่านี้

“เก็บเงินสกปรกของคุณไว้แล้วกันนะคะ ดิฉันไม่ต้องการ” ศรินภัสร์โปรยเศษกระดาษลงไปบนตัวของชายตรงหน้า

“มันจะมากไปแล้วนะ เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”

“ถ้าดิฉันความจำไม่เสื่อม คุณเคยบอกว่าเป็นลูกนักการเมืองใหญ่ หรือคุณความจำเสื่อม ลืมกำพืดของตัวเองซะแล้ว” คำพูดเผ็ดร้อนออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ทำเอาคนฟังเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ

“นี่เธอ กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉัน หา” น้ำเสียงของมนตรีดังขึ้นเรื่อยๆ แต่คนอื่นๆ ในชั้นเฟิร์สคลาสเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจนัก ศรินภัสร์ยักไหล่ให้ไม่สนใจ ถ้าตกงานเพราะเรื่องนี้เธอก็ยอม แต่ก่อนจะยื่นซองขาวขอประจานคนพวกนี้ให้คนทั้งประเทศรู้หน่อยแล้วกัน

“กล้าดี ใช่ฉันเป็นแบบนั้น เพราะฉันเป็นคนซึ่งคนอย่างคุณไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินนี่” ศรินภัสร์สบตาชายตรงหน้านิ่ง

“อวดเก่ง เงินที่ฉันให้มันคงยังไม่พอล่ะสินะ” มนตรียังคิดว่าที่ ศรินภัสร์ไม่ยอมง่ายๆ คงเป็นเพราะเงินน้อยไป การสนทนาของคนทั้งคู่อยู่ในสายตาของแอร์โฮสเตสและสจ๊วตอีกหลายคน หนึ่งในนั้นคือภาณุพงศ์พี่ชายของศรินภัสร์