บทที่ 4
“ก็ถูกของเจ้ ถ้าโลกนี้กะเทยท้องได้ แล้วจะมีผู้หญิงไว้ทำไมกัน” ชายหนุ่มยักไหล่ให้ จะว่าไปเขาก็ไม่เคยคบผู้หญิงจริงๆ จังๆ สักคน อยากรู้ว่าจะงี่เง่าเหมือนในละครหรือเปล่าน้า อโณทัยได้แต่คิดกับตัวเองพร้อมกับการตักอาหารเย็นรสชาติถูกปากเพราะฝีมือแม่เข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ เพราะวันนี้หิวมากกว่าทุกวัน เขาอยู่ในฟาร์มแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย
“ว่าแต่โอ๊คสนใจมาเป็นนายแบบให้เจ้ไหมจ๊ะ” เจ้หมวยไม่พูดพล่ามทำเพลง เอ่ยถามชายหนุ่มทันที เพราะไม่อยากลุ้นคนเดียว
“ไม่ ขอปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด” อโณทัยเอ่ยบอกทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้ามองเจ้หมวยด้วยซ้ำไป
“คิดให้ดีๆ ก่อนตอบว่าไม่ ไม่ได้หรือไง” คนถามแทบหมดกำลังใจไปต่อกันเลยทีเดียว แต่คนอย่างเจ้หมวยก็ไม่ยอมถอดใจง่ายๆ เหมือนกัน
“คิดดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบแบบเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ทำไมล่ะ งานง่ายๆ จะให้เขามาถ่ายที่รีสอร์ตก็ยังได้ โอ๊คยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองสามตัวเชียวนะ ได้เงินเป็นหมื่นหรือแสน ได้โฆษณารีสอร์ตกับฟาร์มโคนมไปในตัวอีกต่างหาก ดีไม่ดีดังขึ้นมาคราวนี้นักท่องเที่ยวที่จะมาพักที่รีสอร์ตก็มากขึ้นเป็นเท่าตัว มีแต่ได้กับได้นะโอ๊ค” คำหว่านล้อมของเจ้หมวยดูจะไม่เป็นผลสำหรับอโณทัย เจ้หมวยหันไปมองหน้ามณี แต่เธอได้แต่ส่ายหน้าให้เหมือนขอแยกตัว ไม่เกี่ยวข้องด้วยเพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกชายเธอคนเดียว
“แต่ผมไม่ชอบถ่ายรูป อีกอย่างอยู่แบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากทำในสิ่งที่ไม่ชอบ สีหน้าผมมันจะบอกโต้งๆ ว่าอึดอัดถ่ายยังไงก็ไม่ได้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พยายามบอกให้เจ้หมวยเข้าใจว่าเขาไม่ชอบงานประเภทนี้จริงๆ
“ไม่ลองเก็บไปคิดหน่อยเหรอ คิดว่าช่วยเจ้หน่อยนะ” น้ำเสียงของเจ้หมวยดูอ้อนวอน จนอโณทัยส่ายหน้าให้
“ไม่ล่ะครับ เจ้หาคนอื่นง่ายกว่า” ชายหนุ่มยังคงยืนกรานในการปฏิเสธเช่นเดิม เจ้หมวยถอนหายใจออกมาหนักๆ วันนี้อโณทัยไม่ตกลง เธอต้องกลับมาใหม่แน่เรื่องอะไรจะยอมถอดใจง่ายๆ ตอนนี้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาคาถาความบ้าแบบกะเทยๆ ของเธอเข้าสู้แล้วกัน
“ช่างเถอะๆ เจ้ไม่คุยเรื่องนี้แล้วก็ได้” คนเอ่ยชวนยอมถอยออกมาก่อนก้าวหนึ่ง แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำให้อโณทัยเปลี่ยนใจได้ในไม่ช้า
ทั้งหมดทานอาหารค่ำเรียบร้อยก็แยกย้ายมุมใครมุมมัน มณีกับ เจ้หมวยอยู่คุยกันตรงริมระเบียงต่อ ด้วยเรื่องราวมากมายที่สาวประเภทสองจะนำมาเล่าให้มณีฟัง ล้วนแต่สร้างเสียงหัวเราะให้เธอ ส่วนอโณทัยปลีกตัวไปนอนบนแคร่ไม้หน้าบ้านเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ตอนนี้มีดาวมากมายพราวระยับประดับประดาอยู่
ภายในคอนโดมิเนียมสุดหรู ที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของสองศรีพี่น้อง อย่างภาณุพงศ์และศรินภัสร์ ซึ่งเหมือนบ้านชั้นเดียวขนาดย่อมๆ หลังหนึ่งก็ว่าได้ มีหลายคนที่เข้ามาที่นี่เคยถามว่าทำไมพวกเขาไม่ไปซื้อบ้านให้รู้แล้วรู้รอด คำตอบที่ออกมาจากทั้งสองคนคือไม่ชอบความวุ่นวายของคำว่าหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านนิสัยจะเป็นยังไงบ้าง กลัวคนเอาขยะมาทิ้งหน้าประตูแล้วหาเจ้าของไม่ได้ กลัวน้องหมา น้องแมวหรือสารพัดสัตว์เลี้ยงมาฉี่มาปลดทุกข์กองไว้ให้เจ้าบ้านทุกข์แทน ด้วยความที่ต้องการตัดปัญหา ทั้งสองคนจึงขออยู่แบบคอนโดมิเนียม สบายใจกว่ากันเยอะ
ศรินภัสร์กำลังจัดกระเป๋าที่จะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับก๊วนแอร์โฮสเตสด้วยกัน เธอจัดนั่นจัดนี่สารพัดเตรียมพร้อมจนกระเป๋าเดินทางเต็มไม่มีพื้นที่เหลือ ครั้งนี้น้องนุชนาถบอกว่าจะไปเที่ยวป่าเที่ยวเขา คิดแล้วก็อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง หญิงสาวเดินยิ้มออกมาจากห้องส่วนตัวก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นพี่ชายยังนั่งอยู่ที่หน้าทีวี
“พี่ณุ จัดกระเป๋าเสร็จแล้วเหรอ” ศรินภัสร์เอ่ยถามก่อนจะลงไปนั่งข้างๆ พี่ชาย
“พรุ่งนี้คงไปด้วยไม่ได้” ภาณุพงศ์หันมาบอกน้องสาว ใบหน้าไม่ได้สลดแม้แต่น้อยแต่กลับดูชื่นมื่นชอบกล อย่างนี้มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน
“หมายความว่ายังไง พี่ณุก็หยุดนิทำไมไม่ไปด้วยกันล่ะ” น้องสาวพยายามมองตาพี่ชาย เพ่งมองหาคำตอบที่ทำให้ภาณุพงศ์ดูสดชื่นขนาดนี้
“พอดีต้องไปรับคนที่สนามบิน”
“หา อย่าบอกนะว่าสตีฟมาอีกแล้วน่ะ” ศรินภัสร์เอ่ยขึ้น พร้อมกับภาพใบหน้าของคนที่เธอพึ่งพูดถึงไปหยกๆ ฉายเข้ามาในความคิด
ชายหนุ่มเมืองผู้ดีชาวอังกฤษที่ปิ๊งปั๊งกับพี่ชายเธอบนเครื่องบินจนสานสัมพันธ์กันมาได้เกือบปี แต่ภาณุพงศ์ก็ชอบบอกว่าแค่เพื่อนไม่มีอะไร แต่แววตากลับไม่ใช่สักนิด เห้อ สมัยนี้ผู้ชายหายากจริงๆ ไม่ขอให้ดีเต็มร้อย เอาแบบเลวบ้างอะไรบ้างก็ได้ แต่ขอย่างเดียวไม่เป็นเกย์เท่านั้นพอ คิดแล้วศรินภัสร์ก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ
“ก็ใช่ คนมันมีเพื่อนบินมาหาก็แบบนี้แหละน้อง ไม่เหมือนใครบางคนเหี่ยวแห้งอยู่บนคานแน่ๆ” ภาณุพงศ์ลูบศีรษะของน้องสาวไปมา จนผมยาวๆ สยายไปตามแรง ศรินภัสร์ย่นจมูกให้พี่ชายก่อนจะปัดมือออกไปให้พ้น
“เชอะ ก็เค้าสวยเลือกได้นิ”
“จ้าแม่คุณ ว่าแต่มีคนมาให้เลือกแล้วเหรอถึงพูดแบบนี้น่ะ”
“ไม่มี ” คำพูดของภาณุพงศ์คราวนี้ ทำเอาศรินภัสร์ถึงกับคอตกกันเลยทีเดียว
ฮ่า ฮ่า
ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะดังลั่นห้องเมื่อได้ยินคำพูดแนวจะยอมรับเต็มอกเต็มใจของน้องสาว ศรินภัสร์นั่งหน้ามุ่ยทันที ก่อนจะเงยหน้าบึ้งๆ ขึ้นมองภาณุพงศ์
“เมื่อปีที่แล้วตอนงานแต่งงานยายเนตร ตรีได้รับดอกไม้ของเจ้าสาวเขาบอกว่าจะเป็นคนได้แต่งงานคิวต่อไป แต่ตอนนี้ตรียังไม่มีแฟนเลย ให้ถึงขั้นแต่งงาน ได้ก็บ้าแล้ว” ศรินภัสร์นั่งหน้ามุ่ย ปีที่แล้วเยาวเรศก็ชิ่งเธอไปแต่งงานที่ปลูกต้นรักกับพี่วสุแค่สองปีก็ลั่นระฆัง ตอนนี้ในกลุ่ม ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นสาวโสดคนเดียวของรุ่น คิดแล้วก็ใจห่อเหี่ยวขึ้นมา
