ตอนที่4 เคยรู้จักกัน
“บอส!?” ณิลินน์ที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาถึงกับดีดตัวลุกขึ้นเรียกผู้ชายที่เธอนอนกอดกับเขาอยู่ที่โซฟาด้วยความตกใจ ที่น่าตกใจไม่ใช่เพราะเธอกับเขานอนกอดกันอยู่ แต่เพราะเธอกับเขาเปลือยกันอยู่ทั้งสองคนยังดีที่มีผ้าห่มผืนบางที่เธอวางไว้เวลานอนดูทีวีปกปิดร่างกายของเธอกับเขาอยู่ตอนนี้
“ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่ม” เสียงราบเรียบของคนที่ถูกเรียกลืมตาตื่นขึ้นมามองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“.....” ณิลินน์ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไปอย่างจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง จำได้แค่ว่าเธอเครียดกับการตัดขาดกับครอบครัวที่กำลังเผชิญปัญหาครั้งใหญ่จนดื่มไม่หยุด แล้วทุกอย่างก็ตัดไปเลย
“ฉันไปส่งเธอในห้องนอนแล้ว แต่เธอเป็นฝ่ายออกมาเอง” เวหาพูดสิ่งที่เกิดขึ้นออกมาด้วยใบหน้าราบเรียบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ช่างเถอะค่ะ บอสกลับไปได้แล้ว” ณิลินน์ได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีกได้แต่เอ่ยปากไล่เขาขึ้นก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นขยับตัวออกเพื่อให้เขาลุกใส่เสื้อผ้า
“แค่นี้?” เวหาถามหญิงสาวตรงหน้าขึ้นหลังจากเธอให้เขากลับง่ายๆ อย่างไม่ได้พูดอะไรอีก
“แล้วต้องแค่ไหนคะ” ณิลินน์ถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจว่าเขาต้องให้เธอทำยังไง ต้องเรียกร้องให้เขารับผิดชอบอย่างนั้นเหรอ
เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น
“.....” เวหาไม่ได้พูดอะไรแต่กลับมองหน้าณิลินน์นิ่ง มองอยู่แบบนั้นไม่ได้พูดอะไร
“อะไรคะ” ณิลินน์ถามออกมาหลังจากเห็นเขามองเธออย่างคาดเดาไม่ได้
“อืม” แล้วเขาก็ฮึมฮัมตอบในคอเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าข้างโซฟามาสวมใส่แล้วหยิบของส่วนตัวเดินออกจากห้องพักของณิลินน์ไปโดยไม่ได้พูดอะไรทิ้งความแปลกใจและสงสัยให้กับณิลินน์ไม่น้อย
แต่หลังจากเธออยู่เพียงคนเดียวก็ทำได้เพียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างท้อแท้กับชีวิตและอดบอกตัวเองไม่ได้ว่าหลังจากนี้เธอจะต้องเลิกดื่มเหล้าจนเมาแบบนี้ให้ได้ เพราะนี่คือครั้งที่สองแล้วที่เธอเมาไร้สติจนพลาดพลั้งเกินเลยกับผู้ชายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ใช่ครั้งที่สอง ครั้งแรกก็ผู้ชายที่อยู่ในคลิปที่ถูกประจานในงานแต่งนั่นแหละ และไม่ใช่ครั้งแรกที่พลาดพลั้งแต่เป็นครั้งแรกของเธอด้วย เป็นครั้งแรกที่เธอต้องเสียให้กับผู้ชายที่เธอไม่แม้แต่จะรู้จักหรือจำหน้าเขาได้ เพียงเพราะความเครียดที่จะต้องแต่งงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเบื่อและออกไปดื่มคนเดียวแต่ปกติเธอก็ออกไปดื่มบ่อยๆ ไม่เคยเมาจนปล่อยตัวเองเลยสักครั้ง แต่ครั้งนั้นเธอกลับรู้สึกเมาจนแทบไม่รู้เรื่องอะไร เรียกได้ว่าเมาปล่อยตัวไม่รู้อะไรเลยสักนิดทั้งที่ไม่ได้ดื่มเยอะ รู้ตัวอีกทีก็ตอนเช้าที่เธอตื่นขึ้นมาในห้องของโรงแรมแห่งหนึ่ง ตื่นมาพร้อมกับสภาพเปลือยเปล่าร่างกายมีรอยช้ำจ้ำที่เธอรู้ว่ารอยอะไรทิ้งไว้พร้อมคราบเลือดบนเตียงให้ดูต่างหน้า
ตอนนั้นเธอยอมรับว่าตกใจกับเรื่องในคืนนั้นแต่เธอก็เลือกจะมองข้ามและคิดซะว่าเป็นแค่การแลกเปลี่ยนเซ็กซ์เหมือนที่หลายๆ คนชอบทำกันเพราะยังดีที่ผู้ชายคนนั้นใส่ถุงยาง(จากซากที่ทิ้งให้เธอดูต่างหน้า) และเธอก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากผู้ชายคนนั้นเลยตั้งแต่วันที่มีอะไรกับเขา กระทั่งถึงวันแต่งงานของเธอที่เกิดขึ้นหลังจากเรื่องวันนั้นเพียงอาทิตย์เดียว งานแต่งที่มีคลิปหลุดของเธอออกมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครติดต่อมาเพื่อพูดเรื่องนี้ทำให้เธอยังสงสัยอยู่เลยว่าเขาต้องการอะไรกันแน่
และครั้งนี้เพราะความเครียดของเธออีกเช่นเคยทำให้เธอพลาดพลั้งไปกับเจ้านายตัวเองอย่างไม่คาดคิด เจ้านายที่ไม่เคยมีท่าทีอะไรต่อเธอเลยแม้แต่เมื่อกี้ก่อนเขาออกไปก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เธอเรียนรู้แล้วว่าความเครียดมันอันตรายแค่ไหน ความเครียดสามารถฆ่าคนได้และทำให้คนตายทั้งเป็นได้ และเธอก็ทำพลาดในจุดเดิมเพียงเพราะความเครียดอีกแล้ว
“โอ้ย!!!” ณิลินน์ทำได้เพียงยีหัวตัวเองจนยุ่งไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ ชีวิตที่แสนวุ่นวายจนเธออยากจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด
แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงพาตัวเองเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวยังดีที่ตอนเก็บของที่โถงนั่งเล่นยังได้เห็นทิชชู่ที่มีซากถุงยางอนามัยใช้แล้วหนึ่งชิ้นอยู่ในนั้นเธอจึงสบายใจในระดับหนึ่ง แต่อีกเรื่องที่เธอหนักใจก็คือหลังจากนี้ต่างหาก เวลาที่ต้องทำงานด้วยกันเจอหน้ากันนั่นแหละที่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
กระทั่งช่วงหัวค่ำของวันที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูหลังจากเธอส่องตาแมวจนอดขมวดคิ้วไม่ได้
“มีอะไรคะ” ณิลินน์เปิดประตูแล้วถามเจ้านายตัวเองที่กลับมาที่นี่อีกครั้ง กลับมาเคาะห้องอย่างมีมารยาททั้งที่ก่อนหน้านี้เข้ามาอย่างไม่ได้รับอนุญาตจากเธอแท้ๆ
“เธอดูดบุหรี่ด้วยเหรอ” เขาเดินเข้ามาในห้องของเธอก่อนจะถามออกมาหน้าตาเฉยแล้วทิ้งตัวนั่งโซฟาด้วยท่าทีราวกับเจ้าของห้อง
“.....” ณิลินน์ได้แต่กลอกตาขึ้นบนและไปไม่เป็นกับท่าทางและคำถามของเขาทั้งที่กลิ่นบุหรี่ในห้องก็ที่เขาทิ้งไว้เมื่อคืน แม้ว่าเธอจะเปิดประตูระเบียงระบายอากาศทั้งวันแล้วแต่ก็ยังเหลืออยู่ให้รับรู้
และที่แย่กว่านั้นคือตอนนี้เขาได้หยิบบุหรี่ออกมาและกำลังจุดมันสูบอีกครั้ง
“บอสมาที่นี่มีอะไรคะ” ณิลินน์ที่พึ่งปิดประตูได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินไปเปิดอีกครั้งและไม่ลืมถามเขาออกไปอีกรอบกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ
“เธอมีอะไรอยากให้ฉันช่วยไหม” เขาถามพร้อมกับมองหน้าเธอนิ่ง
“หมายถึงอะไรคะ?” ณิลินน์ที่อยู่ๆ ถูกถามแบบนั้นก็ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไรจึงย้อนถามกลับไป
“ฉันว่าเราเคยรู้จักกันนะ” เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธออีกเช่นเคย ซ้ำยังพูดอะไรบางอย่างออกมาที่ทำให้ณิลินน์ยิ่งไม่เข้าใจ
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาบอสคุยกับฉันถึงชอบเปลี่ยนเรื่องไปมา” ณิลินน์อดถามออกไปอย่างสับสนไม่ได้ ทุกครั้งเวลาเขาพูดกับเธอมันเหมือนมีบางอย่างและเหมือนกับสงครามประสาทที่เขากำลังก่อให้เธอทั้งที่ใบหน้าและสายตาของเขาไม่ได้บอกอะไรเลยสักนิด
“ฉันหิว หาอะไรให้กินหน่อยสิ” แต่คนตรงหน้าเธอกลับไม่ได้สำนึกเลยสักนิด เขากลับเปลี่ยนเรื่องขึ้นอีกครั้งราวกับก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดอะไรให้เธอสงสัยออกมาเลย
“บอสคะ...”
“เอาอะไรที่ไม่ใช่ข้าวนะ” ไม่รอให้เธอพูดจบเขาก็แทรกขึ้นสั่งเธออีกครั้ง
“ไม่มีค่ะ!” ณิลินน์พ่นลมหายใจออกมาอย่างพยายามระงับอารมณ์ตัวเองก่อนจะพูดขึ้นปัดๆ
“ไม่มีก็สั่ง” เขาพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับผู้เป็นเจ้านายและเธอเป็นบ่าว
ก็ไม่ผิด เขาเป็นนายของเธอจริงๆ
“อยากกินก็สั่งเองค่ะ” แต่เธอก็เลือกจะไม่สนใจก่อนจะเดินเข้าห้องนอนตัวเองไปทิ้งให้เขานั่งบ้าอำนาจอยู่คนเดียว
แต่เธอดันพลาดและประเมินเขาต่ำไป เขาที่กำลังไขเปิดประตูห้องนอนของเธอเข้ามา
