มัจจุราชทวงแค้น

142.0K · จบแล้ว
Dark Memories
61
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อจุดเริ่มต้นของความรักมาจากความแค้น เรื่องราวทุกอย่างจึงเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ที่แย่กว่านั้นคือ ความแค้นที่เกี่ยวพันกันทั้งครอบครัว มันจะสมหวังได้ยังไง

นิยายรักประธานดราม่าแก้แค้นเศรษฐีเลือดร้อนรักแค้นตั้งครรภ์แฮปปี้เอนดิ้งหลอกลวง

ตอนที่1 intro

ภายในห้องจัดเลี้ยงกว้างขวางที่โรงแรมหรูในเวลาเช้าได้ถูกเนรมิตเป็นห้องจัดเลี้ยงสำหรับงานแต่งของลูกนักธุรกิจสองครอบครัว บรรยากาศภายในงานถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้สีขาวนวลดูหรูหราสะอาดตา พร้อมกับแขกเหรื่อมากมายที่ถูกเชิญให้มาเป็นสักขีพยานในวันมงคง

พิธีทางประเพณีไทยได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อถึงฤกษ์ที่ได้ตระเตรียมไว้จนตอนนี้เข้าสู่พิธีสู่ขอและปูเรียงสินสอดโดยการนำของจากขบวนขันหมากมาจัดวางเรียงกันจากนั้นเฒ่าแก่ฝ่ายชายได้เริ่มการเจรจาสู่ขอ พร้อมกับครอบครัวฝ่ายหญิงตกลงยินยอมก่อนผู้เป็นแม่ของเจ้าสาวจะเปิดพานสินสอดตรวจนับตามธรรมเนียม พิธีการนี้ดำเนินมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายโดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นพิธีการสวมแหวนเมื่อถึงเวลาฤกษ์อันเป็นมงคลตามที่กำหนด

เพียงแต่ภายในงานกลับเกิดการผิดคิวขึ้นมาอย่างไม่มีใครคาดคิด จอโปรเจคเตอร์ด้านหลังเวทีได้ค่อยๆ เลื่อนลงมาปิดชื่อของบ่าวสาวไว้เป็นฉากหลัง ไฟในห้องจัดเลี้ยงดับลงในคราเดียวและถูกแทนที่ด้วยความสว่างจากจอโปรเจคเตอร์แทน

หลายคนต่างเกิดความแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามีใครฝ่ายใดคิดจะเซอร์ไพรส์อะไรก่อนพิธีสวมแหวนหรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้ถามกันภาพโปรเจคเตอร์ก็เคลื่อนไหวร่างของหญิงสาวรายหนึ่งนอนอยู่บนเตียงสีขาว แม้ว่าภาพนั้นจะเห็นถึงแค่เนินอกของเธอเล็กน้อยแต่นั่นก็ทำให้ทุกคนต่างรับรู้แล้วว่าเธอไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่

และยิ่งไปกว่านั้นก็คือเสียงที่ตามมา...

“อ๊ะๆๆ อื้อ” เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวรายหนึ่งดังขึ้นโดยหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงกำลังสั่นคลอนขึ้นลงตามจังหวะพร้อมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตลอดเวลา

“ชอบไหม” เสียงของชายปริศนาที่ไม่เห็นใบหน้าได้ถามหญิงสาวขึ้นเสียงแหบพร่า

“อืม” เธอตอบกลับออกไปด้วยใบหน้าเสียวซ่านอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกดีที่ได้รับเลยสักนิด

และเพียงแค่นี้ภายในงานก็เกิดเสียงอื้ออึงของแขกเหรื่อในงานที่เริ่มหันหน้าเข้าซุบซิบและวิพากวิจารณ์กันอย่างตกใจไม่น้อย

พรึ่บ! แล้วไฟในงานก็สว่างจ้าขึ้นอีกครั้งพร้อมกับภาพบนจอที่หยุดค้างไว้แค่นั้น แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจภาพบนจอแล้ว ทุกสายตาจับจ้องไปยังเจ้าสาวที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของเจ้าบ่าวบนเวที แม้แต่ครอบครัวของเจ้าบ่าวเองก็มองเธออย่างไม่อยากเชื่อพร้อมกับความอับอายอย่างถึงที่สุด

“.....” แน่นอนว่าเจ้าตัวอย่างเธอทำได้เพียงนั่งนิ่งอึ้งพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้านขึ้นอย่างไม่ควบคุมไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ใครบ้างไม่ตกใจกลัวจนตัวสั่นเมื่ออยู่ๆ กลับถูกเปิดเผยคลิปลับที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้

แล้วชีวิตเธอหลังจากนี้ล่ะ

“เก็บของ กลับ!” สุดท้ายผู้เป็นพ่อของเจ้าบ่าวที่ทนต่อการถูกหักหน้าและเหยียดหยามตอนนี้ไม่ได้จึงลุกขึ้นสั่งคนของตัวเองด้านล่างให้ขึ้นมาเก็บสินสอดด้านบนเพื่อกลับไปทันที

ตัวเจ้าบ่าวเองก็ไม่ได้รอช้าเช่นกัน เขามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเสียดายเล็กน้อยแต่ก็เลือกจะลุกเดินตามผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไป แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขาไม่ใช่ลูกผู้ชายที่ทิ้งว่าที่ภรรยาของตัวเองไว้ เพียงแต่การแต่งงานของเขาและเธอก็ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักอยู่แล้วนั่นเอง

เมื่อฝ่ายเจ้าบ่าวได้แสดงออกชัดเจนแล้วว่าการแต่งงานครั้งนี้ถือเป็นอันยกเลิกไปแขกเหรื่อบางคนก็พากันทยอยกลับ มีบางคนที่ยังอยู่ซุบซิบกันอย่างสนุกปากกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนฝ่ายเจ้าสาวเองทนไม่ไหวลุกขึ้นสั่งภรรยาและลูกสาวของตัวเองกลับบ้านไปไม่ต่างกัน

เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือใหญ่กระทบลงใบหน้าของลูกสาวทันทีที่มาถึงบ้านพร้อมกันทั้งครอบครัวด้วยความโมโหและอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“แพศยา! แกทำให้ครอบครัวอับอายขายหน้าจนจะไม่มีที่ยืนแล้วเห็นไหม!” เสียงเข้มของประมุขในบ้านดังขึ้นอย่างเดือดดาลกับการกระทำของลูกสาวตัวเอง

“.....” หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าลูกยังคงเงียบแม้จะถูกตบไปอย่างแรง แต่ที่เธอเงียบไม่ใช่เพราะเธอเสียใจหรือเกรงกลัวผู้เป็นพ่อตอนนี้ เธอกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อยู่ต่างหาก เหตุการณ์ในคืนวันนั้นที่เธอเมาจนพลาดพลั้งอย่างไม่คิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาทำร้ายเธอให้อับอายในวันนี้

“ทุกอย่างเพราะแกคนเดียว! ทั้งอับอาย ทั้งสูญเสียเงินก้อนใหญ่ไป แกมันตัวซวย!” ผู้เป็นพ่อยังพ่นคำเจ็บปวดออกมาด่าลูกสาวตัวเองอย่างไม่หยุด แต่นั่นเพราะเขาต้องพลาดเงินก้อนใหญ่ที่จะเอามาหมุนพยุงธุรกิจตัวเองไว้ทั้งที่มันกำลังจะถึงมืออยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า และมันก็ไม่ได้จบแค่เท่านี้ด้วย

“พอลินน์เป็นสินค้าให้พ่อขายไม่ได้แล้วก็กลายเป็นตัวซวยเลยสินะคะ” สุดท้าย ลินน์ หรือ ณิลินน์ ก็ทนไม่ไหวเก็บเรื่องสงสัยก่อนหน้านี้ไว้ก่อนจะหันมาพูดกับพ่อตัวเองอย่างเย้ยหยันไม่น้อย พ่อที่บังคับให้เธอแต่งงานทั้งที่เธอพึ่งเรียนจบได้ไม่กี่เดือนด้วยซ้ำ หรือถ้าพูดให้ถูกคือพ่อบังคับให้เธอแต่งงานก่อนจะเรียนจบด้วยซ้ำ แต่เธอยื้อมาได้จนตอนนี้และหนีไม่พ้น

เธอไม่อยากยอมไม่อยากทำตามถ้าเกิดครอบครัวไม่มีปัญหาเธอก็คงไม่ยอมถูกจับคลุมถุงชนแบบนี้ แต่เพราะรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มันจะช่วยครอบครัวและบริษัทได้ เธอจึงพยายามมองข้ามความรู้สึกของตัวเองแล้วทำในสิ่งที่พ่อสั่ง แต่พอขายไม่ออกเธอก็กลายเป็นแค่เศษขยะของพ่อไปทันที

“แกยังมีหน้ามาพูดแบบนี้กับฉันอีกอย่างนั้นเหรอ! แกไสหัวออกไปจากบ้านฉันเลยนะ อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!” เสียงเดือดดาลของผู้เป็นพ่อดังขึ้นไล่อย่างโมโหกับความไม่สำนึกของลูกสาวตัวเอง

“คิดว่าลินน์อยากอยู่นักหรือไง ไม่ต้องไล่ลินน์ก็ไปอยู่แล้ว” นอกจากจะไม่ได้รับความเป็นห่วงจากการถูกแบล็คเมล์แล้วกลับถูกด่าซ้ำเติมทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจ แล้วแบบนี้เธอจะอยากอยู่หรือคิดจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไรกัน

“แกไปเลยนะ แล้วอย่าไปเที่ยวบอกใครว่าแกเป็นลูกของฉันล่ะ!” เมื่อเห็นว่าลูกสาวยังคงแข็งกร้าวใส่ตัวเองคุณณรงค์ก็ไล่ซ้ำอย่างชิงชังกับสิ่งที่ลูกสาวได้ก่อไว้

แน่นอนว่าณิลินน์ไม่ได้ง้อผู้เป็นพ่อตัวเองเลยสักนิด เธอเดินขึ้นห้องนอนของตัวเองไปก่อนจะเก็บของลงกระเป๋าเท่าที่จะทำได้เพื่อพาตัวเองออกจากบ้านไป ออกไปโดยแม้แต่ผู้เป็นแม่และพี่ชายต่างก็ไม่มีใครเอ่ยปากห้ามเลยสักคน

คงผิดหวังมากสินะ