ตอนที่ 5
ย้าาาาาาาาาาา!
ปั่ก!!
โครม!!!
“โอเค ผ่าน!!!! เลิกกอง!!!”
หญิงสาวเอเชียหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม สัญชาติไทย ยิ้มกว้างออกมาอย่างสดใสทันที พร้อมกับทำท่าตั้งการ์ดค้างเอาไว้ เมื่อได้ทำการแสดงบทบาทคิวบู๊แทนตัวหลักในตัวโฆษณาเล็กๆชิ้นแรกในต่างประเทศที่เธอจากมา จบเป็นที่เรียบร้อย..
เยส!!! ในที่สุดก็จบซะที!
เธอ...คิดในใจ พร้อมกับยิ้มอีกครั้ง และมองไปยังผู้คนรอบตัวที่ล้มระเนระนาด จากฝีมือเธอในคิวแสดงเมื่อครู่ ก่อนที่ผู้คนเหล่านั้น จะค่อยๆลุกขึ้นมา และหันมาส่งยิ้มให้ โดยเฉพาะ ต้น เพื่อนร่วมงานต่างเพศแต่ถิ่นฐานบ้านเกิดเดียวกันกับเธอ และเป็นเพื่อนร่วมงานกับเธอตั้งแต่แรกเริ่ม จนเธอและเขาได้ทำงานโกอินเตอร์จากไทยสู่ประเทศอังกฤษแบบนี้มาด้วยกัน
และตอนนี้ เขาก็กำลังเดินตรงมุ่งหน้ามาทางเธอ ก่อนที่จะยกมือขึ้นเพื่อ..
แปะ!!!
รอให้อีกฝ่ายปรบมือประกบจนเกิดเสียงดัง เสียงที่บ่งบอกถึงความสำเร็จกับสิ่งที่พวกเขาทำอีกขั้น..
“ในที่สุดก็จบกองซะที แบบนี้ต้องฉลองโว้ยย”
สิ้นการกระทำนั้น หญิงสาวก็พูดภาษาบ้านเกิดออกมาทันทีด้วยความดีใจ พร้อมกับแสดงสีหน้าภูมิใจกับงานชิ้นแรกในต่างประเทศ งานที่เธอกดดันมาเป็นอาทิตย์..งานที่เธอซักซ้อมทุกวัน และเป็นงานที่เธอตั้งใจเป็นอย่างมาก
ริสา หรือ ริส สตั้นหญิง อายุ 26 ปี ของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รวบรวมสตั้นที่มีคุณภาพเอาไว้มากมาย บุคลากรที่นี่ล้วนมีศักยภาพที่มีมาตรฐาน ทุกคนได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทำงานกันเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นงานบู๊ งานเสี่ยงตาย หรืองานแบบไหน ทางบริษัทก็มีบุคลากรรองรับความต้องการของลูกค้าได้หมด
และด้วยคุณภาพคับคั่งที่กล่าวมา รวมถึงประสบการณ์ยาวนาน ทำให้บริษัทนี้เกิดพันธมิตรกับหลายๆที่ จนกลายเป็นบริษัทจัดการนักแสดงแทนอันดับ 1 ของโลก และขยายสาขาทั่วโลกร่วมเป็น 20 ประเทศ และแน่นอน 1 ในนั้นก็มีประเทศไทยด้วย
ซึ่งทุกปีทางบริษัทแม่ที่ประเทศอังกฤษ จะเปิดโอกาสให้อีก 19 ประเทศ สามารถโยกย้ายมาทำงานที่สาขาใหญ่ได้ ..เพียงแค่ส่งผลงานที่ผ่านมา และเข้าตากรรมการของที่นี่ ...พนักงานคนนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะได้มาทำงานในที่แห่งนี้ทันที.. ที่ที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีอนาคตที่ก้าวหน้าในสายอาชีพนี้ รวมถึง อาจจะทำให้ไปสู่วงการฮอลิวูดได้ง่ายขึ้น
และนั่นก็เป็นที่มาของเธอ..ริสา คนที่กำลังเพิ่งทำการแสดงคิวบู๊แทนตัวเอกที่เป็นหญิงเอเชียไปหมาดๆ และเป็นคนที่ยื่นเรื่องในการขอย้ายมาที่นี่ 4 ปีติดแล้ว ซึ่งในที่สุด ปีนี้เธอก็ทำสำเร็จ หลังจากมุมานะมาหลายปี....ตั้งแต่ที่เธอยังเป็นเด็กสตั้นเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก จวบจนตอนนี้ที่เธอได้ขึ้นมาเป็นสตั้นหญิงอันดับหนึ่งของสาขาไทยและก็ได้รับคัดเลือกให้สามารถมาร่วมงานที่สาขาใหญ่นี้ได้
เพราะฉะนั้น ทั้งแนวโน้มอนาคตที่เติบโตของเธอ และทั้งงานที่เพิ่งปิดกองไปอย่างราบรื่นเมื่อครู่ มันเลยทำให้เธออดที่จะยิ้มอย่างดีใจและภูมิใจ พร้อมกับเอ่ยปากชวนรุ่นพี่ที่เปรียบเสมือนพี่ชายอีกคนเพื่อเลี้ยงฉลองไม่ได้..
“ดีใจจนลืมไปเลยนะ ว่าถีบพี่ซะเต็มแรงเลยนะ...ไอสา”
ต้น ชายหนุ่มอาชีพสตั้นวัย 30 ปี และเป็นคนที่พาริสาเข้าสู่วงการนี้ สมัยตั้งแต่ริสายังเป็นเด็กน้องใหม่ปีหนึ่ง และเขาก็เป็นคนที่เธอให้ความเคารพเหมือนกับพี่ชายสนิท และสนิทมากจนสามารถกวนได้โดยที่เธอและเขาไม่ถือตัว
“เออๆ ขอโทษค่าาา...อืม..แต่..พี่ต้นก็ยังยืนโวยวายได้อยู่ เพราะฉะนั้น ป่ะ เราไปกันดีกว่า..หิวจะแย่..ฮ่าๆๆ”
“แกนี่นะ กวนประสาทตลอด หึหึ....งั้น มื้อนี้พี่เลี้ยงเองแล้วกัน”
“จ๊าาาาาา ป๋าาาต้นนน ..แต่สาว่านะ พี่เก็บเงินไว้เลี้ยงสาวๆเถอะ...เห็นเมื่อวานควงกับแหม่มที่ไหนอยู่ อย่าคิดว่าไม่เห็นนะ ..อ้อ แต่น้องสาวคนนี้แนะนำหน่อยแล้วกัน อยู่ที่นี่ไม่เหมือนอยู่ไทยนะ อย่าเปย์มาก เดี๋ยวหมดตัวเร็ว..ฮ่าๆๆ ป่ะๆ”
ริสาพูดจบ..ก็ยิ้มอย่างสดใส ก่อนจะกอดคอพี่ชายนอกสายเลือดคนนี้อย่างไม่ถือตัว..
ถ้าที่ไทย ริสา คือมือหนึ่งของสตั้นหญิง ต้นก็คือมือหนึ่งของสตั้นชายที่ไทยเช่นกัน..และทั้งคู่ ก็ได้ย้ายมาทำงานที่ลอนดอนด้วยกันจากการยื่นคำขอย้ายทำงานที่ผ่านมา
สำหรับเธอแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดี เพราะถือว่าเธอมีพี่ชายที่รู้จักที่นี่อย่างน้อย 1 คน และก็ทำให้เธอได้พูดภาษาบ้านเกิดตัวเองอีกด้วย
ในขณะที่อีกฝ่ายนั่น จริงๆไม่เคยมีความคิดที่อยากจะทำมาทำงานที่นี่เลย..ถ้าไม่ใช่เพราะ..ตามเธอมา..แต่ว่าเธอก็ยังไม่รู้ตัว และเขา..ก็คงไม่บอกออกไปด้วยเช่นกัน
ส่วนการกระทำในครั้งนี้ ที่ริสากอดคอเขานั้น เขาเจอจนชินแล้ว..และเขาก็ทำแบบเดิมๆ..นั่นก็คือเอามือเล็กของหญิงสาวออก พร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร
“เอออ พี่ก็พูดไปงั้น ใครมันจะไปเลี้ยงไหววะ กินเยอะอย่างกับผีปอบ..พี่ละสงสัยจริงๆ อนาคตแฟนแกจะล่มจมเพราะต้องเลี้ยงแกเปล่าวะ ผู้หญิงอะไรตัวก็เล็ก แต่กินเยอะชะมัด”
“แล้วไง สาก็ไม่ได้ง้อให้ใครมาเลี้ยงซะหน่อย..แล้วอีกอย่าง พี่ต้นก็เลิกมโนได้แล้ว แฟนเฟินอะไร ไร้สาระ..”
แม้ว่าคำพูดของเธอจะดูตัดโอกาสเขา..แต่ว่าเขาก็ยังดีใจ เพราะนั่นแสดงว่าเธอไม่มีความคิดที่จะมีใครเช่นกัน..แต่ว่าก็ยังอดที่จะแซวต่อไม่ได้
“งั้นเหรอ... แล้วถ้ามีคนรวยมากกกกก หล่อมากกกกก ..มาจีบ ก็ไม่เอาเหรอ”
ทันทีที่ต้นพูดจบ..ริสาที่เดินไปเรื่อยๆ ก็หยุดอยู่กับที่ทันที..ก่อนจะหันไปค้อนพร้อมกับทำหน้านิ่งใส่ด้วยความไม่พอใจ..
“พี่ต้น..พี่ก็รู้จักสาดี อย่าหาเรื่องกวนให้อารมณ์เสียได้ป่ะ อุตส่าห์อารมณ์ดีอยู่แล้วเชียว”
คนอย่างเธอ ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีผู้ชายประเภทที่ว่าเข้ามา..แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยสนใจ และไม่เคยยุ่ง..เลยซักนิดเดียว
ถามว่า ที่เธอเพิกเฉย และปฎิเสธคนพวกนั้น เพราะเธอ ไม่สนใจอำนาจเงินหรือเปล่า.. จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่มันไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก เธอมีอีกเหตุผลนึงต่างหาก..
และเป็นเหตุผลที่เธอเก็บเอาไว้ในใจ..ไม่เคยบอกใคร..
“แม่ง ดุอีกแล้ว..ดุแบบนี้ สงสัยว่าแฟนแกต้องถึกสุดๆอะ แบบ..ต้องรองมือรองตีนแกได้..”
ควับ!!
“จะไม่จบใช่มั้ย ...อย่าเห็นว่าเป็นพี่แล้วจะไม่กล้านะ..”
พูดจบ หญิงสาวก็เท้าสะเอว พร้อมกับมองหน้าอย่างหาเรื่อง โดยไม่คิดเลยว่า..นั่นคือผู้ชายและเป็นรุ่นพี่
ส่วนอีกฝ่ายก็เอาแต่ยิ้มขัน และชินกับการกระทำของอีกฝ่ายที่บางครั้งก็ชอบแสดงสีหน้าโมโห แต่จริงๆแล้วในใจเธอไม่ได้คิดอะไรเลยและเธอก็ไม่กล้าทำอย่างที่เธอว่าหรอก
“พี่เตือนแกด้วยความหวังดีไง เกิดมาหน้าตาน่ารักทั้งที หัดทำตัวน่ารักให้สมกับหน้าตาหน่อยได้มั้ย”
แต่แล้วทันทีที่ต้นพูดไปอย่างนั้น ริสาก็ยิ้มกว้างทันที..ก่อนที่จะสวมบทบาท แกล้งเป็นหญิงสาวน่ารัก ที่ใครๆก็ชอบบอกว่า ควรทำให้เหมือนหน้าตาของเธอ
“แล้ว..ริสาทำตัวไม่น่ารักตรงไหนเหรอคะ..”
ปี๊ง ๆ
แต่เธอก็ไม่รู้เลยว่า การกระทำที่ดูแกล้งเป็นนั้น ไม่ว่าจะน้ำเสียงที่อ่อนหวาน หรือสายตาที่หวานเยิ้มนั้น มันกลับมีผลต่อใจกับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก..แต่ทว่าเขาก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิม
“หึ้ยยย ...หยุดเลย ขนลุก”
“..ก็จริง ทำเองยังขนลุกเองเลย..ฮ่าๆๆๆๆ ...”
“เออ แล้วสรุปเรื่องที่ไม่อยากมีแฟน..ทำไมวะ?”
ต้นยังถามลองเชิงอีกครั้ง เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่า..น้องสาวของเขาคนที่ที่ผู้ชายเข้ามาจีบมากมาย..ทำไมถึงไม่เปิดใจให้ใครเลยซักคนที่ผ่านมา
ในขณะที่อีกฝ่ายก็มองหน้าคนถามนิ่งๆ ก่อนจะตอบออกมาห้วนๆ
“ไม่อยากมีก็คือไม่อยากมี จบนะ..แล้วก็เลิกพูดเรื่องนี้ด้วย...หิวแล้ว”
และเขาก็ไม่สามารถที่จะบังคับ เธอได้ด้วย..ในเมื่อเธอไม่ตอบก็ไม่เป็นไร.. อยู่สถานะนี้ก็ไป ก็อาจจะดีกับทั้งเขาและเธอก็ได้
“เออๆ ไม่พูดแล้วๆ..งั้นเราเปลี่ยนไปคิดว่าจะกินอะไรดีดีกว่า..เนอะ”
“..อืมๆ...งั้นก็ ขอชุดใหญ่ไฟกะพริบ บุฟเฟ่ต์ละกัน..!!”
“หึหึ..โอเค! จัดไปครับ เจ้าหญิง!”
และจากที่เริ่มเดิน เท้าของริสาก็หยุดอีกครั้งก่อนหันมามองรุ่นพี่ร่วมงานด้วยสายตานิ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่า..เธอไม่ชอบให้ใครมาเรียกแบบนี้
ตอนที่อยู่ที่ไทย ใครๆต่างก็เป็นที่ชื่นชมการทำงานของเธอเสมอ จนเธอถูกขนานนามว่า เจ้าหญิงแห่งวงการสตั้น..
เหตุมันเป็นเพราะ ภายนอกเธออยู่เป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก เป็นสาวสดใส ดวงตากลมโต จมูกโด่งเชิดพอดูดื้อรั้นเล็กน้อย ปากกระจับสีชมพูสวย องค์ประกอบทุกอย่างบนใบหน้านั้นช่างดูพอเหมาะพอเจาะกับใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ที่มีผิวธรรมชาติขาวอมชมพู อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งหมดทั้งมวล ทำให้เธอดูน่ารักน่าทนุถนอมราวกับเจ้าหญิง
แต่ว่าจริงๆแล้ว.. เธอไม่ได้อ่อนแอ หรือ ปวกเปียกเหมือนหน้าตา แต่เธอนั้น..เป็นผู้หญิงที่สู้ชีวิต มาตั้งแต่ที่เธอยังจำความได้แต่เด็ก..
อีกทั้งยังมีความสามารถทางด้านการเป็นสตั้นหญิง ที่ไม่แพ้ใคร..ไม่ว่าบทบาทไหน ความสามารถแบบไหน เธอก็ทำได้หมด รวมถึงนิสัยที่มุทะลุ ขวานผ่าซาก ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ และเป็นผู้หญิงที่..มีความตั้งใจในการทำงานสูง เลยทำให้เธอมาอยู่ในจุดๆนี้ได้ไม่ยาก
ถ้าถามว่า หน้าตาแบบนี้ ทำไมถึงไม่อยู่เบื้องหน้า มาอยู่เป็นเบื้องหลังทำไม..นั่นไม่ใช่ว่า ที่ผ่านมา เธอไม่มีคนทาบทามหรอก..จริงๆมีคนสนใจเรียกตัวเธอค่อนข้างเยอะ แต่ว่า..เธอก็ปฎิเสธไป เพราะเธอไม่ได้ชอบการแสดง และเธอรู้ดีว่า เบื้องหน้ามันเน่าเฟะ และต้องเสแสร้งกันแค่ไหน ซึ่งนั่น ไม่ใช่งานถนัดของเธอ เหมือนกับงานบู๊ที่เธอกำลังทำอยู่ในตอนนี้
และที่สำคัญ..เธอทำอาชีพนี้ เพราะต้องการสานความฝันของแม่ของเธอ..ที่เคยเล่าให้เธอฟังตอนเด็กๆ เวลานั่งดูโทรทัศน์ฉากต่อสู้ด้วยกันว่า
“ริสารู้มั้ย คนนี้ไม่ใช่นางเอกหรอก มีคนแสดงแทน..เท่ห์มากเลยเนอะ...ถ้าริสาได้อยู่ในทีวี แล้วได้เตะต่อยคนร้ายแบบนี้ แม่ต้องมีความสุขมากแน่ๆ..”
ซึ่งนั่นมันก็เป็นแค่แผนการของแม่เธอ ที่อยากให้ลูกสาวที่หน้าตาน่ารักคนนี้..สนใจศิลปะป้องกันตัว เพื่อที่จะดูแลตัวเองได้ตอนที่พ่อ แม่ เธอไม่อยู่ก็เท่านั้น เหมือนกับการหลอกเรื่องขอพรพระอาทิตย์ เพื่อจะให้เธอเป็นเด็กดี
แต่สำหรับริสา..เธอกลับมองว่า นั่นคือสิ่งที่ทำให้แม่ของเธอมีความสุข และเธอก็จะทำมันให้ได้..นั่นเลยทำให้เธอ มาอยู่ในจุดๆนี้ในทุกวันนี้..
ส่วนไอ้คำๆนี้ คำว่า เจ้าหญิง..ก็เป็นคำที่เธอไม่ชอบเลยซักนิด...เพราะเธอรู้ดีว่า ชีวิตเธอไม่ได้สวยหรูเหมือนเจ้าหญิง เธอรู้ดีว่าเธอเป็นใคร และเธอก็ไม่ใช่เจ้าหญิงอย่างที่ใครหลายคนพูดถึง..
เพราะ ชีวิตของเธอลำบาก ตั้งแต่วันที่ พ่อแม่ ของเธอเสียชีวิตจากการโดนรถชนของคนเมาแล้วขับแล้ว รวมถึง..พี่สาวของเธอ ก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา..ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา..
ส่วนเธอก็โดนป้าของเธอเอาไปเลี้ยงแทน.. แต่เธอไม่ได้โดนเลี้ยงด้วยความรักหรอก เพราะป้าของเธอ เลี้ยงเพื่อรอให้เธอตอบแทนบุญคุณก็เท่านั้น เพราะริสาเป็นเด็กเก่ง น่ารัก ใครๆต่างก็เอ็นดู รวมถึงเป็นเด็กขยันขันแข็ง รับผิดชอบสูงจนสามารถ หาเงินเองได้มากมายตั้งแต่เด็ก ด้วยการถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณาเล็กๆน้อยๆ
และเงินทุกบาททุกสตางค์ ก็ไม่เคยถึงเธอเลย เพราะป้าของเธอเอาไปหมด..แต่ส่วนนึงก็เอาไปเพื่อรักษาพี่สาวของเธอด้วย เธอเลยไม่ได้ว่าอะไร..
จนกระทั่งเธอโตขึ้น เข้าสู่มัธยม เธอเริ่มรู้สึกว่าวงการมายามันน่ากลัวเกินไป..และเธอก็ไม่ชอบ ที่ผู้ชาย หรือใครต่อใครมายุ่งวุ่นวายกับเธอมากนัก เธอก็เลยตัดสินใจออกจากวงการ และยอมที่จะไปรับจ้างล้างจาน หั่นผัก เสิร์ฟอาหาร ขายของ รับฝากของไปส่ง ทำทุกอย่างที่ไม่คิดว่าเด็ก ม.1 จะทำได้ แต่เธอก็ทำหมด..
จน ม.5 ที่เธอเริ่มไปเป็นผู้ช่วยตามเบื้องหลัง กองถ่ายต่างๆ และแอบซ้อมคิวบู๊ตามคนที่เป็นสตั้นในนั้น จนทุกคนต่างก็เอ็นดู..และช่วยสอนท่าต่างๆ สอนเทคนิคให้เธอฟรี..
และเธอก็ทำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมหาลัย ปี 1 เธอก็เริ่มเข้าไปทำงานเป็นสตั้นเต็มตัว ตามเป้าหมายที่แม่ของเธอต้องการ
และไม่ว่าเธอจะเด็กหรือจะโต ทุกอย่างก็เหมือนเดิม คือเงินที่เธอได้ ป้าเธอก็จะเอาไปหมด.. พร้อมกับคำด่าทุกวันที่เธอทิ้งวงการแบบนั้นไป...ไม่งั้นป่านนี้เธออาจจะเป็นดาราดังก็ได้
แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เสียใจเลยซักนิด เพราะยิ่งเธอได้รู้ว่าวงการนี้เป็นอย่างไร เธอก็ยิ่งรู้สึกดี..ส่วนเรื่องที่ป้าเอาเงินเธอไป จริงๆแล้ว เธอไม่ได้ให้หมดหรอก..เธอให้พอเท่าที่จะรักษาพี่สาวของเธอได้ และค่ากินค่าใช้ของป้ากับน้องสาวที่เป็นลูกของป้าอีกนิดหน่อยเท่านั้น
เพราะเธอรู้ดีว่า..เธอก็ต้องมีเงินเป็นของตัวเองเผื่อฉุกเฉินด้วย นั่นเลยทำให้เธอเก็บหอมรอมริบเงินตั้งแต่เด็ก เล็กๆน้อยๆมาตลอดโดยที่ป้าของเธอก็ไม่รู้
และแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่า ป้าของเธอเลี้ยงเธอเพื่อให้เธอเป็นตัวทำเงิน แต่ว่า..เธอก็ยอมและยินดี เพราะถ้าไม่ได้ป้าเธอในวันนั้น เธอคงต้องไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วด้วยซ้ำ
ทำให้ทุกวันนี้ ที่เป็นอยู่ เธอทำเพื่อให้ป้าเธอและลูกสาวของป้าเธอเสมอมา..และเป้าหมายของเธอตอนนี้ ก็คือการเป็นสตั้นระดับฮอลลิวูด เพราะถ้าแบบนั้น เธอก็จะรวย และก็จะได้พาพี่สาวของเธอมารักษาในที่ดีๆ พี่สาวของเธอจะได้ฟื้นเสียทีด้วย..
โดยเรื่องทั้งหมดนี้ พี่ต้น..ที่สนิทกับเธอตั้งแต่ที่ริสายังเป็นแค่เด็กในกองถ่าย และเขาก็เป็นคนที่ให้โอกาสเธอเอง ก็รู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมด
ส่วนไอ้คำว่าเจ้าหญิงที่เขาพูดไป เขาก็แค่อยากให้น้องสาวของเขา เลิกดูถูกและคิดว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าหญิงเสียที.. เพราะสำหรับเขา..ริสาเหมือนเจ้าหญิงสำหรับเขา
แต่สีหน้าที่นิ่งไปของน้องสาวที่เขาคิดไม่ซื่อ..ก็ทำให้เขาอดที่จะถอนใจและพูดออกมาไม่ได้
“เห้ออ....ไอสา..ตอนนี้แก ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ได้เงินก็เยอะแยะแล้ว อย่าคิดว่าตัวเองไม่ดีอย่างนั้นสิวะ”
“เห้ออ..สารู้ค่ะ..แต่ว่าสุดท้ายเราก็ทิ้งอดีตเราไม่ได้หรอก..สาไม่ใช่เจ้าหญิงซะหน่อย พี่ต้นก็รู้ดี..”
แม้ว่าเธอจะเจ็บปวดกับอดีตเท่าไร แต่ว่า..เธอจะเอาเรื่องนั้นมาทำให้คนอื่นเป็นห่วงไม่ได้..นั่นเลยทำให้เธอ รีบปรับสีหน้าและแสดงท่าทาง สีหน้าที่ฝืนยิ้ม พร้อมกับคำพูดที่เปลี่ยนเรื่องทันที..
“เพราะฉะนั้น....เรา..ไปกินบุฟเฟ่ต์กันดีกว่า!! เย้!!!! เลสโก้!”
ส่วนต้น..ก็ทำเพียงยิ้มเอ็นดูเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามหญิงสาวแกร่ง ที่สดใส..คนนั้นตามไปติดๆ
เขารู้ดีว่า ต่อให้ผู้หญิงคนนี้มีเรื่องเศร้า หรือเรื่องทุกข์แค่ไหน เธอก็ยิ้มได้เสมอ..และนั่นก็คือเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เขา..ตกหลุมรัก
ส่วนตอนนี้..เขาก็ควรจะเปลี่ยนเรื่องพูดก่อน
“.. เออไอ้สา..ได้ยินเรื่องที่บริษัทเราจะร่วมกับบริษัทซันชายน์ มั้ย.. ”
“อ้อ ได้ยินสิ..แต่ก็ได้ยินผ่านๆนะ ทำไมเหรอ”
“ก็บริษัทนี้ เป็นบริษัทอันดับหนึ่งของ Advertising Agency เลยนะ... รับโฆษณาของลูกค้าแต่ละชิ้น ก็ไม่ใช่แบรนด์หง่อยๆนะเว้ย แต่ละแบรนด์คือระดับโลก.. แล้วคิดดู ว่าถ้าเรา ได้เข้าร่วม..”
หลังจากต้นพูดจบ..ริสาก็หยุดเดินตรงริมฟุตบาทข้างทาง..และมองหน้าอีกฝั่ง ด้วยแววตาสดใส...อย่างมีความหวังก่อนจะพูดออกมา
“เราก็จะดัง เราก็จะมีชื่อเสียง.. และสุดท้าย..เราก็จะรวย!!!....”
“ฮ่าๆๆ เออ ใช่..เราจะรวย..แต่สิ่งอื่นใด... ขอให้เขาเลือกเราก่อน..”
“โหหห พี่ต้น..กำลังมีความหวังอยู่แล้วเชียว พูดทีเดียว ล้มตึงเลย....ฮ่าๆๆ อืม..ว่าแต่พี่ต้นได้ไปสืบหน่อยสิ ว่าโฆษณาที่เขาจะใช้สตั้น ตัวแสดงคือใคร..สาจะได้ไปฟิตหุ่นให้เหมือนกับเขา..”
“จริงจังมากกกก”
“แน่สิ.. หรือพี่ต้นอยากแสดงเป็นสตั้นโฆษณาเล็กๆแบบนี้ตลอด..”
“เออๆๆ ไว้จะไปสืบมาให้ละกัน..ตอนนี้เราก็ทำได้แต่ภาวนา..ว่าขอให้เราไปตรงกับตามนักแสดงที่เขาเลือกให้ได้ก่อนก็แล้วกัน”
“อืม ใช่... ภาวนา..”
หลังจากที่พูดพึมพำกับตัวเองจบ..ริสา ก็หมุนรอบตัวเองทันที เพื่อหาสิ่งที่เธอจะใช้ในการภาวนา..
แต่ทว่า..ด้วยความที่ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางเมืองที่มีตึกสูงใหญ่มากมาย เลยทำให้เธอไม่ได้เห็น..สิ่งที่เธอต้องการ..
เห้อ....คุณอาทิตย์ของฉัน..ทำไมมันหายากเย็นในที่นี่จังเลยนะ..
จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ได้เดือนนึง เธอยังไม่เคยได้เห็นคุณอาทิตย์ของเธอเลยซักครั้ง..นั่นเลยทำให้เธอตัดสินใจอะไรบางอย่างและเอ่ยปากบอกกับผู้ชายข้างๆก่อนจะวิ่งออกไปอีกทางทันที..
“พี่ต้น สาไม่กินแล้วนะ..ไปละ!!”
“ฮะ!! ไอ้สา ไปไหนนน!!!”
และเสียงที่ตะโกนไล่หลังด้วยความตกใจกับการกระทำปุบปับของหญิงสาว ก็ทำให้เธอหันมาป้องปากตะโกนกลับมาด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีในทันที
“ไปหาคุณอาทิตตตตตตย์”
ใช่แล้ว..คุณอาทิตย์ของเธอ..เธอต้องหามันให้เจอ...เธอคิดถึงเหลือเกิน..
เพราะที่ผ่านมา เธอต้องปรับตัวในประเทศนี้ค่อนข้างมาก และเธอก็มีงานแรกที่เธอจะพลาดไม่ได้
ทำให้เธอหมกหมุ่นอยู่กับงาน แต่ไม่ได้มามองดวงอาทิตย์เหมือนที่เธอชอบมองเลยตั้งแต่มาที่นี่.. แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็มองและขอพรผ่านคุณอาทิตย์อีกดวง ที่เป็นเพียงวัตถุสีเงินสวยแทนเสมอ
เธอไม่ได้เอาจี้พระอาทิตย์นั้นมาใส่ติดตัวหรอก เพราะว่ามันไม่เหมาะกับอาชีพของเธอ เธอกลัวทำมันล่นหายระหว่างการแสดง ก็เลยเก็บเอาไว้ ที่ห้องพักของเธอแทน
แต่วันนี้ เธอต้องขอพรจากคุณอาทิตย์ของจริงให้ได้
ตึก ๆๆๆๆๆๆ
นี่มันก็เวลาจะพระอาทิตย์ตกดินแล้วด้วย.. นั่นเลยทำให้เธอได้แต่วิ่ง ๆ ๆ วิ่งไปยัง ทิศตะวันตก..เพื่อหาจุดที่ไม่มีตึกบดบัง.. จนกระทั่งในที่สุด..เธอก็เจอตำแหน่งที่เหมาะสม..
ตำแหน่งที่มันพอดิบพอดีกับ ตึก ซันชายน์ ตึกของบริษัทที่รุ่นพี่เธอเพิ่งเอ่ยชื่อไปเมื่อครู่
และตึกนั้น มันก็เป็นจุดเดียวกันกับ ...วิวที่มองเห็นทาวเวอร์บริดในระยะไกล รวมถึงเป็นจุดที่จะมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ด้วย..
ว้าววววววว...
วิวดีสุดๆเลย ตึกนี้.. เหมือนสร้างมาเพื่อให้เห็นพระอาทิตย์ตกเลย..
แล้ว..ถ้าได้ขึ้นไปชั้นสูงสุดของตึกนี้..คงจะได้เห็นวิว และพระอาทิตย์ที่สวยและชัดแน่ๆ
อิจฉาคนที่ทำงานตึกนี้จังเลยแหะ....โดยเฉพาะชั้นบนสุด ..คนบนนั้นต้องเห็นพระอาทิตย์ชัดแน่ๆเลย
นั่นคือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของริสาทันที.. ก่อนที่เธอจะหันไปหาพระอาทิตย์สีส้ม..ที่มันกำลังอยู่ในองศาที่พอดิบพอดีกับสายตาเธอ และเธอก็มองมันด้วยแววตาที่สุดใสเป็นประกาย กับความงามที่เธอกำลังชื่นชม พร้อมกับมุมปากที่มันค่อยๆขยายขึ้นอย่างมีความสุข..
แน่ล่ะ เพราะนี่มัน คือการเห็นพระอาทิตย์ครั้งแรกของเธอ..ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่..
ไม่ว่าตัวเธอจะอยู่ที่ไทย หรือ อยู่ที่ไหน..เธอก็ได้เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตนี้ดวงเดียวกันสินะ..
จากนั้น เธอก็ค่อยๆยื่นมือตรงออกไปตรงหน้า เอานิ้วชี้และนิ้วโป้งประกบกันอย่างที่เธอทำมาเสมอตั้งแต่เด็กๆ พร้อมกับจ้องไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับโลกไปด้วยจิตอธิษฐาน..
‘คุณอาทิตย์ขา.. ขอให้หนูได้ร่วมงานกับที่นี่ หรือได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่นี่ ด้วยเถอะ..หนูอยากมามองคุณอาทิตย์ทุกเย็นแบบนี้จังเลย..’
หลังจากที่เธอขอพรจากท่านดวงอาทิตย์จบแล้ว เธอก็ค่อยๆเอามือลง แต่ยังคงยืนยิ้มมองดวงอาทิตย์อยู่อย่างนั้น ก่อนที่เธอจะเลื่อนมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของเธอขึ้นมา.. เปิดมันออก และหยิบรูปถ่ายใบเก่าใบเดียว ที่เธอมี รูปที่ครั้งนึงเธอเคยถ่ายรวมกับครอบครัวในตอนวัยเด็ก..
ครอบครัวที่มี พ่อ แม่ และพี่สาวของเธอ ที่ห่างกับเธอ 3 ปี
“พ่อคะ แม่คะ.. กำลังมองดูริสาอยู่หรือเปล่า.. วันนี้ ริสาเป็นสตั้นโกอินเตอร์แล้วนะคะ.. ดูสิ ริสาได้มาเห็นคุณอาทิตย์ ที่อังกฤษด้วย ...”
การได้เห็นดวงอาทิตย์ ก็เหมือนกับการที่เธอได้เห็นพ่อแม่ของเธอด้วย.. พ่อแม่ของเธอ ที่จากเธอไปนานแสนนานเหลือเกิน..
จากไปตั้งแต่เธอยังอายุเพียง 9 ขวบ..
แม้ว่าความทรงจำของเธอเรื่องพ่อแม่จะอยู่ในช่วงที่เธอยังเด็กมาก แต่เธอก็จำได้แม่นยำ และไม่เคยลืมเลือน ความอบอุ่น รอยยิ้ม และทุกเย็นที่พ่อแม่ของเธอจะพาเธอมาดูพระอาทิตย์ตกดินเสมอ..พร้อมกับบอกว่า คุณอาทิตย์สามารถให้พรให้ ถ้าเธอเป็นเด็กดี.. และเธอก็ทำตามคำสอนของพ่อแม่เธอมาตลอด จวบจนแม้ตอนนี้ เธอจะอายุ 26 แล้วก็ตามที..วันที่เธอรู้ว่า เรื่องนั้นมันเป็นแค่เรื่องหลอก..
แต่เธอก็อยากเชื่ออย่างนั้น เพราะมันคือความเชื่อที่พ่อแม่เธอส่งมาให้เธอ.. ถ้าเธอเชื่อมัน..มันก็เหมือนว่าพ่อกับแม่ของเธอ ยังอยู่กับเธอตรงนี้ด้วยกัน
และหลังจากที่เธอพูดจบ พร้อมรอยยิ้ม..รวมถึงสายตาที่จ้องมองพ่อและแม่เธอจากภาพใบเก่านั้น.. เธอก็เงยไปมองพระอาทิตย์อีกครั้ง พร้อมกับชูรูปถ่ายที่เธอถืออยู่ เพื่อให้ท่าน..ได้มองพระอาทิตย์ที่สวย เหมือนที่เธอได้เห็น ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง..รอยยิ้มที่ยิ้มทั้งน้ำตา
“หนูอยากให้พ่อกับแม่ และพี่ริต้า มาเห็นคุณอาทิตย์กับหนูตรงนี้ด้วย.. มันสวยมากเลย..ฮึก..ใช่มั้ยคะ..พ่อ แม่ ฮึก...”
และเธอก็ได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา..พร้อมกับมองดูพระอาทิตย์ลาลับขอบตะวันไป..อย่างสุขใจแต่แสนเศร้า
