บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

“ผมว่าคุณไคพักบ้างดีมั้ยครับ”

แต่แล้วระหว่างนั้น เสียงของเลขาที่เปรียบเสมือนมือขวาของเขา ที่ทำงานมาด้วยกันตั้งแต่เขาเริ่มแรกเข้ามาใหม่ๆ ก็เอ่ยปากออกมา เมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขา ทำงานเช่นนี้มาเป็นเวลา 9 ปีเต็มๆแล้ว และไม่เคยใช้วันหยุดเลยซักวัน

แต่ทว่า..สิ่งที่เจ้านายตอบกลับมาทำให้เขาต้องยิ้ม..

“..คุณเหนื่อย?”

เขารู้ดีว่าเจ้านายตรงหน้าที่ดูนิ่งเงียบ น่าเกรงขาม..และดูน่ากลัว จนบางทีดูเหี้ยมโหด แต่แท้จริงเนื้อในแล้ว เขาก็คือผู้ชายที่มีความอ่อนโยน เป็นห่วงคนรอบข้างเสมอ แต่แค่ไม่แสดงออกให้ใครเห็นง่ายๆเท่านั้นเอง

“ถ้าผมเหนื่อย นายจะพักหรือเปล่า”

“..งั้นก็หาเลขาใหม่มาแทนคุณด้วยแล้วกัน..”

แต่แล้วคำตอบของเจ้านายของเขาที่เขารู้ดีว่า..ไม่ได้พูดจริง ก็ทำให้โจ ที่หน้านิ่งไม่ต่างจากเจ้านาย ก็ยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะตอบออกมา

“งั้น ผมไม่เหนื่อยแล้ว..”

ส่วนเขา..เมื่อได้ยินลูกน้องตอบออกมาเช่นนั้น..เขาก็ยิ้มมุมปากเช่นกัน ก่อนที่จะหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านต่อ พร้อมกับปากที่พูดไปด้วย

“อาทิตย์หน้า..ฉันให้หยุดอาทิตย์นึง..”

เขาเองก็รู้ว่า โจ ลูกน้องเขา..เป็นลูกน้องที่จงรักภักดี เหมือนกับเอส ลูกน้องอีกคนของเขา..และก็คอยเป็นห่วงเขาเสมอ..และถ้าเขาจะตอบแทนได้ นอกจากเรื่องเงิน ความสะดวกสบายแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้ลูกน้องเขาได้พักบ้าง..

และในส่วนของอีกฝั่ง เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็โพล่งปากจะปฎิเสธออกมาทันควัน แต่ก็ไม่ทันกับเสียงของเจ้านายเขาอยู่ดี

“แต่ว่า..”

“นี่คือคำสั่ง..”

และสิ้นสุดคำพูดคำสั่งนั้น ก็ทำให้ลูกน้องเขายอมรับแต่โดยดี..ก่อนที่ไคก็พูดต่อในส่วนที่โจกังวล และอยากพูดแต่ไม่ทันได้พูด

“สรุปงานที่นายต้องทำทั้งหมดภายในอาทิตย์หน้ามาให้ฉันด้วย... ”

แม้ว่างานเลขาเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่สำหรับเขาแล้วการให้ลูกน้องได้ไปพักซักอาทิตย์นึงแล้วเขาดูงานส่วนเลขาเอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากอะไรเช่นกัน..นั่นเลยทำให้เขาพูดออกมาพร้อมกับสายตาที่กลับไปอ่านเอกสารในมือเช่นเดิม

ส่วนอีกฝ่าย ก็คิดว่าคงต้องยอมรับการกระทำอีกฝ่ายแต่โดยดี เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าเจ้านายของเขาต้องการอะไรแล้ว..ก็ไม่มีใครที่จะสามารถขัดคำสั่งของเขาได้

นั่นเลยทำให้เขา ยิ้มเล็กน้อยตอบรับ ก่อนจะรายงานในสิ่งที่เขาอยากจะรายงานตั้งแต่แรก ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ๆเขาก็ได้หยุดงานไปอาทิตย์นึงอย่างที่ได้รับโดยไม่ทันตั้งตัว

“ครับ..คุณไคครับ..มีอีกเรื่อง..อาทิตย์หน้าคุณเครฟ แจ้งไว้ว่าจะกลับมาครับ”

และคำรายงานนั้น ก็ทำให้เขาที่เอาแต่เพ่งสายตาอ่านเอกสาร..และหยิบปากกาขึ้นมา ถึงกับชะงักปลายปากกาที่กำลังจะสัมผัสลงบนเอกสารทันที..ก่อนที่วางปากกาแพงนั้นอย่างช้าๆ..เงยหน้าที่เรียบกริบไปยังผู้รายงาน และเอ่ยเสียงในลำคอเล็กน้อย..

“อืม..”

“แล้วก็..อีกเรื่องครับ..นี่ครับ..ทางเราเจอ คนนอกที่แฝงตัวมาในพวกเรา..”

ภาพใบหน้าของชายผู้นึง ที่เพิ่งโดนจับได้ไม่นานมานี้ว่าแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มลับสีเทาของเขา....ก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเขา....ก่อนที่โจจะอธิบายต่อ

“จับทรมานแล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่สารภาพ ว่าถูกส่งมาจากใคร”

เขาก็ทำเพียงเปรยตามองเล็กน้อย..เพื่อจดจำใบหน้า..ก่อนจะเอ่ยปากออกมาเสียงเรียบ

“วันนี้หลังสี่ทุ่ม ฉันมีนัดอะไรรึเปล่า”

“ไม่มีครับ”

“อืม..หยุดทรมานมัน และอย่าให้มันฆ่าตัวตายก่อน..หลังสี่ทุ่ม ฉันจะเข้าไป”

“ครับ..”

สิ้นเสียงคำสั่งนาย โจก็ตอบรับ และเดินออกไปจากห้องนี้..และทิ้งเจ้านายของเขาให้อยู่กับตัวเอง อยู่กับพื้นที่ส่วนตัวที่เจ้านายของเขาหวงแหน เหมือนอย่างที่เป็นมา..

และทันทีที่ลูกน้องของเขาออกไป เขาก็ค่อยๆหยิบภาพนั้นขึ้นมามองอีกครั้ง พร้อมกับความคิดที่เบื่อหน่าย กับการที่ต้องทำหน้าที่ในสิ่งที่เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็น.. บทบาทของว่าที่ผู้นำ ของกลุ่มสายสีเทาที่ถูกสร้างมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ และพ่อบุญธรรมของเขา..เครฟ และท่าน..ก็คาดหวังให้เขาดำรงตำแหน่งนี้ต่อ

หลังจากที่เขามองภาพนั้นไม่นาน..เขาก็วางลงในที่เดิม..ก่อนที่จะหยิบปากกาด้ามหรู ขึ้นมาตวัดเซ็นลงบนแผ่นกระดาษแผ่นเดิมที่วางตรงหน้าเขา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก..อีกครั้ง พร้อมกับเริ่มหยิบรายงานและเอกสารใหม่ มาอ่าน ศึกษา เช่นเดิม..

เขาทำงานอยู่ภายในห้องเช่นนั้นไปเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกที..ก็ถึงเวลา..สามทุ่มครึ่ง และเป็นเวลาที่เขาต้องเปลี่ยนบทบาทใหม่

จากก่อนหน้านี้..เขาคือ CEO ประธานบริษัทที่ต้องวางตัว นิ่ง และน่าเกรงขาม เพื่อให้ทุกคนต่างก็เกรงกลัว ให้ความเคารพ แต่บัดนี้ เขาต้องเปลี่ยนเป็นอีกคน..ที่เหี้ยมโหด ไร้ความเมตตาและปราณีใดๆทั้งสิ้น

เหมือนอย่างตอนนี้..ที่เขากำลังเค้นความลับจากหนอนที่แอบแฝงเข้ามาในกลุ่มของเขา..อย่างโหดเหี้ยม

“ใครส่งมึงมา..”

ทันทีที่พูดจบ..เขาก็ค่อยๆหยิบ แท่งเหล็กร้อนที่ถูกเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม จากการโดนลนด้วยไฟ..ชูเหนือใบหน้าที่แสดงแววตาและสีหน้าที่ดูเหี้ยมโหดราวกับซาตาน.. ก่อนที่จะจี๋แท่งเหล็กปลายร้อนนั้น..ไปที่หน้าท้องของอีกฝ่ายที่กำลังโดนจับมัดมือมัดเท้านั่งบนเก้าอี้ทันที

“อ๊ากกกกกกกก...”

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีสีหน้าเจ็บปวดแค่ไหน หรือร้องเสียงครวญครางร้องขอชีวิตแค่ไหน..มันก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อจิตใจของเขาเลยซักนิด เพราะเป้าหมายของเขาในตอนนี้ มีเพียงแค่ว่า..เขาอยากรู้ว่า อีกฝ่ายเป็นใคร..และแฝงตัวเข้ามาทำไมก็เท่านั้น

นั่นเลยทำให้เขาได้แต่มองแผลไหม้บนผิวหนังมนุษย์ ที่เกิดจากด้ามเหล็กนั้นอย่างนิ่งเฉย ราวกับว่ามันคือรอยไหม้ที่เกิดบนเศษผ้าเท่านั้น

“ต่อให้มึง..ฆ่ากู..กูก็ไม่บอ..อ๊ากกกกกกกกกก”

และแม้ว่า เขาจะทิ้งน้ำหนักที่ข้อมือมากขึ้นจากการจับด้ามเหล็ก พร้อมกับส่งสายตาที่ดูอำมหิต..มากแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้คนที่โดนกระทำ ลดความซื่อสัตย์ภักดีลงเลยซักนิด..นั่นเลยทำให้เขา..ค่อยๆยกแท่งเหล็กร้อนนั่นออก..จากบาดแผลไหม้บนเนื้อผู้ชายตรงที่ถูกสร้างไว้หลากหลายร่องรอยอย่างช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาเสียงนิ่งแต่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

“มึงคิดว่า..มึงจะได้ตายง่ายๆงั้นเหรอ..หึหึ”

เมื่อพูดจบ..เขาก็ยืนมองดูสภาพของอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆวางแท่งเหล็กนั้นเข้าสู่ตำแหน่งเดิมก่อนหน้า และกรีดกรายเลื่อนนิ้วมือเรียวยาว ไปยังอาวุธชิ้นใหม่..ที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดและทรมานกว่าที่เป็นอยู่ขึ้นมาอย่างช้าๆ..

ทุกการกระทำ มันดูเงียบ นิ่งสงบ แต่ทว่า..มันช่างดูน่ากลัว และดูสยดสยองชวนขนลุกเสียเหลือเกิน

โดยเฉพาะ ตอนที่เขาหยิบอาวุธชิ้นใหม่ขึ้นมา..

และเจ้าสิ่งนั้น ก็คือ กริชเหล็ก..ที่ คดเคี้ยว แหลม คม และคมพอที่จะสามารถสะบั้นเนื้อให้แยกบาดออกจากกันได้ หรือลอกผิวหนังเหมือนปอกส้มได้เช่นกัน

ฉึบบบบ...

เขาค่อยๆดึงกริชออกมาจากปลอกอย่างช้าๆ ตรงหน้าชายผู้นั้น..ที่นั่งหอบเหนื่อยและยังคงเจ็บปวดจากร่องรองบาดแผลมากมายที่เกิดจากก่อนหน้า ..ก่อนที่เขาจะเอ่ยเสียงทุ้มกังวาลออกมาอีกครั้ง อย่างตั้งคำถาม

“มึงว่า ถ้ากริชนี้ลอกหนังมึงออก..มันจะเป็นยังไง..หึหึ”

และคำขู่ที่เขาพูดมา..ทำให้อีกฝ่ายที่เจ็บปวดและไร้เรี่ยวแรงถึงกับโพล่งตาโตด้วยความตื่นตกใจและกลัวในความโหดเหี้ยมของอีกฝั่งทันที..

กลัว..

นั่นคือคำแรกที่ผุดขึ้นบนสมองของอีกฝ่ายทันที..ตั้งแต่ที่เขาเริ่มโดนทรมานมาในหลายชั่วโมงที่ผ่านมา...แต่ทว่า เขาที่โดนฝึกฝนให้โดนกระทำการทรมานเผื่อจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แต่เด็ก รวมถึงบุญคุณของเจ้านายของเขาที่มีมากมายสำหรับเขา ทำให้เขายังคงปากหนักเช่นเดิม ไร้คำพูดใดๆที่จะหลุดออกมาแล้วทรยศกลุ่มของตัวเองเช่นเดิม..

ในขณะที่ไค เริ่มเอากริชเล่มนั้น ไปรนไฟเหมือนแท่งเหล็กก่อนหน้า.. พร้อมกับสแยะยิ้มและแสดงสีหน้าที่โหดเหี้ยมราวกับมัจจุราชที่พร้อมจะมอบความตายให้อีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ..

“เห็นแก่ที่มึงเป็นคนซื่อสัตย์ ...ถ้ามึงยอมพูดความจริงมา กูจะไว้ชีวิตมึง..บอกมา..ใครส่งมึงมา และส่งมาทำไม..”

ความเงียบ ยังคงเป็นคำตอบเช่นเดิม ที่ถูกส่งออกมา..ทำให้เขา..ที่กำลังมองดูเปลวไฟด้วยสายตานิ่งเฉย อดที่จะนับถือในความจงรักภักดีของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ทว่า..เขาก็ยังคงพูดเสนอ เผื่ออีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจอีกครั้ง

“คำพูดไม่กี่คำแลกกับเนื้อของมึง..มึงแน่ใจว่าสิ่งที่มึงทำอยู่มันคุ้มค่า..? ”

“กูเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้อยู่แล้ว ถ้ากูจะตายเพราะงานนี้ กูก็ยอม...อึก!!!!”

และคำพูดชวนหัวเสียเล็กน้อยของอีกฝ่าย ก็ทำให้ ไคก็ยกมีดเล่มนั้นออกจากเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ จิ้มเข้าไปยังต้นแขนของอีกฝั่งทันที!

จึก!!!

ก่อนที่จะค่อยๆกดลงไป พร้อมกับคว้านเนื้อไปด้วยราวกับกำลังค้นหาสมบัติภายใต้กล้ามเนื้อนั่น..ในขณะที่อีกฝั่งได้แต่สั่นรับกับความเจ็บปวด..ที่มันจะแสบถั้งร้อนทั้งเจ็บปวด..อย่างทรมาน จนต้องระบายออกมาผ่านเสียงร้องที่เริ่มแหบแห้ง..

“อ๊ากกกกกกกกกกก”

ท่าทีที่ร้องครวญ โดยไม่คิดจะขอชีวิต หรือเอ่ยปากหลุดพูดอะไรเลย ทำให้ไคตัดสินใจยกกริชออก...และไม่ได้คิดที่จะลอกเนื้อหนังของอีกฝ่ายออกไปตามคำขู่ไป..พร้อมกับเปลี่ยนความคิดอะไรบางอย่าง...ที่เขาคิดมาแต่แรกอยู่แล้ว นั่นเลยทำให้เขาเอ่ยปากพูดออกมา ที่แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

“หึ..ดี!!!! รู้มั้ย กูชอบคนอย่างมึง..ซื้อสัตย์ ภักดี ...คนอย่างมึงมันมีค่ามากกว่าที่จะต้องมาตายในหน้าที่นี้..”

หลังจากที่ไคพูดจบ..เขาก็เอาผ้าเช็ดกริชที่เปื้อนเลือดนั้นอย่างช้าๆ เก็บเข้าปลอกอีกครั้ง ก่อนจะเอาผ้านั่น..มาพันแผลที่ต้นแขนที่เขาสร้างไว้ เพื่อห้ามเลือดอีกฝ่าย ด้วยสายตาที่นิ่งงัน จนคนที่โดนกระทำ และลูกน้องภายในห้อง ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า..เขากำลังคิดอะไรอยู่

โดยตลอดการทำนั่น สายตาเขาก็จ้องมองไปยังอีกฝ่ายที่ดูเจ็บปวดและกัดฟันสกัดกั้นอารมณ์ที่มันทรมานของตัวเอง จนเส้นเลือดผุดขึ้นตามใบหน้ามากมายไปด้วย

พร้อมกับความคิดที่ว่า

คนแบบนี้..ทรมานไปก็เท่านั้น เปลืองแรง เปลืองเวลา เสียเปล่าๆ

เขาแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดเอ่ยออกมาราวกับเป็นคนละคนกับก่อนหน้าทันที เมื่อเขาพันแผลผ้าเสร็จ..

“กูนับถือในความจังรักภักดีของมึง..เพราะฉะนั้น กูจะไว้ชีวิตมึง..พวกมึง..เอามันไปทำแผลแล้วปล่อยมันไป”

สิ้นเสียงสั่งลูกน้อง...เขาก็หมุนตัวเดินออกจากห้องนี้ไปทันที..พร้อมกับสีหน้าที่นิ่งเป็นปกติ ไร้รอยยิ้มที่ดูเหมือนใจดีเหมือนกับคำพูดก่อนหน้า

ถามว่าเขาใจดีอย่างนั้นหรือ..หึหึ ไม่หรอก..

เขาไม่ได้ใจดีเช่นนั้นจริงๆหรอก แม้ว่าเขาเองก็นับถือในความซื่อสัตย์ของอีกฝ่ายอย่างที่เขาพูดไปจริง แต่ว่า..สิ่งอื่นใดนั้น สิ่งที่เขาต้องการ คือสิ่งสำคัญอันดับนึงของเขาที่สุด เพราะฉะนั้น นั่นก็แค่การกระทำที่ทำให้อีกฝ่ายเชื่อว่าเขา...ใจดีและยอมปล่อยจริงๆ แต่แท้จริงแล้ว..คนอย่างไค มัจจุราชซาตาน มีหรือเขาจะยอมปล่อยง่ายๆ

มันเป็นเพราะว่าเขามีช่องทางในการได้ตามสิ่งที่เข้าต้องการช่องทางใหม่ต่างหากล่ะ..

“ฝั่งชิพในแผลมัน และจับตาดูมันไว้หลังปล่อยมันไป...”

และนั่นก็คือคำพูดของเขา..ที่บอกลูกน้องตำแหน่งใหญ่ภายในองค์กรลับของเขา..ด้วยสีหน้านิ่งเฉย หลังจากพ้นห้องนรกของอีกฝ่ายนั่นแล้ว

นั่นล่ะ แผนการใหม่ของเขา

..ฝั่งชิพติดตาม ..เพื่อดูตำแหน่งของมันหลังปล่อยมันไป และจับตาดู เพื่อดูว่าหลังจากนี้มันไปเจอใคร

เพียงแค่นี้เขาก็จะได้รู้แล้วว่า..อีกฝ่ายเป็นคนของใคร..

แต่ถึงอีกฝ่ายจะโดนฆ่าปิดปากก่อน ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็น่าจะได้ความเคลื่อนไหวอีกฝ่ายมากกว่าเขาต้องเสียเวลามาทรมานคนอย่างนี้เป็นไหนๆ

ทั้งเปลืองแรง และเปลืองเวลา..

หลังจากที่เขาพูดเช่นนั้น ลูกน้องที่รับคำสั่งก็ผงกหัวรับ..ก่อนที่เขาจะเดินหน้านิ่งผ่านฝูงลูกน้องมากมายที่ยืนตัวตรงตลอดทางเดิน เพื่อไปยังห้องทำงานของเขาในตึกแห่งนี้..

แน่ล่ะ..ภารกิจประจำวันของเขายังไม่หมดไปง่ายๆหรอก..ในเมื่อเขามาเหยียบที่นี่แล้ว เขาก็ถือโอกาสตรวจสอบความเรียบร้อยของหน่วยย่อย ของแต่ละส่วน รวมถึงสินค้าในคงคลังไปด้วย..

จนรู้ตัวอีกที เวลาก็ผ่านพ้นไปจนเกือบ ตี 3 เขาก็จัดการความเรียบร้อยทุกอย่าง ณ ที่แห่งนี้เสร็จอย่างตรงตามใจที่เขาต้องการ และก็เป็นเวลาที่เขาจะได้พักผ่อน จากวันที่แสนยาวนานของเขาในวันนี้ซะที..

และทันทีที่ล้มตัวลงนอน..สมองของเขา ก็ยังไม่หยุดคิดอย่างที่ใจอยากจะหยุดคิด..

‘แด็ดกลับมาครั้งนี้คงมีเรื่องอะไรอีกตามเคย..ว่าแต่จะเป็นเรื่องอะไรกันนะ’

และนั่นก็คือความคิดของเขา.. เมื่อนึกถึง คนที่เลี้ยงดูเขาตั้งแต่ที่เขาจากไทยมาเป็นเวลา 17 ปีแล้ว

แล้ว..ป่านนี้ ครอบครัวที่แท้จริงของเขา จะเป็นยังไงบ้างนะ..

ที่ผ่านมา เขาเองก็รู้ข่าวคราวของอีกฝั่งเสมอ..นั่นเป็นเพราะว่า เคและคิน..มักจะโทรมาเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง.. ส่วนคนที่เป็นพ่อแม่ของเขานั้น..ไม่ใช่ว่าไม่ติดต่อหาเขา..แต่เขาเลือกที่จะไม่รับการติดต่อ และปฎิเสธการเจอหน้าหรือพูดคุยทุกครั้งมากกว่า

เพราะเขายึดมั่นว่า ในเมื่อพ่อแม่เขาขายเขาแล้ว..ก็แสดงว่าฝั่งนั้นไม่ต้องการเขาแล้ว.. เพราะฉะนั้น..2 คนนั้นก็ไม่ใช่พ่อแม่ของเขาอีกต่อไป แต่เขาก็ไม่เคยเล่าและบอกใครในเรื่องนี้ แม้กระทั่งน้องชายของเขาเอง..

แต่ถึงอย่างนั้น..มันก็มีหลายครั้งที่เขาจะอดคิดถึงคนทางนั้นไม่ได้อยู่ดี

ม๊า...จะเดินได้คล่องหรือยัง

แด๊ด...จะดูแลม๊าดีหรือเปล่า

เค...จะดูแลกิจการไหวมั้ย

คิน...ยังจะเอาแต่เล่นเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า..

แล้ว..เธอ..ยังจะมีความเชื่อเรื่องคำอธิษฐานกับพระอาทิตย์อยู่อีกหรือไม่

เมื่อคิดได้อย่างนั้น..ใบหน้าที่นิ่งเฉยมานานทั้งวัน..ก็ค่อยๆปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กๆ ตรงมุมปาก ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง.. และหยิบสติกเกอร์เก่า ที่เขาใส่เอาไว้ในช่องใส่การ์ดขึ้นมาดู

สติกเกอร์ที่ไม่เข้ากับคนอย่างเขาเลยซักนิด

เพราะมันเป็นสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนผู้หญิง ที่เขาเพิ่งรู้หลังมาถึงอังกฤษแล้วว่า.. ตัวการ์ตูนนี้เรียกว่า เซเลอร์มูน..

และเขาก็รู้อีกว่า..หน้ากากทักซิโด้ ที่เขาเคยโดนเรียกก็เป็นอีกตัวละคนในการ์ตูนเรื่องนี้..

ภาพรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงคนนั้น..ยังคงอยู่ในความทรงจำเขาเสมอ..แต่ว่าเขาก็ทำได้แค่เพียงนึกถึงเท่านั้น

ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดที่จะออกตามหาเธอ แต่ว่าตอนนั้นเขายังเด็ก..แม้แต่ชื่อ เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ..แล้วเขาจะเริ่มหาเธอได้อย่างไร..

และอีกอย่าง เขาก็อยากให้เธออยู่แค่ในความทรงจำเท่านั้น ..เพราะเขามาไกลเกินกว่าที่จะให้ผู้หญิงที่ดี น่ารัก และสดใสอย่างเธอ ต้องมาแปดเปื้อน.. ดังนั้น บางทีการที่เธอไม่ได้รู้จักกับเขาอาจจะมีความสุขมากกว่าก็เป็นได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ค่อยๆเก็บสติกเกอร์สีสวยใส่กระเป๋าที่เดิม ก่อนจะชัตดาวน์ ปิดเครื่องยนต์ของตัวเองลงอย่างช้าๆ..บนเตียงใหญ่โอ่อ่าที่ถูกวางในห้องลับส่วนตัวของเขาภายในตึกแห่งนี้ จนเครื่องดับสนิทและเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel