บทที่ 22 เมืองฮาร์เบอร์
พวกราดิชที่ออกจากห้องเพื่อไปศูนย์อาหารนั้น ก็พบกับผู้เล่นหลายคนแอบมองมา พอมาถึงศูนย์อาหารพวกเขาหาที่นั่งกัน แต่ก็ไม่วายเป็นจุดสนใจของคนอื่นอยู่ดี เมื่อหาที่นั่งได้ราดิชก็เดินไปซื้ออาหาร แล้วจัดการอาหารกลางวันกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจชาวบ้านที่ตอนนี้เริ่มจับกลุ่มซุบซิบกันอยู่แม้แต่น้อย
“นายท่านดังใหญ่แล้วนะตอนนี้” อาธูเรียแกล้งแซวเขา
“ไม่ต้องเลย เพราะเธอนั่นแหละเล่นกันซะขนาดนั้น” ราดิชสวนกลับ
“หรือว่านายท่านมีปัญหา หืม?” อาธูเรียว่า แล้วเริ่มเอียงคอมองหน้าราดิชจนเขาชักกลัว
“ไม่มีอะไรหรอก ฮ่าๆ” ราดิชหัวเราะกลบเกลื่อนไป พวกเขากินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็กลับห้องพักกัน โดยมีพวกผู้เล่นเดินตามไปด้วยหลายคน จนพวกเขามาถึงห้องพักและรีบเข้าห้องกันไปอย่างรวดเร็ว
“เข้าห้องไปซะแล้ว ข้าว่าจะชวนเจ้านั่นเข้ากลุ่มเราซะหน่อย” ผู้เล่นคนหนึ่งว่า
“ถึงเขาไม่หล่อแต่ดูท่าทางนิสัยดีนะ อยากได้เป็นแฟนจังเลย” ผู้เล่นหญิงอีกคนหนึ่งพูด
“แต่คุณหนูที่อยู่กับมันโคตรน่ารักเลยว่ะ เอ็งว่าไหม” ผู้เล่นชายคนหนึ่งถามเพื่อน
“ใช่ๆ แล้วก็นะ...” และอีกหลายเสียงที่จับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวของราดิชอยู่หน้าห้อง ซึ่งตอนนี้ราดิชที่อยู่ในห้องเริ่มปลงตกแล้ว
“โธ่ ชีวิตที่แสนสงบสุขของฉันจากไปเสียแล้ว” ราดิชที่นั่งคอตกอยู่ที่เก้าอี้นั่งเล่นบ่นขึ้น
“เจ้านายก็ใส่แว่นตาปลอมตัวสิ แค่นี้คนก็ไม่รู้แล้ว” ปิกามอนเสนอความเห็นขึ้นมา
“เออ จริงด้วย ตอนอยู่เกาะเริ่มต้นเราก็ทำอยู่นี่นา ไม่น่าโง่เลยเรา” ราดิชที่เริ่มเห็นทางรอดบ่นกับตัวเอง
จากนั้นราดิชก็หาข้อมูลเกมเพิ่มเติม ทำให้เขารู้เพิ่มขึ้นว่า สัตว์อสูรระดับราชาขึ้นไปเมื่อตายลงจะมีเวลาเกิดที่แน่นอน บางตัวอาจจะหนึ่งวัน บางตัวอาจจะหลายวัน บางตัวอาจจะเป็นเดือน ถ้าเกิดมาแล้วส่วนใหญ่มักจะอยู่ประจำที่ และโดยปกติราชามักจะมีลูกน้องมาด้วยเสมอ แต่ก็มีบางตัวที่มาตัวเดียวเช่นกัน
ถ้าเกิดมีผู้เล่นมาโจมตีมันแล้วไม่สามารถล้มมันได้ แต่กลับพยายามล่อมันให้ออกนอกอาณาเขตของมัน มันจะไปแค่สุดอาณาเขต แล้วจะกลับมาอยู่ที่เดิมของมันพร้อมพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม หรือถ้าโจมตีมันไม่ต่อเนื่อง แบบว่าเข้าไปตีแล้วหนีทำนองนี้ ระบบก็จะฟื้นฟูพลังชีวิตที่เสียไปให้ เพื่อป้องกันพวกลอบตอดพลังนั่นเอง
นอกจากนี้สัตว์อสูรตั้งแต่ระดับราชาขึ้นไป เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วจะไม่หายไปไหน แต่จะอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกฆ่า ยกเว้นบางตัวที่ต้องทำการอัญเชิญมา ซึ่งจะหายไปเองเมื่อผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หรือถ้าผู้เล่นต้องการเร่งเวลาเกิดของมันก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยฆ่าสัตว์อสูรบริเวณนั้นเยอะๆ ในคราวเดียว แต่วิธีนี้ค่อนข้างยาก ส่วนลิเวียธานนั้นปกติไม่โจมตีผู้เล่นก่อน แต่มันจะว่ายน้ำไปทั่วท้องทะเล การที่มันเข้าโจมตีราดิชก็เป็นเพราะผลของทักษะผู้เป็นที่รักของราชานั่นเอง
ราดิชเก็บตัวอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเย็นจึงออกจากห้องไปกินอาหารเย็นตามปกติ ตลอดทางก็พบผู้เล่นแอบมองเขาตลอดทางเหมือนเดิม
“พวกนี้ยังตามไม่เลิกกันอีกหรือเนี่ย” ราดิชเริ่มเซ็งแล้วเหมือนกัน เมื่อมาถึงศูรย์อาหาร แน่นอนว่าราดิชต้องไปซื้ออาหารมาให้อาธูเรียกับปิกามอนเหมือนเคย แต่หลังจากที่ซื้อเสร็จและกลับมาที่โต๊ะก็พบว่ามีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งคุยกับอาธูเรียอยู่
“น้องสาว มาเป็นแฟนพี่ดีกว่า อยู่กับไอ้นั่นไปทำไม” ผู้เล่นชายคนหนึ่งพูด
“แล้วนายกล้าเข้าไปสู้กับลิเวียธานแบบตัวต่อตัวแบบเขารึเปล่าล่ะ” อาธูเรียตอกหน้ากลับ ทำให้ผู้เล่นคนนั้นก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
ราดิชที่เดินมาถึงก็เอ่ยขึ้น “มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” แล้ววางอาหารที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ จากนั้นหันกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มของพวกผู้เล่นพวกนั้น
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ พวกเราไป” ผู้เล่นชายคนนั้นรีบถอยทันที เพราะสำนึกตัวว่าไม่สามารถสู้ราดิชได้แน่นอน ถึงคนจะเยอะกว่าก็ตาม
“อะไรของพวกมันหว่า มาๆ พวกเรากินข้าวกัน” ราดิชพูดด้วยความงุนงง แต่อาธูเรียกับปิกามอนก็จัดการอาหารไปก่อนราดิชพูดเสียอีก
หลังจากกินเสร็จพวกเขาก็กลับไปอยู่ในห้องเหมือนเดิม เขานั่งอ่านกระดานข่าวสารเพื่อฆ่าเวลา ส่วนอาธูเรียกลับไปก่อนแล้ว เหลือแต่ปิกามอนที่ตอนนี้มานั่งตักราดิชเริ่มดึกเขาก็ไปอาบน้ำและเข้านอนพร้อมปิกามอนตามปกติ
เช้าวันใหม่มาถึง ราดิชที่ทำกิจวัตรประจำวันเสร็จเรียบร้อยก็อัญเชิญอาธูเรียออกมา และยกขบวนกันไปที่ศูนย์อาหารอีกตามเคย ตามกำหนดการนั้นเรือจะถึงเมืองฮาร์เบอร์ในตอนเที่ยงของวันนี้ ราดิชตื่นเต้นมากที่จะได้ผจญภัยในทวีปอเมเนียนเสียที หลังอาหารเช้าราดิชก็เก็บตัวอยู่ในห้อง จนกระทั่งได้เวลาที่เรือเทียบท่านั่นแหละพวกเขาถึงออกมา
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว ราดิชก็เอาแว่นกันแดดออกมาใส่ แล้วให้ปิกามอนไปอยู่ในแหวน แล้วให้อาธูเรียกลับไปก่อนจะได้ไม่เป็นที่สนใจ หลังจากลงมาจากเรือ ภาพที่ราดิชเห็นคือท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีเรือโดยสารจอดอยู่หลายลำ และมีผู้เล่นเดินไปมาอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งมีแผงขายสินค้ามากมาย
เมื่อมองเลยท่าเรือไปก็พบกับตัวเมืองอยู่ไม่ไกล ดูแล้วน่าจะใหญ่กว่าเมืองเริ่มต้นเป็น 10 เท่าเห็นจะได้ ราดิชทึ่งมากๆ ตอนนี้เขาเดินดูสินค้าที่มีวางขายอยู่เป็นทางยาวไปจนถึงประตูทางเข้าเมือง และดูเหมือนว่าจะมีของขายตั้งแต่ระดับ C ไปจนถึง A เลยทีเดียว ทำให้ราดิชนึกขึ้นได้ว่าต้องติดต่อซากุระ เลยรีบติดต่อไปทันที
“สวัสดีครับคุณซากุระ ตอนนี้ผมมาถึงเมืองฮาร์เบอร์แล้วนะครับ” ราดิชทักทายปลายสาย
“ถึงแล้วเหรอคะ งั้นคุณราดิชรอก่อนได้ไหมคะ ฉันจะไปถึงเมืองนั้นตอนเย็นๆ น่ะค่ะ” ซากุระพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ได้ครับ ผมจะรอนะครับ” ราดิชบอก เขาเดินดูของที่ขายต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านแผงขายของหลังหนึ่ง เขาสะดุดตากับของที่วางขายอยู่ จึงเดินเข้าไปสอบถามกับพ่อค้าที่กำลังขายของให้กับลูกค้าอีกคนหนึ่งอยู่
“สวัสดีครับ” ราดิชเอ่ยทัก
พ่อค้าหันมาทักทายราดิช “สวัสดีครับ เชิญชมก่อนได้เลยนะครับ” แล้วหันกลับไปต่อรองราคาต่อ สิ่งที่ราดิชสนใจคือแหวนสีทองวงหนึ่งที่ดูเก่าคร่ำคร่ามีฝุ่นจับ แต่เขามองเห็นมันส่องประกายแวววาวออกมา ราดิชหยิบมันขึ้นมาดู พอดีกับที่พ่อค้าขายของให้ผู้เล่นอีกคนเสร็จพอดี
“คุณลูกค้าสนใจแหวนวงนั้นหรือครับ” พ่อค้าถาม
“อ้อ ใช่ครับ ไม่ทราบว่ามันเป็นแหวนอะไรหรือครับ” ราดิชตอบ
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน พอดีเพื่อนมันฝากมาขายน่ะ รู้แต่ตกจากบอสระดับ 70 น่ะครับ” พ่อค้าตอบ
“แล้วไม่ทราบว่าเป็นแหวนระดับไหนเหรอครับ แล้วราคาเท่าไร” ราดิชเริ่มถามต่อ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่ามันเป็นแหวนที่ยังไม่ได้ปลดผนึกน่ะครับ ปกติแล้วไอเทมส่วนใหญ่ที่ตกมาจากสัตว์อสูรจะใช้ได้เลย แต่ก็มีบางอันที่ต้องปลดผนึกก่อนถึงจะใช้ได้ และเจ้าแหวนวงนี้ก็ใช่นะครับ” พ่อค้าบอกด้วยสีหน้าหนักใจ
“แล้วมันต้องไปปลดผนึกที่ไหนล่ะครับ” ราดิชถาม เผื่อว่าพ่อค้าจะรู้
“อันนี้ตอบยากครับ เพราะ NPC ที่ปลดผนึกได้ส่วนใหญ่จะอยู่ไม่เป็นที่นะครับ ทำให้ตามตัวลำบาก เลยทำให้ไอเทมที่ต้องปลดผนึกราคาไม่แพงนัก แต่เห็นเขาว่าถ้าปลดผนึกแล้วจะได้ของดีเสมอน่ะครับ ถึงมีบางคนซื้อไปแล้วออกตามหาคนปลดผนึกอยู่เหมือนกัน” พ่อค้าบอก
“อย่างนั้นเหรอครับ พอดีผมสนใจแหวนวงนี้น่ะครับ ไม่ทราบคุณพ่อค้าขายเท่าไร” ราดิชพูดด้วยสีหน้าหนักใจ
“เอาจริงหรือครับ ผมคิด 500,000 G ก็แล้วกัน เห็นว่ามันตกจากบอส น่าจะเป็นของดีอยู่ถ้าปลดผนึกได้น่ะครับ” พ่อค้าบอกราคา เขาก็เห็นว่าไม่แพงเท่าไร
“ตกลงครับ” ราดิชโอนเงินให้พ่อค้าแล้วรับแหวนมา และคุยกับพ่อค้าเรื่องสินค้าต่ออีกสักพัก จากนั้นเขาก็กล่าวลาพ่อค้า เขาเช็กหน้าต่างระบบดูก็พบว่าตอนนี้เขามีเงินติดตัวอยู่ 9 ล้านกว่าโกลด์ เขาจึงฝากธนาคารไป 8 ล้านโกล์ดทันที กันไว้ก่อนเผื่อเขาตายขึ้นมา จากนั้นก็เดินชมสินค้าไปเรื่อย จนไปถึงประตูเมืองฮาร์เบอร์
เมืองฮาร์เบอร์นั้นมีลักษณะคล้ายกับเมืองตามท่าเรือทั่วไป คือมีโกดังสินค้าอยู่หลายแห่ง มีตลาดอยู่หลายจุด ตัวเมืองมีคนพลุกพล่าน ส่วนสิ่งปลูกสร้างนั้นดูทันสมัย เพราะเป็นตึกแบบยุคปัจจุบันจึงทำให้ที่นี่ดูไม่ขลังเท่าเมืองอื่นๆ ในทวีปอเมเนียน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความใหญ่ละก็ถือว่ามันมีขนาดใหญ่มากทีเดียว เพราะต้องรองรับผู้เล่นจาก 5 เกาะเริ่มต้น ที่จะต้องเดินทางมายังเมืองนี้กันทั้งนั้น
ราดิชที่เดินเข้าประตูเมืองมา ทั้งสองข้างทางก็มีผู้เล่นขายของอยู่ประปราย เขาเปิดแผนที่ขึ้นมาดู เขาตัดสินใจไปภัตตาคารประจำเมืองดูก่อน เพราะนี่ก็บ่ายกว่าแล้ว เลยคิดว่าจะไปหาอะไรกินเสียก่อน
เมื่อมาถึง ราดิชพบว่ามันมีขนาดใหญ่กว่าภัตตาคารที่เมืองเริ่มต้นกว่า 6 เท่าเลยทีเดียว ทำให้เขาถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นความใหญ่โตของมัน เขาเข้าไปในภัตตาคาร แล้วจัดการสั่งอาหารหลายอย่าง แถมยังสั่งแบบห่อกลับอีกหลายชุดกันไว้ก่อนด้วย
ระหว่างรออาหารที่สั่งเขาก็มองไปรอบๆ ซึ่งก็พบผู้เล่นหลายคนที่มาเป็นคู่กับแฟนมั่ง มาเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ มั่ง กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีบางคนที่ราดิชสังเกตเห็นว่าจับตามองเขาอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ตอนนี้เขาจะใส่แว่นกันแดดปลอมตัวก็เถอะ แต่ยังไงโครงหน้าของเขาก็เห็นชัดเจนอยู่ดี แค่ไม่สามารถตรวจสอบชื่อได้เท่านั้นเอง
พออาหารมาถึงราดิชก็นั่งกินอย่างสบายใจไปเรื่อยๆ เพราะที่นี่เขาไม่ได้เป็นจุดสนใจเท่าใดนัก หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ราดิชก็ออกไปเดินเที่ยวในเมืองเพื่อรอซากุระ จนกระทั่งเย็นก็มีการติดต่อมาจากซากุระเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณราดิช ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ” ซากุระที่ตอนนี้ดูเหมือนจะมาถึงแล้วถามขึ้น
“สวัสดีครับ พอดีผมเดินเที่ยวอยู่ในเมืองน่ะครับ ไม่ทราบไปเจอกันที่ไหนดี” ราดิชถามถึงที่นัดหมาย
“เอาเป็นภัตตาคารประจำเมืองละกันค่ะ เจอกันที่หน้าภัตตาคารนะคะ” ซากุระบอก
“ครับ ไว้เจอกันนะครับ” ราดิชตัดการติดต่อไป จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่ภัตตาคารประจำเมืองอีกรอบ เมื่อไปถึงก็พบซากุระยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีครับคุณซากุระ” ราดิชรีบเข้าไปทักทายเธอ
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณราดิช” ซากุระตอบกลับ
“แล้วเราจะไปแลกของกันที่ไหนครับ” ราดิชถาม
“ที่นี่แหละค่ะ ผู้เล่นสามารถขอเปิดห้องส่วนตัวได้ แต่จะเสียเงินแพงขึ้นกว่าปกติน่ะค่ะ” ซากุระบอกและยิ้มให้เล็กน้อย
“อย่างนั้นหรือครับ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย” ราดิชตามซากุระไป เธอแจ้งพนักงานขอเปิดห้องส่วนตัว พนักงานพาพวกเขาไปที่ชั้น 4 และเปิดห้องให้ ราดิชเห็นว่ามันใหญ่พอที่จะจุคนได้หลายสิบคนเลยทีเดียว “ห้องนี้แหละค่ะ เชิญเข้าไปได้เลย” ซากุระบอกและหันไปขอบคุณพนักงาน ราดิชก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ ส่วนซากุระที่ตามหลังเขามาก็ปิดประตูห้องลง
“เดี๋ยวพอเราแลกเปลี่ยนกันเสร็จก็อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อนนะคะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองค่ะ” ซากุระบอก เธอเดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับหยิบดาบออกมาวางให้ราดิชเห็น เขาเองก็หยิบหนังสือออกมาวางไว้เหมือนกัน
“ความจริงฉันตามหาหนังสือเล่มนี้มานานมากแล้วล่ะค่ะ แต่คนที่มีส่วนใหญ่จะเก็บไว้ให้พวกตัวเอง หรือไม่ก็ขายแพงๆ น่ะค่ะ เพราะมันตกค่อนข้างยากเหมือนกัน” ซากุระบอกกับราดิช
“เหรอครับ แล้วดาบเล่มนี้ล่ะครับ มันหายากหรือเปล่า” ราดิชที่ตอนนี้หยิบดาบอารอนไดท์มาพิจารณาถามขึ้น มันเป็นที่มีสองคมที่มีใบดาบสีเงินสวยงาม ด้ามดาบมีสีเงิน กั่นดาบเป็นรูปปีกมีสีทอง ทำให้รูปร่างของดาบดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
“ดาบเล่มนี้ก็หายากพอกันค่ะ ตกจากบอสระดับ 80 เหมือนกัน” ซากุระว่า จากนั้นทั้งคู่ก็ทำการแลกเปลี่ยนของกัน ราดิชก็ลูบคลำดาบอย่างสนใจ แต่ทางซากุระถึงกับเอาหนังสือไปแนบหน้าเลยทีเดียว พอดีกับที่อาหารยกมาเสิร์ฟพอดี
“แล้วนี่คุณราดิชจะทำอะไรต่อหรือคะ” ซากุระที่ตอนนี้ที่กำลังสาละวนกับกุ้งมังกรตัวโตอยู่ถามขึ้น
“คงต้องเก็บระดับให้ 50 แล้วเปลี่ยนอาชีพครั้งที่สองให้ได้ก่อนน่ะครับ คุณซากุระมีอะไรจะแนะนำรึเปล่าครับ” ราดิชตอบตามที่วางแผนเอาไว้
“แล้วจะเปลี่ยนเป็นอาชีพอะไรหรือคะ” ซากุระถามต่อ
“ก็คงเป็นนักดาบระดับสูง หรือไม่ก็จอมดาบเวทน่ะครับ ผมสนใจสายอาชีพพวกนี้อยู่น่ะ” ราดิชตอบ
“สายอาชีพพวกนี้ฉันได้ข่าวมาว่าเปลี่ยนอาชีพยากมากๆ เลยนะคะ แต่ก็เป็นอาชีพที่เก่งมากๆ เลยแหละค่ะ” ซากุระบอกแล้วทำตาเป็นประกาย
“ผมจะพยายามแน่นอนครับ” ราดิชตอบและยิ้มให้เธอ
“ถ้าคุณราดิชพยายาม ฉันว่าต้องทำได้แน่นอนค่ะ” ซากุระพูดให้กำลังใจ ทั้งสองก็คุยกันอีกหลายๆ เรื่องจนอาหารที่สั่งมาหมดเรียบร้อยทั้งสองก็บอกลากันไป โดยซากุระต้องรีบเดินทางกลับไปทำธุระต่อ ส่วนราดิชคิดว่าเขาจะเดินเที่ยวต่ออีกสักหน่อย
หลังออกจากภัตตาคารเขาเดินหาร้านที่ขายถุงมือหรือดาบอยู่ ระหว่างทางราดิชพบผู้เล่นหลากหลายอาชีพ อย่างเช่นพวกนักเวทที่ใส่ชุดคลุมถือคทาเวท ใส่หมวกทรงแหลม หรือจะเป็นพวกผู้เล่นที่ดูท่าจะเป็นนักรบแบกขวานกับดาบเล่มโตเดินไปมา พวกที่เป็นอาชีพนักบวชใส่ชุดคลุมสีขาว หรือพวกนักธนูที่สะพายธนูไว้ที่ไหล่
แต่ที่ราดิชสนใจคือ พวกที่สะพายปืนยาวหรือมีปืนพกเหน็บไว้ ราดิชลองเข้าไปคุยกับพวกนั้นทำให้รู้ว่าอาชีพนักธนูนั้น เมื่อเปลี่ยนอาชีพตอนระดับ 50 จะมีอาชีพมือปืนด้วย หลายคนเลยใช้ปืนตั้งแต่เปลี่ยนเป็นนักธนู เพราะทักษะของพวกเขาสนับสนุนทั้งธนู หน้าไม้ และปืน เลยไม่มีปัญหาในการเก็บระดับนั่นเอง
หลังจากราดิชแยกจากพวกกลุ่มนักธนู เขาเดินต่อไปจนเจอของที่น่าสนใจเข้าที่ร้านหนึ่ง มันเป็นถุงมือแบบทั้งมือทำจากหนังสีแดง ที่หลังมือมีอัญมณีสีแดงประดับอยู่ ราดิชหยิบขึ้นมาดู
“คุณลูกค้านี่ตาถึงจริงๆ นะครับ นี่เป็นถุงมือไนท์แมร์ระดับ A เลยนะครับ” พ่อค้าเอ่ยขึ้น
“แล้วมันทำอะไรได้บ้างล่ะครับ” ราดิชเลยถามถึงคุณสมบัติของมัน
“มันทำให้ร่ายเวทได้เร็วขึ้น แถมยังเพิ่มอัตราการฟื้นพลังมานาด้วยนะครับ” พ่อค้ารีบแจกแจงคุณสมบัติทันที
“แล้วราคาเท่าไรคับ” ราดิชถาม
“ถุงมือไนท์แมร์ระดับ A ก็ 1 ล้านโกลด์นะครับ แต่ถ้าคุณลูกค้าสนใจรองเท้าด้วย ขายเป็นคู่ผมลดให้เหลือล้านแปดแสนโกลด์พอครับ” พ่อค้าบอกราคา แล้วหยิบรองเท้าหนังสีแดงอีกคู่หนึ่งขึ้นมาให้ราดิชดู พร้อมสาธยายคุณสมบัติของมัน
“รองเท้าไนท์แมร์ระดับ A เพิ่มอัตราการฟื้นพลังชีวิตและยังช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่อีกด้วยนะครับ” พ่อค้าบอกคุณสมบัติ
“น่าสนใจดีนะครับ เอาทั้งสองอันเลยก็ได้” ราดิชที่พิจารณาคุณสมบัติแล้ว เห็นว่ามันคุ้มกับการใช้งานก็เลยซื้อ เขาจัดการสวมใส่แทนของเก่าทันที ทำให้ตอนนี้ราดิชมีถุงมือหนังและรองเท้าหนังสีแดงตัดกับชุดเกราะสีฟ้าและผ้าคลุมสีดำ
“คุณพ่อค้ามีดาบไนท์แมร์หรือเปล่าครับ” ราดิชลองถามพ่อค้าดู เจ้าดาบไนท์แมร์นั้นเป็นดาบระดับ A ที่มีคุณสมบัติที่จะนำความเสียหายที่ทำได้มาฟื้นพลังชีวิต และพลังมานาให้ผู้ใช้นั่นเอง
“ไม่มีเลยครับคุณลูกค้า แต่ถ้ายังไงพรุ่งนี้ลองมาใหม่นะครับ อาจจะมีของเข้ามาอีกก็ได้น่ะครับ” พ่อค้าตอบราดิช ทำให้เขาผิดหวังนิดๆ แต่ก็ไม่เป็นไร เขาคุยกับพ่อค้าเรื่องของอีกสองสามเรื่อง หลังคุยอยู่พักใหญ่ เขาก็ขอตัวเพื่อไปดูร้านอื่นต่อ
ระหว่างทางราดิชก็เจอสินค้าอีกหลายแบบ เช่น น้ำยาที่ชื่อพิ๊กซี่ ที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ ราดิชก็เห็นว่ามันมีประโยชน์อยู่ เลยลองซื้อมาสัก 50 ขวด จากนั้นเขาก็เดินดูต่ออีกสักพอดูเวลาแล้วล่วงไปกว่า 2 ทุ่ม เขาจึงตัดสินใจที่จะหาโรงแรมเพื่อเช็กของ จึงเปิดแผนที่ดูและรีบเดินทางไปทันที
หลังจากที่มาถึงโรงแรมแล้ว ก็พบว่ามันเป็นโรงแรมที่ใหญ่โตกว่าที่เมืองเริ่มต้นหลายเท่านัก ราดิชตรงเข้าไปเช็กอิน หลังจากได้ห้องแล้วเขาก็ขึ้นไปบนห้อง ภายในห้องนั้นไม่ต่างจากที่เมืองเริ่มต้นเท่าใดนัก ผิดกันแต่ขนาดที่ใหญ่กว่าอยู่พอสมควร เขาจัดการอาบน้ำซะหน่อย หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ราดิชก็เริ่มเอาของที่ได้มาวันนี้มาเชยชมว่าเป็นยังไงบ้าง
-ถุงมือไนท์แมร์(A)
พลังป้องกัน 80 พลังป้องกันเวท 40
(-เพิ่มความเร็วในร่ายเวท 10%
-เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังมานา 10%)
-รองเท้าไนท์แมร์(A)
พลังป้องกัน 80 พลังป้องกันเวท 40
(-เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 50 จุด
-เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิต 10%)
-ดาบอารอนไดท์ (S) (ยังไม่ได้ทำสัญญา)
พลังโจมตี 500 พลังโจมตีเวท 500
(-เพิ่มค่าสถานะพื้นฐานเป็น 2 เท่า เมื่อสวมใส่
-เพิ่มโอกาสในการทำให้เกิดสถานะผิดปกติและคำสาป 50%
-เพิ่มพลังป้องกันสถานะผิดปกติและคำสาป 50%
-เพิ่มพลังโจมตีเป็นสองเท่าเมื่อต่อสู้กับมังกร)
ราดิชพอใจกับรองเท้าและถุงมือไนท์แมร์มาก เพราะพลังป้องกันมันก็ถือว่าสูง คุณสมบัติพิเศษก็ดี แต่ที่เขาชอบสุดๆ คือดาบที่แลกมาจากซากุระนั่นเอง คุณสมบัติของมันนั้น สมแล้วที่ตกจากบอสที่โหดมากๆ ตัวหนึ่ง ราดิชเลยจัดการทำสัญญาให้เรียบร้อย และตั้งมันไว้เป็นอาวุธหลักแทนดาบโฟเทีย และเอาเชือกออมามัดกับฝักดาบและติดไว้ที่เอวข้างซ้ายคู่กับดาบโฟเทีย ส่วนดาบจู่โจมนั้นเขาย้ายมาพกไว้ข้างขวากับดาบเนมอส ทำให้ในตอนนี้เขาพกดาบถึง 4 เล่ม ดูไปคล้ายกับพวกบ้าหอบฟางอยู่เหมือนกัน
เมื่อจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อย ราดิชก็เช็กเอาท์ออกจากโรงแรม เขาดูเวลาข้างนอกเกมมันเกือบจะ 6 โมงเช้าอยู่แล้ว ราดิชคิดจะออกเกมไปก่อน หลังออกจากโรงแรมเขาก็หาสถานที่ลับตาคนแถวนั้นแล้วออกจากเกมไป
ขณะที่ราดิชมาถึงเมืองฮาร์เบอร์นั้น ข่าวการมาของเขาก็ล่วงรู้ไปถึงเหล่าผู้มีอิทธิพลในเกม แม้แต่เรื่องที่เขาสามารถจัดการลิเวียธานได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่งนัก แต่พวกเขาเหล่านั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น คงได้แต่รอให้เวลาพิสูจน์ตัวเขาให้มากกว่านี้กันต่อไป
