บท
ตั้งค่า

บทที่ 19 มุ่งสู่ทวีปอเมเนียน

เช้าวันต่อมาราดิชก็ตื่นแต่เช้าตามปกติ เขารีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปรำดาบกับอาจารย์เหมือนที่ทำอย่างเคย

“เมื่อวานเป็นไงบ้าง เริ่มควบคุมได้หรือยัง” อู๋หมิงถาม

“ก็เริ่มดีขึ้นมากแล้วครับ” ราดิชตอบกลับ และเริ่มรำดาบบ้าง

“ข้าว่าเดี๋ยวเจ้าลองไปทำสมาธิที่น้ำตกก่อนละกันนะวันนี้ น่าจะดีขึ้น” อู๋หมิงแนะนำ

ราดิชรับคำ จากนั้นทั้งสองก็รำดาบไปอีกสักพัก ก็ไปกินอาหารเช้ากัน หลังจากจัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว ราดิชก็ไปที่น้ำตกเพื่อฝึกสมาธิต่อ

เขาเริ่มเข้าสู่ภวังค์ทีละน้อยจนเริ่มรับรู้สิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ทั้งสายลม แสงแดด สายน้ำ มวลอากาศที่อยู่รอบตัว เขาเริ่มสัมผัสถึงกระแสพลังต่างๆ ที่อยู่รอบตัว กำลังเคลื่อนที่ไปมา และเริ่มจับสัมผัสพลังของตัวเองได้ขึ้นมาบ้างแล้ว เวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไร ราดิชก็รู้สึกตัวขึ้น เขาลุกขึ้นและก้าวออกจากสายน้ำตกเพื่อขึ้นมายังฝั่ง

“เป็นยังไงบ้างล่ะ” เสียงอู๋หมิงถามมาจากหน้ากระท่อม

“เริ่มรู้สึกได้ถึงกระแสพลังแล้วล่ะครับ” ราดิชตอบกลับ พร้อมกับเดินไปหาอาจารย์

อู๋หมิงที่ได้ยินดังนั้นก็กล่าวต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ฝึกต่อเลยแล้วกันนะ” พร้อมส่งดาบไม้ให้ราดิช เขาก็รับมาและเริ่มรวบรวมพลังตามที่อาจารย์บอก ผ่านไปนับชั่วโมงราดิชก็ทำได้ พร้อมกับมีเสียงระบบดังขึ้น

-ท่านได้รับทักษะพื้นฐาน ทักษะผนึกพลัง

-ทักษะผนึกพลัง

(สามารถผนึกพลังมานาเพื่อเพิ่มพลังโจมตีและความแข็งแกร่งหรือพลังป้องกันให้กับร่างกายหรือวัตถุที่สัมผัสอยู่โดยเพิ่มพลังโจมตี 100 จุดทุกระดับ และเพิ่มพลังป้องกัน 200 จุดในทุกระดับ แต่ระดับความเชี่ยวชาญที่สูงขึ้นจะทำให้ผนึกพลังได้เร็วขึ้นและเพิ่มความแข็งแกร่งของสิ่งที่ผนึกได้มากขึ้น ใช้พลังมานาวินาทีละ 1 จุด)

“อาจารย์ ศิษย์ทำแล้วครับ มีเสียงระบบแจ้งบอกแล้ว” ราดิชดีใจมาก

อู๋หมิงได้ยินก็ดีใจไปด้วย จึงกล่าวต่อไปว่า “ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้อยู่แล้ว แต่เจ้าเพิ่งได้มาสินะ ข้าว่าเจ้าคงใช้เวลารวบรวมพลังราวๆ 10 วินาที ใช่หรือเปล่า” ราดิชจึงสลายพลังแล้วเริ่มรวบรวมพลังใหม่อีกครั้ง และมันก็กินเวลาประมาณ 10 วินาทีอย่างที่อู๋หมิงพูดจริงๆ

“จริงด้วยอาจารย์ อย่างนี้เวลาต่อสู้ศิษย์ก็ต้องรวบรวมพลังก่อนสักพักนะสิ” ราดิชถามในสิ่งที่สงสัย

“ใช่แล้ว แต่ถ้าเจ้าเชี่ยวชาญขึ้นจนถึงระดับสูงสุดก็แทบเรียกว่าทำได้ทันทีเลย แบบข้าไง” อาจารย์บอกพร้อมทำให้ดู

“แล้วที่สร้างเป็นกระบี่แบบอาจารย์ได้ล่ะ ต้องทำยังไง” ราดิชรีบถามต่อ

“เจ้าต้องเชี่ยวชาญทักษะนี้จนสามารถทำแบบข้าได้ก่อนน่ะ” อู๋หมิงบอกเงื่อนไข

“สงสัยอีกนานเลยนะนั่น” ราดิชเริ่มบ่นกับตัวเอง

“เรามาทดสอบพลังกันดีกว่า เจ้าลองผนึกพลังแล้วฟันใส่หินก้อนนั้นซิ” อู๋หมิงบอกพร้อมชี้มือไปที่ก้อนหินขนาดเขื่องๆ ก้อนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ น้ำตก ราดิชเดินไปที่ก้อนหินและผนึกพลังใส่ดาบไม้แล้วฟาดใส่มันทันที ก้อนหินก้อนนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เขาได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“อาจารย์ ทำไมมันรุนแรงแบบนี้ล่ะ” ราดิชถามอู๋หมิงที่ตอนนี้เดินตามมา

“มันมีพลังโจมตีและความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น แต่อย่าลืมว่าดาบไม้ของข้ามันจะมีพลังเท่ากับสิ่งมันปะทะ เจ้าเลยฟันหินนั่นแตกเป็นเสี่ยงๆ ยังไงล่ะ” อู๋หมิงไขข้อข้องใจให้ราดิช

“สุดยอดไปเลย” ราดิชได้พูดได้เพียงคำเดียว

“ข้าจะแสดงอะไรดีๆ กว่านี้ให้ดู คอยดูให้ดีล่ะ” อู๋หมิงที่เห็นราดิชตกตะลึงก็เริ่มแสดงทักษะต่อ ชายชราสร้างกระบี่ไร้สภาพขึ้นมา จากนั้นก็จี้นิ้วไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่งพร้อมกับมีรังสีกระบี่พุ่งออกไปถูกหินก้อนนั้นจนแตกกระจาย

“นี่มัน...” ราดิชอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“ถ้าเจ้าสร้างอาวุธไร้สภาพได้สำเร็จ และชำนาญดีแล้ว เจ้าก็ยิงรังสีแบบข้าได้ เป็นไง วิชาข้าสุดยอดรึเปล่า ในเกมนี้นะคนที่รับมือข้าได้เกิน 10 กระบวนท่าน่ะ มีไม่มากหรอก” อู๋หมิงบอกด้วยความภูมิใจสุดๆ ราดิชที่ได้ยินอาจารย์บอก ก็รีบยออู๋หมิงทันที “อาจารย์นี่เป็นผู้ไร้เทียมทานจริงๆ อย่าลืมสอนวิชาพวกนี้ให้ศิษย์ด้วยนะ”

อู๋หมิงยิ้มแก้มปริและบอกกับราดิชว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่เย็นมาก เจ้าฝึกผนึกพลังและฟันก้อนหินแถวนี้ไปก่อนก็แล้วกัน” ว่าแล้วชายชราก็เดินกลับกระท่อมไป ส่วนราดิชก็เริ่มผนึกพลังและเริ่มการฝึกต่อไปจนเย็น

“เอาล่ะพอก่อน พักกินข้าวเย็นก่อนเถอะ” อู๋หมิงตะโกนบอกราดิชเขาจึงหยุดฝึกและไปตักน้ำตามปกติ หลังอาหารเย็นทั้งสองก็มาที่ลานกว้างหน้าบ้าน ที่ในตอนนี้สว่างด้วยแสงจันทร์และแสงไฟจากหน้ากระท่อม อู๋หมิงเห็นราดิชพร้อมแล้วก็กล่าวขึ้นว่า “เดี๋ยวข้าจะสอนการใช้รังสีดาบนะ” ราดิชก็พยักหน้าเตรียมพร้อมเรียน

จากนั้นอู๋หมิงเริ่มสอนราดิช “มันก็ไม่ยากหรอก แค่ในตอนที่เจ้าผนึกพลังลงอาวุธและฟันออกไป เจ้าก็ปล่อยจิตสังหารไปด้วย แต่ให้เจ้าควบคุมให้มันไปกับอาวุธน่ะ ถ้าทำได้เจ้าจะรู้สึกถึงกระแสพลังที่ไหลออกมา ลองดูนะ ตอนนี้เจ้าอาจจะยังทำไม่ได้ แต่ถ้าทักษะผนึกพลังของเจ้าเพิ่มถึงระดับหนึ่งมันก็ไม่ยากแล้วแหละ”

ราดิชเริ่มผนึกพลังและเหวี่ยงดาบฟันไปมาแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงขออาจารย์ไปฝึกฟันหินต่อ ‘ศิษย์เราคนนี้รู้จักประมาณตน ตอนนี้ทำไม่ได้ก็ไม่ฝืน แต่ต้องไปฝึกพื้นฐานเสียก่อน’ อู๋หมิงมองตามหลังราดิชที่เดินไปหาก้อนหินแถวน้ำตกเพื่อฝึกผนึกพลังพลางคิดในใจอย่างชื่นชม

ราดิชที่ตอนนี้นั้นเริ่มผนึกพลังและฟันใส่ก้อนหินที่อยู่บริเวณนั้นไปเรื่อยๆ โดยมีเจ้าปิกามอนเดินตามอยู่ห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง

“เจ้านายเรานี่เป็นพวกบ้าฝึกวิชาจริงๆ เลย แล้วเมื่อไรข้าจะได้ไปเที่ยวกับกินของอร่อยๆ ละเนี่ย” มันบ่นกับตัวเอง “จริงสิยังมีวิธีนี่นา” ปิกามอนมีความคิดดีๆ จึงเดินไปหาราดิชและเรียกเขา

“เจ้านายๆ ข้ามีวิธีทำให้ทักษะนี้ของเจ้านายเชี่ยวชาญขึ้นเร็วๆ ด้วยล่ะ” มันเรียกจนราดิชหยุดและหันกลับมามองมัน

“วิธีอะไรหรือ ปิกามอน” ราดิชถามด้วยความสงสัย

“เจ้านายก็เรียกอาธูเรียมาช่วยฝึกสิ ฝึกกับยัยนั่นน่าจะดีกว่าก้อนหินพวกนี้นะ” ปิกามอนเสนอความคิดเห็น

ราดิชที่ได้ยินก็หยุดคิดและบอกเจ้าปิกามอนว่า “ก็น่าลองดูนะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้จะลองดูล่ะกัน” จากนั้นเขาก็ฝึกต่ออีกสักพัก ไม่นานก็เลิกแล้วกลับไปอาบน้ำ และเข้านอนพร้อมกับปิกามอนในที่สุด

เช้าวันใหม่มาถึง ราดิชที่ตื่นแต่เช้าและอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ ก็ออกไปรำดาบเป็นเพื่อนอาจารย์ของเขาอย่างที่ทำเป็นประจำ อู๋หมิงที่รำดาบอยู่เอ่ยถามราดิชขึ้นมา “เป็นยังไงบ้างเมื่อวานนี้”

“รู้สึกว่าควบคุมพลังได้มากขึ้นแล้วครับ” ราดิชตอบคำถามของอาจารย์

“เดี๋ยวตอนบ่ายข้าจะออกไปทำธุระ เจ้าก็ฝึกอยู่ที่นี่ไปก่อนละกัน” อู๋หมิงบอก

“ครับอาจารย์” ราดิชรับคำ ทั้งคู่ก็รำดาบรำดาบไปอีกสักพักก็ไปกินข้าวเช้ากัน เสร็จจากนั้นในช่วงเช้าอู๋หมิงก็สอนเรื่องคุณสมบัติของดาบประเภทต่างๆ ให้ราดิช พอหลังเที่ยงอู๋หมิงก็ออกไปทำธุระ เหลือแต่ราดิชที่อยู่ฝึกวิชากับเจ้าปิกามอน

“เรียกอาธูเรียมาช่วยฝึกดีกว่า” ราดิชว่าและเริ่มร่ายบทอัญเชิญ ปรากฏวงแหวนเวทขนาดใหญ่ขึ้นมา และปรากฏร่างของอาธูเรียในชุดเต็มเกราะยศตัวเดิมขึ้นมา

“นายท่านลืมข้าไปแล้วใช่มั้ย ป่านนี้ถึงเพิ่งจะอัญเชิญข้าออกมาเนี่ย” เธอว่าอย่างงอนๆ

ราดิชรีบแก้ตัว “ไม่ใช่นะ พอดีผมจะต้องฝึกวิชากับอาจารย์น่ะ เลยไม่ได้เรียกเธอออกมา”

“ว่าแต่นายท่านจะให้ข้าช่วยฝึกวิชาเหรอ ได้เลย ข้าจะช่วยท่านเอง” เธอบอกพร้อมไปหยิบดาบไม้มาเล่มหนึ่ง

“นี่กะจะเชือดกันเลยใช่ไหมเนี่ย” ราดิชกระชับดาบไม้ในมือ และตั้งท่าพร้อมผนึกพลังไปด้วย

“ช้าจริง มันต้องแบบนี้” อาธูเรียทำให้ดู มันเร็วพอๆ กับที่อาจารย์เขาทำเลยทีเดียว

“ใช้เป็นด้วย?” ราดิชสงสัย

“ของพื้นฐานแบบนี้ใครๆ ก็ใช้เป็นทั้งนั้นแหละ มีแต่นายท่านแหละที่ไม่เป็น” อาธูเรียบอก พร้อมทำหน้าดูถูกราดิชอย่างแรง

“ตกลงใครเป็นเจ้านายใครกันแน่เนี่ย” ราดิชแอบบ่นนิดหน่อย

“ว่าอะไรนะนายท่าน ข้าได้ยินนะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ข้ามาช่วยท่านฝึกแล้ว ข้าขอชุดน้ำชาชุดหนึ่งนะ แล้วก็หาใบชาอย่างดี มีขนมคุกกี้ด้วยจะดีมากมาให้ข้าด้วยล่ะ ตอบแทนที่ข้ามาช่วยท่านฝึกไง” อาธูเรียบอกข้อต่อรอง

“หา...เอาแบบนั้นก็ได้ เหอะๆ” ราดิชคิดว่าตอนนี้อะไรๆ ก็ต้องยอมไปก่อน

“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” อาธูเรียบอกพร้อมกับพุ่งเข้าโจมตีราดิชทันที ซึ่งเขาก็เอาดาบกันไว้ได้และออกแรงดันกลับไป พร้อมทั้งเหวี่ยงดาบฟันใส่เพื่อตอบโต้

อาธูเรียกันไว้ได้และตวัดดาบฟันใส่ราดิชที่ช่องท้อง ราดิชกระโดดถอยหลังหลบรอดไปได้หวุดหวิด แต่อาธูเรียพลิกใบดาบตวัดตามเข้าไปอีกที ราดิชต้องตวัดดาบไม้ขึ้นมากันไว้อย่างทุลักทุเล เขากันการฟันนี้ไว้ได้ แต่ก็สงสัยว่าทำไมเวลาที่ดาบไม้ปะทะดัน มันถึงฟังดูเหมือนเสียงเหล็กปะทะกันยังไงยังงั้น แต่ก็คิดได้ว่ามันผนึกพลังอยู่ก็เลยไม่สนใจต่อ เขาเปลี่ยนทางดาบและตวัดฟันใส่ช่วงบนอาธูเรียหลายทีติด

อาธูเรียรับไว้ได้อย่างสบาย เธอก้าวถอยหลังไปและเหวี่ยงดาบสวนกลับมา ราดิชที่หลบไม่พ้นถึงกับตัวงอเพราะดาบปะทะเข้าเต็มตัว เขาพุ่งถอยหลังเพื่อสลายพลัง แต่อาธูเรียกไม่รอช้าพุ่งตามไปและตวัดดาบฟันใส่ราดิชอีกหลายที

“อ๊อก!! แอ๊ก!! แอ๊ก!!! แอ๊ฟ!!!”

ราดิชที่กันได้บ้างไม่ได้บ้างโดนดาบไม้ระดมฟันใส่หลายจุดทั่วร่าง ถึงจะไม่เสียพลังชีวิตแต่ก็เจ็บเหมือนกัน ตอนนี้เขาปลิวลงไปกับตามแรงฟัน แต่พลิกตัวขึ้นมาตั้งหลักได้อีกครั้งในสภาพที่ดูไม่ได้เลย

“นายท่านนี่อ่อนจริงๆ เลย ตอนที่สู้กับท่านทีแรกข้าไม่ต้องใช้รังสีดาบเลยด้วยซ้ำ ไม่ไหวๆ ต้องเคี่ยวให้หนักเลย อ่อนแบบนี้จะไปสู้ใครเขาได้” อาธูเรียส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้ และเริ่มเดินเข้าหาราดิชอย่างช้าๆ ราวกับมัจจุราชก็ไม่ปาน

“อ๊าก!!”

และแล้วในมิตินั้นก็มีเสียงโหยหวนของชายคนหนึ่งดังกึกก้องอยู่เป็นเวลานานแสนนาน ส่วนเจ้าปิกามอนน่ะเหรอ มันไปแอบดูอยู่ในบ้านตั้งนานแล้ว ไม่โผล่ออกมาหรอก กลัวจะโดนไปด้วยอีกตัว

ราดิชที่วันนี้ต้องฝึกหนักทั้งวันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ก็ต้องพบเจอประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้ง เพราะอาธูเรียนอกจากใช้ดาบแล้ว ยังใช้เวทมนตร์เล่นงานเขาอีกอย่างหนักหลายที ทำให้สภาพรอบข้างเสียหายอย่างหนักเลยทีเดียว เมื่อสิ้นสุดวันเขาก็ต้องพาร่างกายอันบอบช้ำเข้านอนและหลับไปในทันที ไม่สนเรื่องกินข้าวหรืออาบน้ำแล้ว ส่วนอาธูเรียนั้นหลังจากได้ระบายอารมณ์ก็กลับไปเช่นเดียวกัน

เช้าวันใหม่มาถึงอย่างสดใส ราดิชตื่นขึ้นมาในสภาพสะบักสะบอมไปอาบน้ำแต่งตัวและทำอาหารกินเองเพราะอาจารย์ของเขายังไม่กลับมา หลังจากที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลองผนึกพลังดูและพบว่ามันเร็วขึ้นกว่าเมื่อวานมาก

ราดิชดีใจ พลางคิดว่า ‘ถึงแม้ต้องแลกกับเลือดทุกหยดในร่างกายของเราเมื่อวานนี้ แต่มันก็ให้ผลคุ้มค่าจริงๆ สงสัยคงต้องกลับไปเมืองเริ่มต้น และเตรียมตัวไปทวีปอเมเนียนสักที’ เขาจึงเอาปากกากระดาษเขียนข้อความบอกอาจารย์ไว้ และเอาปิกามอนมากอดไว้ จากนั้นก็กลับไปยังเมืองเริ่มต้น

ราดิชมาโผล่ที่ตรอกข้างอาคารภารกิจอีกครั้ง เขารีบหันซ้ายหันขวาและพบว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น เขาจึงออกจากตรอก และมุ่งหน้าไปร้านขายยาที่เป็นเป้าหมายแรกอย่างรวดเร็ว หลังจากได้ยาฟื้นพลังตามจำนวนที่ต้องการแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปร้านขายอุปกรณ์ต่อ เมื่อไปถึงก็พบเถ้าแก่อ้วนกำลังขายของอยู่ จึงเข้าไปทักทาย

“สวัสดีเถ้าแก่ ขายดีหรือเปล่าช่วงนี้น่ะ” ราดิชถาม

“ก็เรื่อยๆ แหละ ว่าแต่ลื้อจะเอาอะไรหรือเปล่า” เถ้าแก่หันมาถามราดิช

“ผมอยากได้ชุดน้ำชาแล้วก็ใบชาน่ะ มีหรือเปล่าครับ” ราดิชถาม

“ร้านเถ้าแก่อ้วนอยู่แล้วมีทุกสิ่งให้เลือกสรร ว่าแต่เอาลายไหนล่ะ” เถ้าแก่อ้วนถาม และหันหลังไปหยิบแคตตาล็อคที่ด้านหลังออกมาให้ราดิชดู เขาได้ยินเสียงอาธูเรียบอกให้เลือกอันไหน ในที่สุดก็ได้ลายที่ต้องการ พอดีกับที่เถ้าแก่ขายของให้คนอื่นเสร็จแล้ว

“เถ้าแก่เอาลายนี้แหละ รูปกุหลาบสีแดงเนี่ยแหละ” ราดิชบอกเถ้าแก่อ้วน

“แล้วใบชาล่ะเอาใบชาแบบไหน” เถ้าแก่อ้วนถามต่อ แน่นอนว่าอาธูเรียก็บอกเขาในหัวอีก

“เอาเอิร์ลเกรย์น่ะเถ้าแก่” ราดิชว่า

“รอสักครู่ เดี๋ยวอั๊วะไปหยิบมาให้” เถ้าแก่อ้วนว่า จากนั้นเดินเข้าไปหลังร้านพักหนึ่งก็ออกมาพร้อมชุดน้ำชาที่ราดิชต้องการ และได้ถุงกระดาษใส่ใบชามาด้วย

“ทั้งหมดก็ 150,000 G ข้าลดให้แล้ว” เถ้าแก่อ้วนบอกพลางถูมือไปมา

“ครับ แสนห้า...หา!! แสนห้าเลยเหรอ” ราดิชตกใจมาก

“ก็ลายนี้ได้รับความนิยม แถมใบชานี่ของแท้เชียวนะ” เถ้าแก่อ้วนบอก ราดิชได้แต่จำใจโอนเงินให้ และรับของมาเก็บเข้าหน้าต่างไอเทมด้วยสีหน้าเซ็งๆ

เขาลาเถ้าแก่อ้วนและออกจากร้านไป ราดิชที่ออกจากร้านมาก็เหมือนคนไร้วิญญาณ เพราะแค่เช้านี้เขาเสียเงินไปหลายจีแล้ว ราดิชเดินไปเรื่อยๆ จนถึงลานกลางเมือง ตอนนี้เขาคิดว่าน่าจะลองเดินทางไปที่ท่าเรือดูดีกว่า ส่วนท่าเรือนั้นอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ ถ้าเดินผ่านป่าก๊อบลินและตรงไปก็จะถึง เขาจึงเร่งเดินทางออกจากเมืองไปที่ป่าก๊อบลิน พร้อมกับเจ้าปิกามอนที่ขอเดินตามไปด้วย

หลังออกประตูเมืองมาได้ราดิชก็เจอทุ่งหญ้าอันแสนคุ้นเคย เขาคิดว่าตัวเองจะเก็บทักษะผนึกพลังให้เชี่ยวชาญไปด้วย เขาจึงเริ่มฆ่าพวกสไลม์เพื่อเก็บทักษะไปตลอดทาง จนกระทั่งเริ่มเข้าเขตป่าก๊อบลินก็มีเสียงของอาธูเรียดังขึ้นมา

“นี่ๆ นายท่านจะนั่งเรือเหรอ เรียกข้าออกไปหน่อยสิ” อาธูเรียส่งเสียงเรียกราดิช เขาจึงจำใจต้องอัญเชิญเธอออกมา และเอาชุดน้ำชาให้ไปด้วยซะเลย

“ขอบพระคุณนายท่านมากๆ เลยนะเนี่ย” เธอรับชุดน้ำชาไปชื่นชมอย่างยินดี และเก็บมันไป

เมื่อเข้าเขตป่าก๊อบลิน ราดิชก็ได้ใช้วิชาผนึกพลังที่เรียนมาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะเขาต้องการที่จะชินกับมันให้เร็วที่สุด อาจารย์เขาบอกว่าถ้าจับอาวุธเมื่อไหร่ให้ผนึกพลังใส่เลยจะทำให้ไม่ลืม เขาจัดการพวกก๊อบลินไปเรื่อยๆ จนพ้นแนวป่า

สิ่งราดิชเห็นคือท่าเรือที่มีลานกว้างอยู่และมีอาคารอยู่หลังหนึ่ง จากนั้นก็เป็นท่าเทียบเรือที่ยาวออกไปในทะเล ที่ตอนนี้มีเรือโดยสารขนาดใหญ่จอดอยู่ลำหนึ่ง ราดิชไม่รอช้าเข้าไปสอบถามทันที

“สวัสดีครับ มาติดต่อเรื่องขึ้นเรือไปทวีปใหญ่ครับผม” ราดิชเอ่ยปากถามเจ้าหน้าที่

“ค่าตั๋ว 50,000 G รวมค่าห้องพักเรียบร้อยนะครับ เรือออกเวลาเที่ยงตรง ไม่ทราบเอากี่ใบครับ” เจ้าหน้าที่ถาม

“ใบเดียวครับ” ราดิชบอก เจ้าหน้าที่ถึงกับงง เพราะเห็นอาธูเรียตามมาด้วย เลยใช้ทักษะตรวจสอบดู พอรู้ว่าเธอเป็นใครถึงกับหน้าซีดทันที

เขารีบละล่ำละลักบอก “บ...ใบเดียวนะครับ น...นี่ครับ ตั๋วนี้รวมค่าที่พักเรียบร้อยแล้วนะครับ ส่วนห้องพักดูได้ที่ตั๋วจะมีหมายเลขห้องบอกครับ” ราดิชรับตั๋วมาและโอนเงินไป จากนั้นก็ออกจากที่นั่นเพื่อเดินไปขึ้นเรือที่จอดอยู่

“ตัวอันตรายแบบนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย” เจ้าหน้าที่ที่ตอนนี้เหงื่อแตกซิกมองตามหลังพวกราดิชไป พร้อมกับบ่นกับตัวเอง

ทางพวกราดิชที่ตอนนี้มาถึงเรือโดยสารก็เห็นว่ามันมีขนาดใหญ่มากพอสมควร คาดว่าคงจุคนได้เป็นพัน แต่จากมุมนี้ราดิชเห็นอะไรได้ไม่มาก เขาจึงเดินขึ้นเรือและส่งตั๋วให้พนักงานปั้มตั๋ว จากนั้นก็ขึ้นไปบนเรือต่อ

ทันที่ที่เข้าสู่ตัวเรือ ราดิชและพวกก็เดินสำรวจเรือกัน เขาพบว่านอกจากส่วนที่เป็นห้องพักผู้โดยสารแล้วเรือลำนี้ยังมีสระว่ายน้ำ จุดชมวิว จุดตกปลา ศูนย์การค้า สถานบันเทิง คาสิโน สนามประลองก็ยังมี และที่สะดุดตาคือศูนย์อาหารที่ใหญ่โต และมีน้ำพุประดับอยู่ตรงกลางนั่นเอง

ราดิชที่เดินเที่ยวชมเรือนั้นก็พบผู้เล่นอื่นที่มาก่อนอยู่บ้างประปราย คาดว่าคงน่าจะเป็นพวกที่เดินทางมาก่อนเขา หลังจากนั้นไม่นานราดิชก็ตามหาห้องของตัวเองจนเจอ จึงเข้าไปเพื่อพักผ่อน เพราะตอนนี้เพิ่งจะ 10 โมงเช้าเท่านั้น อีก 2 ชั่วโมงเรือถึงจะออก

พอเข้าห้องมาราดิชก็พบว่ามันเป็นห้องที่ถือว่าตกแต่งได้ดี มันเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่นัก มีเตียงนอน โซฟา โต๊ะนั่งเล่น ทีวีติดผนังอยู่ด้านหนึ่ง มีห้องน้ำในตัว ราดิชจึงนั่งที่โซฟา ส่วนอาธูเรียและปิกามอนยึดเตียงนอนไปเรียบร้อย ราดิชคิดว่าตอนนี้ว่างๆ เลยเปิดหน้าต่างข้อมูลขึ้นมาดู และตรวจสอบไอเทมที่มี

ในบรรดาไอเทมของเขา มีตำราทักษะเหยียบเวหา กล่องปริศนาสีขาวและสีทองที่ยังไม่ได้เปิดอยู่ด้วย เขาจึงเอาสามสิ่งนี้ขึ้นมาดู แล้วหันไปถามอาธูเรีย “อาธูเรีย รู้จักทักษะเหยียบเวหาไหม”

“แน่นอนอยู่แล้วนายท่าน” เธอตอบและลุกขึ้นมา จากนั้นก็ก้าวขาขึ้นไปยืนกลางอากาศให้ราดิชดู พร้อมกับกระโดดไปมา โดยที่เท้าไม่แตะพื้นเลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่พลังมานาของราดิชค่อยๆ ลดลง

ราดิชที่เห็นแบบนั้นก็ถามต่อ “แล้วมันไปได้สูงแค่ไหนล่ะ” ในตอนนี้ตัวเขาเริ่มกะพริบแสงสีฟ้าของน้ำยาฟื้นพลังมานาแล้ว

“ก็ได้เรื่อยๆ ถ้านายท่านไม่หัวใจวายไปก่อน หรือมานาหมดกะทันหันน่ะนะ” เธอบอกแล้วกลับลงมาอยู่บนพื้นตามปกติ

“อืม น่าจะมีประโยชน์ งั้นเรียนเลยก็แล้วกัน” ราดิชว่า และหยิบตำราขึ้นมาเปิดอ่านทันทีพร้อมมีเสียงระบบแจ้งบอก

-ท่านได้รับทักษะพิเศษ ทักษะเหยียบเวหา

-ทักษะเหยียบเวหา

(ใช้พลังมานาสร้างที่สำหรับหยั่งเท้าขึ้นมา เพื่อเคลื่อนที่ไปบนอากาศได้ โดยสร้างหนึ่งอันใช้พลังมานา 10 จุด เมื่อยกเท้าออกจะหายไปเอง แต่ถ้ายืนอยู่กับที่จะเสียพลังมานาวินาทีละ 15 จุด เพื่อใช้ในการคงสภาพที่หยั่ง)

ทักษะนี้เรียกได้ว่าปิดจุดอ่อนของก้าวพริบตาไปในทันท เพราะเขาใช้ก้าวพริบตาไปบนอากาศได้แล้วทีนี้ ซึ่งเขาก็คิดว่าถ้ามีเวลาคงต้องฝึกซ้อมให้ชำนาญ จากนั้นขณะที่เขากำลังคิดจะเปิดกล่องปริศนาก็มีเสียงขัดขึ้นก่อน

“นี่นายท่าน ข้าว่าท่านควรจะสะสมดาบระดับสูงหรือดาบในตำนานเพิ่มนะ” อาธูเรียที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมากับปิกามอนเอ่ยขึ้น

“ทำไมเหรอ ตอนนี้ชั้นก็มีตั้งสองเล่มแล้วนะ” ราดิชถามอย่างงงๆ พร้อมกับเรียกชักดาบโฟเทียออกมาให้ดู

“ก็จริงที่นายท่านมีโฟเทียกับดาบของข้า แต่ท่านคิดบ้างไหมถ้าเจอพวกใช้เวทน้ำระดับสูง ดาบไฟท่านก็ดับ ดาบของข้าพลังมานาท่านก็ไม่พอใช้อีก เหตุผลแค่นี้คงพอนะ” อาธูเรียว่า แถมยักคิ้วกวนๆ ส่งมาให้ราดิชอีกด้วย

ราดิชได้ยินอาธูเรียบอกก็เริ่มคิดตาม “จะว่าไปฉันยังไม่ได้คิดเรื่องน้ำ แต่เอ๊กซ์คาลิเบอร์นี่กินมานาสุดๆ ไม่เหมาะกับการสู้นานๆ เป็นแน่” แล้วเก็บดาบกลับหน้าต่างไอเทมไป

“ข้าพอจะรู้ว่าดาบพวกนี้อยู่ที่ไหนบ้าง ข้าช่วยได้นะ” อาธูเรียเสนอ

“ที่ไหนเหรอ บอกหน่อยนะ ท่านอาธูเรียผู้งามเลิศในปฐพี” ราดิชรีบยอทันที

“ก็ตามโบราณสถาน พื้นที่ต่างๆ หรือดันเจี้ยนลึกๆ โหดๆ ไง แล้วนายท่านก็อาจจะเจออวาลอนด้วยนะ” อาธูเรียบอก

“ถ้าอย่างนั้น ไปถึงทวีปอเมเนียนคงต้องไปเยือนสถานที่เหล่านี้ซะแล้ว” ราดิชมีเป้าหมายเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างแล้วในการเดินทางครั้งนี้

“ว่าแต่จะเปิดกล่องไหนก่อนดีหว่า ว่าไงอาธูเรียเปิดกล่องไหนดี” ราดิชเอ่ยถามอีกครั้ง

“ให้ข้าเปิดให้ไหมล่ะ” อาธูเรียบอกพร้อมลุกขึ้นมาหาราดิช

“เธอเปิดแทนฉันได้ด้วยเหรอ” ราดิชสงสัย

“ก็ได้สินายท่าน ข้าเปิดให้มันก็เป็นของนายท่านอยู่ดี” เธอตอบอย่างมั่นใจ

“ลองดูก็ได้ เอากล่องสีขาวก่อนละกัน” ราดิชยื่นกล่องสีขาวไปให้อาธูเรีย เธอรับไปและเปิดมันทันที มีควันออกมาตามปกติ พร้อมกับของสิ่งหนึ่งหล่นออกมา พร้อมกับเสียงของระบบที่ดังขึ้น

-ท่านได้รับแว่นกันแดด 1 อัน

ราดิชหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นแว่นกันแดดสีดำสนิท รูปทรงดูทันสมัยเป็นอย่างมาก

-แว่นกันแดด

พลังป้องกัน 0 พลังป้องกันเวทย์ 0

(เมื่อสวมใส่จะทำให้ไม่ได้รับผลจากทักษะตรวจสอบ และป้องกันแสงสว่างจ้าได้)

ราดิชอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ก็ถือว่าใช้ได้ละนะ อย่างน้อยมันก็ดูทันสมัยดี” และจัดการเก็บมันเข้าหน้าต่างไอเทมไป จากนั้นจึงหยิบกล่องสีทองออกมาอธิษฐานในใจ หวังจะได้ของดีๆ ในรอบนี้ให้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel