บทที่ 14 บททดสอบแห่งจิตใจ
หลังจากที่ราดิชเดินเข้ามาในถ้ำก็พบว่ามันมีลักษณะเป็นทางเดินยาวเข้าไป ตลอดทางมีคบไฟอยู่เป็นระยะๆ เขาเดินเข้ามาได้สักระยะก็พบกับโถงถ้ำแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่สัณฐานเป็นวงกลมขนาดกว้างราวๆ 100 เมตรและสูงกว่า 10 เมตรเลยทีเดียว
ราดิชเดินเข้าไปในโถงถ้ำจนพบว่าที่ปลายสุดของโถงมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ดูๆ แล้วน่าจะกว้างราวสองเมตรและลึกประมาณฟุตกว่าๆ อยู่ เขาสังเกตดูรอบๆ อย่างใจเย็นก็ไม่พบอะไรอื่นอีกนอกจากก้อนหิน เขาจึงนั่งลงทำสมาธิก่อนสักพักหนึ่ง พอเตรียมตัวเตรียมใจเรียบร้อยก็ยื่นมือซ้ายที่ไม่ได้ถือดาบจุ่มลงไปในน้ำทันที
ผ่านไปสักพักก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น ราดิชก็เลยยกมือขึ้นจากน้ำ ทันใดนั้นเองน้ำในแอ่งที่นิ่งอยู่ก็เริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นมันก็ลอยขึ้นมา กลายเป็นก้อนน้ำก้อนหนึ่ง และเริ่มม้วนตัวหมุนวนจากช้าๆ จนเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเขามองการหมุนแทบไม่ทัน เขารีบถอยห่างออกจากมันให้มากที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ มันก็หยุดหมุนเอาดื้อๆ
ก้อนน้ำที่หยุดนิ่งนั้นเริ่มบิดไปมาแล้วเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างทีละน้อย ตอนนี้มันกลายเป็นรูปร่างที่มีสัณฐานเหมือนคน ราดิชเข้าใจว่ามันกำลังจะเปลี่ยนร่างเป็นผู้ทดสอบ
ผ่านไปสักพักก็มีไอน้ำแผ่ออกมาจากก้อนน้ำนั้นอย่างมากมายมหาศาล จนกระทั่งมันหยุดแผ่ไอน้ำออกมา ราดิชกระชับดาบในมือเตรียมพร้อม พอดีกับมีเสียงจากระบบดังขึ้น
-ท่านพบสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ จักรพรรดินีอาธูเรีย ระดับ 95 ผู้ที่ถูกสังหารระดับลดลง 5 ระยะเวลารอเกิดใหม่เพิ่มเป็น 10 ชั่วโมง
เมื่อไอน้ำเริ่มจางลง ราดิชเพ่งตามองไปยังจุดที่เคยมีก้อนน้ำอยู่ ก็มีร่างร่างหนึ่งก้าวเดินออกมาจากไอน้ำ เขาคิดว่าผู้ทดสอบจะเป็นผู้ชาย
แต่สิ่งที่ราดิชเห็นคือ หญิงสาวคนหนึ่ง รูปร่างแบบบาง ผมสีทองที่ถูกมัดไว้เป็นเกล้ามีริบบิ้นสีน้ำเงินมัดไว้ ดวงตาสีเขียวมรกต ใบหน้างดงามแต่แฝงแววดุ ส่วนสูงน่าจะไม่เกินอกของราดิช อยู่ในชุดสีน้ำเงินใส่ชุดเกราะอัศวินยุโรปแบบเต็มยศสีเงินสวยงาม
ราดิชอึ้งกับภาพตรงหน้าพลางคิดว่านี่ผู้ทดสอบเขาเป็นผู้หญิงเหรอเนี่ย ทว่าจิตสังหารที่แผ่ออกมากดดันจนทำให้ราดิชแทบหายใจไม่ออก ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคือสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ เขาเลยต้องแผ่จิตสังหารเพื่อลดการกดดันลง เขาลดแรงกดดันไปได้บ้าง ราดิชเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยหัวใจอันสงบ
ที่นอกถ้ำ อู๋หมิงที่กำลังนอนเล่นกับปิกามอนอยู่ที่โซฟาในบ้าน กำลังจินตนาการเหตุการณ์ในถ้ำไปต่างๆ นานา ว่าราดิชจะเป็นอย่างไร
“ด้วยฝีมือของลูกศิษย์เราในตอนนี้ คงพอสู้กับผู้ทดสอบไหว น่าจะใช้เวลาไม่เกินเย็นนี้คงจะจบแล้วล่ะ” อู๋หมิงบอกกับตัวเองถึงความสามารถของลูกศิษย์ที่เขาปั้นมากับมือ เป็นเวลาเดียวกับที่ในถ้ำ ร่างของสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิได้ปรากฏกายออกมา
อู๋หมิงดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “เฮ้ย พลังกดดันอะไรเนี่ย มหาศาลเกินไปแล้ว แถมมาจากในถ้ำซะด้วย” อู๋หมิงพุ่งปราดออกจากบ้าน ขัดกับภาพลักษณ์ที่ดูชราภายนอก พร้อมกับเจ้าปิกามอนที่ถูกอุ้มไปด้วย ทั้งคู่ไปหยุดอยู่ที่หน้าถ้ำด้วยความรวดเร็ว
“ปกติผู้ทดสอบจะมีระดับไม่เกินสองเท่าของผู้เข้ารับการทดสอบนี่นา แต่ทำไมพลังที่แผ่ออกมาถึงได้มากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ นี่มันมากกว่ากันหลายเท่าเลยทีเดียว มันยังไงกันแน่เนี่ย ตอนทดสอบเราก็ไม่สามารถเข้าไปได้ซะด้วย คงได้แต่รออย่างเดียว” อู๋หมิงที่กระวนกระวายใจวางเจ้าปิกามอนลง และเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่หน้าถ้ำไปมา โดยมีเจ้าปิกามอนนั่งจุมปุ๊กมองอย่างงงๆ มันเองก็พอจะรู้ว่าเจ้านายของมันเข้าไปทดสอบอยู่ จึงไม่รบกวนแต่อย่างใด
ในถ้ำ ร่างร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้ราดิชที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ และหยุดอยู่ห่างจากเขาไม่กี่เมตร
“ท่านเป็นใคร และที่นี่คือที่ไหน” อัศวินสาวถามขึ้น
“ค..คือว่า ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงการทดสอบครับ” ราดิชตอบคำถามด้วยความกลัว
“ท่านต้องสู้กับเราสินะ เราจะใช้พลังแค่ 1 % ก็แล้วกัน ส่วนท่านมีอะไรก็ใช้มาได้เลย” หญิงสาวเรียกอาวุธออกมาแทนคำตอบ ราดิชสนใจอาวุธชิ้นนั้นมาก ทันทีที่เรียกออกมาเขามองไม่เห็นตัวอาวุธนั้นเลย ราวกับมันล่องหนอยู่ก็มิปาน แถมยังรู้สึกได้ถึงสายลมรุนแรงที่กำลังหมุนอยู่รอบๆ ทำให้ราดิชระวังตัวมากขึ้นไปอีก
‘ดาบไม้จะไหวไหมเนี่ย และที่สำคัญสัตว์อสูรพูดได้นี่สิน่าสนใจไม่เบา’ ราดิชคิดในใจ แต่ก็นึกได้ว่ามันจำลองมาจากมนุษย์ก็น่าจะพูดได้อยู่หรอก
อัศวินสาวไม่รอให้ราดิชคิดมาก เธอพุ่งทะยานเข้าหาราดิชด้วยด้วยความเร็วสูงและเหวี่ยงอาวุธนั้นใส่เขา ราดิชมองไม่เห็นตัวอาวุธนั้น แต่เขาก็ตวัดดาบไม้เข้าปะทะทันที ราดิชป้องกันการฟันนี้ไว้ได้ เขาพลิกดาบและฟันใส่ซอกคออีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายพลิกตัวเล็กน้อยหลบไปได้พร้อมทั้งฟันสวนกลับมา ทำให้ราดิชต้องก้าวถอยหลังเพื่อหลบวิถีของอาวุธนั้น เขาฟาดดาบไม้กลับไปอย่างรวดเร็วทันทีที่เห็นอีกฝ่ายพุ่งเข้ามา
แต่อีกฝ่ายก็รับดาบนั้นไว้ แล้วโถมเข้าหาราดิชและฟันลงมาด้วยความรวดเร็ว ดาบนั้นเฉี่ยวเข้าที่หัวไหล่ราดิช ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าหลบได้พ้นแน่ๆ แต่กลับได้แผลมาได้ ราดิชยังคิดไม่ออกว่าจะสู้ยังไง แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดมาก เขารีบแทงดาบออกพร้อมพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว หญิงสาวปัดดาบของราดิชไว้ได้ เขาจึงอาศัยแรงปะทะหมุนตัวออกจากวงมา เมื่อเท้าถึงพื้นเขาก็ดีดตัวกลับเข้าไปพร้อมทั้งตวัดดาบฟันใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงด้วยทักษะซอร์ดสไตร์ค
แต่ก็เกิดสิ่งที่น่าเหลือเชื่อขึ้น เมื่อร่างบางนั้นรับดาบของราดิชไว้ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวจะรับดาบของราดิชที่ฟันออกสุดแรงได้ แต่เขาก็ไม่คิดให้มากความ รีบพลิกดาบออกและตวัดฟันหมายปาดเข้าที่ข้อมืออีกฝ่าย แต่ว่าเขาก็ฟันพลาดเป้าหมาย อีกฝ่ายอาศัยช่วงเวลาที่ดาบราดิชเลยผ่านไป ตวัดดาบฟันเขาอย่างรวดเร็วสามดาบติดๆ กัน จนราดิชกลายเป็นแสงหายไปทันที
หลังจากที่ราดิชเกิดใหม่ เขาก็ไม่ผลีผลามเข้าไปทันที อัศวินสาวยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่บุกเข้ามา แต่จะรอให้ราดิชเข้าไปก่อนอย่างนั้นแหละ
‘ร้ายกาจมาก ทั้งความเร็ว พลัง ทั้งที่เป็นผู้หญิงแต่กลับฆ่าเราได้ง่ายๆ สมแล้วที่เป็นระดับจักรพรรดิ ดูเหมือนอาวุธนั้นน่าจะเป็นดาบ แต่เราก็ยังกะระยะของดาบไม่ออกเลย ที่เราหลบหรือกันได้นี่อาศัยความรู้สึกทั้งนั้น นี่ขนาดใช้พลังแค่ 1 % ยังโหดขนาดนี้ สงสัยเราคงต้องพยายามมากกว่านี้ซะแล้วถ้าอยากผ่านการทดสอบนี้’ ราดิชคิดพร้อมกระชับดาบในมือเตรียมสู้ต่อ
ราดิชเรียกใช้ทักษะมาเจสตีเพื่อเพิ่มความเร็ว และใช้ก้าวพริบตาไปโผล่ที่ด้านหลังของอาธูเรียทันที เขาตวัดดาบฟันไปที่ซอกคอพร้อมใช้ทักษะซอร์ดสไตร์คด้วย แต่อัศวินสาวก็ยอดเยี่ยมกว่า เธอพลิกดาบขึ้นมารับท่าของราดิช พร้อมทั้งออกแรงดันกลับจนเขาต้องถอยออกมา แล้วพุ่งตามพร้อมเหวี่ยงดาบจากล่างขึ้นบนเข้าใส่ราดิช
ราดิชถ้าวถอยหลังและรับดาบนั้นไว้เพื่อผ่อนแรง จากนั้นเขาก็ตวัดดาบฟันใส่ทันที อาธูเรียรับดาบนั้นไว้ได้และพลิกดาบฟันใส่ราดิชเหมือนกัน ราดิชสกัดไว้ได้ เขาดีดตัวออกมาก่อนแล้วพุ่งเข้าไปใหม่ เขาตวัดดาบฟันออกไปช่วงสั้นๆด้วยความรวดเร็ว ดาบต่อดาบปะทะกันถี่รัว แต่เป็นอาธูเรียที่ได้โอกาสฟันใส่ราดิชที่เปิดช่องว่างเพียงเล็กน้อย
ราดิชพยายามเอี้ยวตัวหลบแต่หลบไม่พ้น โดนฟันเข้าที่แขนข้างซ้ายเป็นแผลยาว เขาถอยมาตั้งหลักอีกครั้ง อัศวินสาวพุ่งติดตามราดิชไป ราดิชจึงตัดสินฟาดดาบลงกับพื้นในทิศทางที่อีกฝ่ายตามมา พร้อมระเบิดพลังออกไปด้วยทักษะเอ็กซ์โพลชั่นเบรก พลังมานาที่ระเบิดออกเป็นเปลวเพลิงแผ่ออกไปเป็นวงกว้างปะทะกับอาธูเรียจนกระเด็นกลับไปทางเก่า
ราดิชเห็นว่าได้ผล จึงพุ่งติดตามเข้าหาอาธูเรียและแทงดาบออกหมายแทงใส่คอหอย แต่เธอนั้นก็วกดาบป้องกันไว้ได้และพลิกดาบฟันสวนใส่เขาอีก ราดิชต้องตวัดดาบมากัน และตวัดฟันสั้นๆเข้าใส่อาธูเรียอย่างรวดเร็ว เสียงดาบปะทะกันถี่รัวอีกครั้ง อีกฝ่ายรับการโจมตีของราดิชได้หมด แต่ราดิชก็ไม่ตัดใจ เขาพลิกดาบและฟาดออกไปในแนวนอน หวังบีบให้อีกฝ่ายถอยหลัง อาธูเรียดีดตัวถอยหลังไป ราดิชรีบปักดาบกับพื้นเพื่อใช้ทักษะเอ็กซ์โพลชั่นเบรกอย่างรวดเร็ว
พลังมานาที่ระเบิดออกเป็นเปลวเพลิงพุ่งออกมาอีกครั้ง ส่งผลให้อาธูเรียที่กำลังกระโดดถอยออกไปกระเด็นไปตามแรงระเบิดไกลกว่าเดิม ทางราดิชไม่รอช้ารีบใช้ก้าวพริบตาตามไปที่ด้านหลังพร้อมฟันใส่ทันทีอย่างสุดแรง
แต่อีกฝ่ายก็พลิกตัวลงกับพื้นแล้วรับดาบนั้นไว้ได้ พร้อมเงื้อดาบฟันใส่ราดิชอย่างรวดเร็ว ราดิชที่อยู่ในสภาพโถมไปสุดตัวจนเสียหลักไม่สามารถวกดาบกลับมารับได้ทัน จึงได้แต่เอนตัวหลบตามสัญชาตญาณ ดาบนั้นฟันเข้าที่ท้องราดิชจนเลือดสาดกระจาย ตัวราดิชเองอาศัยแรงปะทะจากการฟันหมุนไปตามแรง เพื่อลดความรุนแรงลง พอตั้งหลักได้ราดิชก็พุ่งเข้าหาหญิงสาวทันทีพร้อมกับเหวี่ยงดาบฟันใส่อีกครั้งหนึ่ง
อัศวินสาวรับดาบไว้ได้และฟันสวนใส่ราดิชอีกหนึ่งดาบ ราดิชที่ป้องกันการโจมตีนี้ได้ก็ถอยมาตั้งหลัก แล้วโน้มตัวพุ่งเข้าไปพร้อมแทงดาบออกรัวๆ อีกหลายที แต่เธอก็หลบและกันไว้ได้จนหมด ราดิชฉวยโอกาสโถมไปจนสุดตัวแทงดาบออกหวังเผด็จศึก ทว่าอาธูเรียนั้นกลับโยกหลบและฟันใส่ราดิชจนหัวหลุดกระเด็นกลายเป็นแสงไปอีกครั้งหนึ่ง
ราดิชที่เกิดใหม่อีกครั้งไม่ขยับตัว อีกฝ่ายก็ไม่ขยับเช่นกัน ราดิชหลับตาและเริ่มทำใจให้สงบเพื่อหาวิธีต่อสู้กับผู้ทดสอบตรงหน้า ดูเหมือนว่าแค่ใช้ทักษะดาบอย่างเดียวเขาคงไม่อาจเอาชนะได้ นี่ขนาดอัดทักษะใส่ไปหลายทักษะ ฝ่ายตรงข้ามยังรับมือไว้ได้ ราดิชเลยต้องหาวิธีการใหม่เพื่อต่อกรกับอีกฝ่าย
ราดิชทำใจให้ว่างเปล่าแล้วเริ่มสัมผัสถึงธรรมชาติที่อยู่รอบตัว เขาสัมผัสได้ถึงผืนดิน ก้อนหิน อากาศที่อยู่ในถ้ำ สัมผัสถึงอาธูเรียที่ยืนสงบนิ่ง และเขายังสัมผัสได้ถึงสายลมที่หมุนวนรอบดาบเล่มนั้นได้ ตอนนี้ราดิชรู้สึกถึงรูปร่างของดาบเล่มนั้นได้แล้ว ดาบนั้นมีลมหมุนอยู่รอบๆ ตลอดเวลา เลยทำให้ตอนที่ปะทะกัน สิ่งที่ฟันใส่จะแฉลบไปข้างๆ เล็กน้อยเพราะแรงลมนั่นเอง
ราดิชคิดหัวแทบแตกก็ยังหาวิธีจัดการไม่ได้ ‘ขนาดพลัง 1 % ยังเก่งขนาดนี้ ถ้าใช้พลังมากกว่านี้ สงสัยเขาคงยังไม่ทันขยับตัวก็กลายเป็นแสงแน่ๆ’ พลางคิดว่าถ้าสู้ไปพร้อมกับพูดจารบกวนสมาธิกับอีกฝ่ายไปด้วยน่าจะได้ผล เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ลงมือทันที
ราดิชลืมตาขึ้นพลันกระชับดาบเตรียมพร้อมทันที อาธูเรียก็ยกดาบขึ้นตั้งท่าเช่นกัน ราดิชเรียกใช้ทักษะมาเจสตีอีกครั้ง ร่างของเขาเปล่งแสงสีทองออกมา เขาพุ่งทะยานเข้าหาร่างนั้นด้วยความเร็วสูง ทว่าเขากลับหยุดห่างจากร่างนั้นก่อนที่จะไปถึง สร้างความงุนงงให้แก่อีกฝ่ายที่ตั้งท่าเตรียมรับอยู่
ราดิชถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ต๊ะเอ๋!! ตัวเองเป็นใครเหรอ” อัศวินสาวขมวดคิ้วขึ้นอย่างฉงน ราดิชไม่ปล่อยให้เสียจังหวะพุ่งตัวออกไปพร้อมแทงดาบออกด้วยความเร็วสูงสุด เสียงดาบไม้เสียดสีกับดาบของอีกฝ่าย ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะกันไม่ทันจึงได้แต่ทำให้ดาบแฉลบไปเท่านั้น ราดิชพลิกดาบหมายฟันใส่ข้อมืออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
แต่หญิงสาวก็ยังวกดาบกลับมากันไว้ได้พร้อมกับก้าวถอยหลังไป จากนั้นเจ้าหล่อนก็พุ่งตัวเข้ามาเหวี่ยงดาบใส่ราดิชด้วยสีหน้าบึ้งตึงหลายทีซ้อน ราดิชที่ป้องกันการโจมตีนั้นได้หมด
‘ยั่วนิดเดียวถึงกับโมโหเลยหรือนี่’ ราดิชคิดในขณะที่ถอยออกมา พอราดิชถอยออกมาได้ก็ฟาดดาบลงเพื่อใช้ทักษะเอ็กซ์โพลชั่นเบรกทันที
แต่คราวนี้อาธูเรียเริ่มรู้แผนของราดิชแล้ว เธอจึงฟาดดาบลงมาข้างหน้า ทันใดนั้นเปลวเพลิงของราดิชก็ถูกแหวกออกพร้อมมีพลังงานลมพุ่งเข้าปะทะราดิช ราดิชยกดาบขึ้นมาขวางตามสัญชาติญาณจนกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว
‘ใช้คลื่นดาบได้ด้วยเหรอ เออ เราลืมทักษะนี้ไปได้ยังไงเนี่ย’ ราดิชดีใจคิดได้ว่ามีทักษะที่ใช้ได้อยู่ เขาตะโกนถามอัศวินสาวเสียงดัง “ตัวเองมีแฟนหรือยังจ๊ะ” ส่งผลให้อีกฝ่ายที่กำลังพุ่งเข้ามาชะงักเล็กน้อย นั่นเป็นช่องว่างที่ราดิชต้องการ
เขารีบปล่อยคลื่นดาบติดๆ กัน พร้อมกับพุ่งตามไปด้วย แต่ว่าอาธูเรียนั้นก็ปล่อยพลังคลื่นดาบเข้าปะทะ พร้อมทั้งพุ่งเข้าหาราดิชเช่นกัน ทั้งสองประดาบกันโดยที่ไม่มีใครยอมใคร
“ท่านมีฝีมือใช้ได้นี่ แต่แค่นี้ล้มเราไม่ได้หรอก” อาธูเรียที่นิ่งเงียบมานานพูดขึ้นพร้อมดีดตัวถอยออกมา ทำให้ราดิชเซไปด้านหน้าตามแรงของตัวเอง ซึ่งร่างบางที่คอยท่าอยู่ก็เหวี่ยงดาบใส่ราดิชที่เสียหลักทันที ราดิชรีบกันดาบที่พุ่งเข้ามา พลางก้าวถอยหลังและแทงดาบออกไปอย่างรวดเร็วอีกหลายดาบ คราวนี้การแทงของเขาแม่นยำมากขึ้นจนทำให้อีกฝ่ายต้องใช้ดาบกัน พอหมดชุดราดิชก็พลิกดาบตวัดฟันสั้นๆ ใส่อีกที
อาธูเรียกันไว้ได้และออกแรงดันราดิชกลับไปพร้อมกระโจนเข้าไปฟันราดิชต่อ เขาเบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด อาจเป็นเพราะว่าจิตใจที่สงบทำให้เขามีประสาทสัมผัสที่ดีขึ้น ราดิชตวัดดาบฟันใส่อีกฝ่ายที่ถลาเข้ามา คราวนี้ดาบของราดิชฟันถูกเป้าหมายเป็นครั้งแรก ดาบของเขาฟันเข้าที่ต้นแขนของอัศวินสาวนั้นจนเสื้อขาดกระจุยและมีเลือดไหลซิบๆ ออกมา
“ฟันโดนด้วย” ราดิชอุทานด้วยความงุนงง
“นี่เจ้า สงสัยอยากตายอีกหลายรอบใช่ไหม” อาธูเรียโกรธจนหน้าแดง
“อย่าโกรธสิสาวน้อย โกรธแล้วไม่น่ารักนะ” ราดิชเริ่มใช้สงครามจิตวิทยาตามที่อู๋หมิงสอนเอาไว้ว่า การโยกคลอนจิตใจอีกฝ่ายให้ยอมแพ้โดยไม่ต้องสู้นั่นแหละ คือการเอาชนะโดยใช้กำลังน้อยที่สุด
อาธูเรียกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห “สงสัยเราต้องออกแรงมากกว่านี้ซะแล้ว เจ้าคนปากเสีย” พร้อมกับปล่อยจิตสังหารเข้มข้นออกมา จนราดิชทนไม่ไหวต้องปล่อยจิตสังหารของตัวเองออกไปต้าน ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะระดับต่างกันเกินไป
อัศวินสาวเหวี่ยงดาบปล่อยคลื่นพลังลมใส่ราดิชหลายลูกทันที เขาก็พยายามปล่อยคลื่นดาบของตัวเองเข้าปะทะ แต่ก็ปะทะได้ไม่หมด บางลูกพุ่งเข้าใส่เขาเต็มอกจนกระเด็นถอยหลังไป อีกฝ่ายก็ไม่รอช้าพุ่งประชิดตัวราดิช แล้วตวัดดาบฟันใส่เขาอย่างรวดเร็ว
ราดิชพลิกตัวใช้ดาบกันไว้ได้ แต่ก็ต้องเสียหลักเพราะตัวเขาเองเท้าไม่ติดพื้นอยู่แล้ว อาธูเรียไม่รอช้าจ้วงดาบแทงใส่ท้องของราดิชที่ลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง
อ๊าก!!!
ราดิชร้องลั่นออกมา แต่อาธูเรียก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกของเขาไว้ แล้วเริ่มหมุนดาบคว้านไปมา พลังลมที่อยู่รอบตัวดาบเริ่มฉีกเนื้อของราดิชจนขาดออก
“โอ๊ย!! ยอมแพ้แล้วจ้า พอทีเถอะ” ราดิชส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนก่อนจะกลายเป็นแสงหายไป
“ชิ บังอาจมาล้อเรียนเรา ต้องโดนแบบนี้” อาธูเรียบ่น พร้อมตั้งท่ารอราดิชเกิด
ขณะเดียวกันที่นอกถ้ำ อู๋หมิงกับปิกามอนที่คอยอยู่ได้ยินเสียงของราดิชร้องโหยหวนออกมาจากในถ้ำถึงกับสะดุ้งโหยง อู๋หมิงคิดในใจอย่างหวาดหวั่นว่า ‘อะไรจะร้องได้ขนาดนั้น สงสัยผู้ทดสอบมันต้องเป็นคนที่ซาดิสต์มากแน่ๆ’ พร้อมทำหน้าสยดสยอง
“น่าสงสารเจ้านายจังเลย” ปิกามอนพูดกับตัวเอง
ราดิชกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง พร้อมกับรู้สึกว่าอาธูเรียพุ่งจู่โจมเข้ามา เขายกดาบมากันได้อย่างหวุดหวิด ราดิชรีบพูด “ใจเย็นๆ สิสาวน้อย จะรีบร้อนไปไหน พี่ชายคนนี้ไม่หนีไปไหนหรอก” พร้อมออกแรงดันกลับไป
“ไม่ต้องพูดมาก ตายซะเถอะ” อาธูเรียที่เริ่มมีน้ำโหดีดตัวพุ่งเข้าฟันใส่ราดิช โดยที่ราดิชยังไม่ทันยกดาบขึ้นเลย เขาโดนฟันจนกลายเป็นแสงหายไปโดยที่ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ พอมาเกิดใหม่อีกครั้ง เขาก็รีบใช้ก้าวพริบตาทิ้งระยะหนีออกมาทันที ขืนชักช้าเขาคงได้กลายเป็นแสงอีกรอบแน่
ราดิชพูดกับตัวเอง “แม่เจ้า โหดมาก เราโดนฟันตายตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลยนะนั่น” พร้อมตั้งท่ารับมือ ร่างบางนั้นได้พุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วสูงสุดเรียบร้อยแล้ว อาธูเรียตวัดดาบฟาดฟันใส่ ราดิชยกดาบขึ้นป้องกันไว้ได้อย่างลำบากยากเย็น ตอนนี้เขาเริ่มตามความเร็วของอีกฝ่ายทันแล้ว ราดิชจึงแทงดาบสวนกลับไปบ้าง
อาธูเรียกันดาบของราดิชไว้ได้ และฟันใส่ราดิชในระยะประชิดทันที เขาถอยหลบออกมาหวุดหวิดชนิดปลายดาบเฉือนเนื้อเขาไปหน่อยหนึ่ง แต่อาธูเรียก็ไม่รอช้าพุ่งเข้าประชิดตัวราดิชทันทีพร้อมระดมฟันใส่ถี่ยิบ ราดิชเอาดาบกันแต่ก็กันไม่อยู่ ดาบไม้หลุดมือกระเด็นออกไป แต่ราดิชยังไม่ถอย กลับโถมเข้าใส่ทันที
หมับ!! ราดิชจับเข้าที่ที่ไม่สมควรจะจับเข้าให้ซะแล้ว ราดิชจับโดนหน้าอกของอาธูเรียนั่นเอง
“กรี๊ด!!!!!” เธอกรีดร้องพร้อมฟันราดิชจนกลายเป็นแสงไปทันที
“ไอ้บ้า แกตาย ไอ้ทุเรศ ไอ้...” อาธูเรียกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ ด่าราดิชโขมงโฉงเฉงไปหมด แต่ในใจเธอเริ่มยอมรับราดิชขึ้นมาบ้าง ที่ไม่ว่าจะตายกี่ครั้งเขาก็เข้ามาสู้โดยไม่หวาดหวั่นแถมมีวิธีการที่แปลกใหม่ขึ้นทุกที
ราดิชที่กลับมาเกิดใหม่รอบนี้จับจุดได้แล้วว่าถึงอาธูเรียจะเป็นถึงสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ แต่เธอก็ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงธรรมดาเท่าไร พอเห็นราดิชเกิดอาธูเรียก็พุ่งเข้าหาทันที ราดิชที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ก้าวเท้าหลบอาธูเรียที่โถมเข้ามาจนเธอถลาไปด้านข้าง และเขาก็เอี้ยวตัวกอดร่างบางเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“...” ทั้นใดนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นทั้งสองฝ่าย
ราดิชเอามือลูบหัวอาธูเรียพร้อมกล่าวกับเธอไปด้วย “เด็กน้อย อย่าโมโหไปเลย มามะเดี๋ยวพี่จะพาน้องไปเที่ยวเองนะจ๊ะ”
“จริงหรอ เอ้ย ไอ้บ้า ปล่อยข้านะ” เธอทิ้งดาบ และพยายามแกะตัวออกจากมือมารของราดิช
“เป็นสาวเป็นนางต้องพูดจาให้ไพเราะสิ และที่สำคัญไม่ควรจับดาบไล่ฆ่าชาวบ้านเขาแบบนี้ ดูสิมีแผลเลยเห็นไหม” ราดิชบอกพร้อมมองแผลที่ต้นแขนที่ถูกเขาฟัน แล้วร่ายเวทรักษาบาดแผลให้เธอ
“นี่เจ้า ทำอะไรน่ะ” เธอร้องโวยวายแต่ก็ไม่สามารถหนีออกไปได้
“ก็รักษาแผลให้เจ้ายังไงล่ะ” ราดิชตอบ
“ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าทำดีกับข้า ข้าจะสอนการใช้ดาบแบบยุโรปให้เจ้าละกัน ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร” เธอบอกพร้อมดันตัวราดิชออก และปัดฝุ่นตามชุดพร้อมทั้งเก็บดาบของเธอขึ้นมา
“ผมชื่อราดิช ว่าแต่เธอจะสอนการใช้ดาบให้อย่างนั้นหรอ” ราดิชพูดและเอานิ้วชี้ตัวเอง
“ใช่ รีบไปเก็บดาบของเจ้าสิ เดี๋ยวข้าก็เปลี่ยนใจทรมานเจ้าเล่นหรอก นี่ข้าเห็นว่าเจ้ามีแววนะ ข้าถึงสอนให้” เธอบอก ราดิชจึงเดินไปเก็บดาบและมาเรียนกับเธอ
“ที่เจ้าถือนะถูกแล้ว แต่ถ้าอยากได้ความแรงหรือแรงปะทะต้องทำแบบข้า ขนาดข้าเป็นผู้หญิงยังทำได้ เจ้าเป็นผู้ชายท่าใช้ท่าเดียวกัน จะแรงกว่าเยอะมากเลยทีเดียว” เธอบอกพร้อมทำท่าทางให้ราดิชดู ซึ่งราดิชก็ทำตามและทดลองดู
ผ่านไปเกือบชั่วโมง ราดิชก็เริ่มใช้วิธีการใช้ดาบของเธอได้แล้ว
“นี่เจ้ามีทักษะอัญเชิญอสูรมายาสินะ” อาธูเรียถามเขา
“ใช่ ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไง” ราดิชถามด้วยความสงสัย
“ข้ามีทักษะตรวจสอบเหมือนกันนะ แถมเป็นแบบพิเศษที่ไม่เหมือนของผู้เล่นด้วย” เธอกอดอกตอบด้วยความภาคภูมิใจ
“ว่าแต่มีอะไรเกี่ยวกับมันหรือ” ราดิชถามต่อ
“ความจริงการที่ข้าจะออกมาได้ต้องมีคนอัญเชิญมา ถ้าไม่มีคนอัญเชิญมาก็ออกมาไม่ได้หรอก และข้าเห็นเจ้ามีทักษะนั้นก็เลยอยากทำสัญญากับเจ้าน่ะ” เธอบอกพร้อมจ้องหน้าราดิช
“แล้วมันต้องทำยังไงบ้างล่ะ อีกอย่างมันต้องมีเงื่อนไขตั้งหลายอย่างนี่” ราดิชถาม
“เจ้าทำครบแล้ว ข้อแรก เจ้าทำให้เรายอมรับ ข้อสอง เราไม่มีกายเนื้อเพราะเรามาที่นี่ด้วยร่างวิญญาณ ความจริงข้อสองนั่นหมายถึงตอนที่ใกล้ตายนั่นแหละ เพียงแต่ข้ามาในฐานะวิญญาณที่ถูกอัญเชิญมา ข้อสาม เจ้าช่วยรักษาเรา แค่นี้ก็ครบเงื่อนไขแล้ว เอ้า รีบๆ ทำสัญญาซะทีสิ” เธอชี้นิ้วสั่งราดิช
“แล้วมันต้องทำยังไงบ้างล่ะ ข้าไม่เคยทำนะ ทำไม่เป็นหรอก” ราดิชบอกเธอพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“งั้นก็พูดตามเรา ในนามแห่งข้า ราดิชผู้เป็นนายแห่งความภักดี ขอทำพันธะสัญญาแห่งชีวิตกับเจ้า เราสองจะผูกพันกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จงตอบรับเสียงของเราเมื่อเรียกขาน จงเป็นดาบให้เราฟาดฟันหมู่มวลศัตรู และเป็นโล่ที่ปกป้องยามเรามีภัย จงตอบรับเราอาธูเรีย แค่นี้เจ้าพูดได้รึเปล่า ไม่เห็นยากเลย” เธอว่า
“เอาก็เอา!! ในนามแห่งข้า ราดิชผู้เป็นนายแห่งความภักดี ขอทำพันธะสัญญาแห่งชีวิตกับเจ้า เราสองจะผูกพันกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จงตอบรับเสียงของเราเมื่อเรียกขาน จงเป็นดาบให้เราฟาดฟันหมู่มวลศัตรู และเป็นโล่ที่ปกป้องเรายามมีภัย จงตอบรับเรา จักรพรรดินี อาธูเรีย”
“ข้ายอมรับท่าน ราดิชผู้เป็นนายแห่งความภักดี”
อาธูเรียขานรับ ทันใดนั้นเองตัวเธอก็ส่องแสงสว่างออกมา จนทำให้ถ้ำที่มืดมิดนั้นสว่างไสวไปทั่ว หลังจากที่แสงหายไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ราดิชรู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์ที่มีอยู่
“ในเมื่อท่านเป็นนายของข้า จงรับดาบเล่มนี้ไว้ด้วย” เธอบอก พร้อมกับยื่นสิ่งที่เหมือนดาบล่องหนมาให้ราดิช พอราดิชจับมันก็มีเสียงระบบดังขึ้น
-ท่านได้รับดาบเอ๊กซ์คาลิเบอร์ 1 เล่ม
-ท่านได้รับภารกิจ ตามหา อวาลอน ฝักดาบของเอ็กซ์คาลิเบอร์
-ท่านได้รับภารกิจ ตามหา จักรพรรดิองค์สุดท้ายที่สาบสูญ
-ท่านได้รับทักษะสัมผัสที่หก
ราดิชรับดาบมาอย่างงงๆ แถมได้รับภารกิจมาด้วย แต่พอเขาสัมผัสตัวดาบรู้สึกได้ว่าพลังมานาของเขาค่อยๆ ลดลง เลยพอจะเดาได้ว่าดาบเล่มนี้ต้องกินพลังมานาขณะที่ถือแน่ๆ เขาลูบคลำดูก็พบว่ามันเป็นดาบที่รูปร่างคล้ายดาบโฟเทีย จึงน่าจะเป็นดาบแบบพวกอัศวินยุโรป เขาจึงเก็บมันเข้าหน้าต่างระบบไป
“นายของข้า ตอนนี้ท่านก็ทำภารกิจเสร็จแล้ว ยังไงข้าขอลากลับไปยังที่ที่ข้าจากมาก่อน แต่ยังไงข้าก็อยู่กับท่านตลอดเวลา ท่านทำอะไรข้าก็รู้เห็นหมด และอย่าลืมสัญญาเรื่องไปเที่ยวกับข้าด้วยล่ะ ข้าลาก่อน” อาธูเรียว่าเสร็จก็สลายหายไปทันที จากนั้นราดิชก็เปิดหน้าต่างภารกิจขึ้นมาดูว่าภารกิจทั้งสองที่เขาได้รับมามันคืออะไรกันแน่
ภารกิจ : ตามหา อวาลอน ฝักดาบของเอ็กซ์คาลิเบอร์
สถานที่รับภารกิจ : จักรพรรดินีอาธูเรีย
รายละเอียด : จงตามหาอวาลอน ฝักดาบของเอ็กซ์คาลิเบอร์ที่อาธูเรียทำหายไป มันอาจอยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่งที่เร้นลับก็เป็นได้
สถานที่ส่งภารกิจ : จักรพรรดินีอาธูเรีย
ภารกิจ : ตามหาจักรพรรดิองค์สุดท้ายที่สาบสูญ
สถานที่รับภารกิจ : จักรพรรดินีอาธูเรีย
รายละเอียด : จงตามหาจักรพรรดิองค์สุดท้ายของอาณาจักรที่สาบสูญ เขาอาจจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งของโลกนี้ก็เป็นได้
สถานที่ส่งภารกิจ : ???
ราดิชมองทั้งสองภารกิจนี้อย่างงุนงง “ภารกิจอะไรเนี่ย รายละเอียดอื่นๆ ก็ไม่มีเลยสักอย่าง แล้วจะไปตามหามันได้ที่ไหนล่ะ” แต่บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาเลยเปิดดูรายละเอียดของทักษะสัมผัสที่หกต่อ
-ทักษะสัมผัสที่หก
(ทำให้ประสาทสัมผัสเฉียบไวขึ้นกว่าเดิมสองเท่า สามารถรับรู้ถึงอันตรายล่วงหน้าที่มีต่อตนเองได้ แต่การหลบหลีกหรือตอบโต้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง)
เงื่อนไขการได้รับ ต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่มีระดับมากกว่าตัวเอง 50 ระดับ เป็นระยะเวลาติดต่อกันมากกว่า 6 ชั่วโมงโดยไม่ตาย
“ทักษะนี้ดูจะเข้าท่าเหมือนกันนะ” ราดิชบ่นกับตัวเอง เมื่อเห็นว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตัวเขาก็เริ่มออกเดินไปทางปากถ้ำเพื่อกลับไปหาอาจารย์และปิกามอนที่รออยู่ข้างนอก
ขณะเดียวกันที่สำนักงานใหญ่ซีออนอินดัสทรี ห้องของหัวหน้าทีมผู้พัฒนาเกม Fate Online โอมที่นั่งดูราดิชทำภารกิจอยู่นั้นก็ถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“เฮ้ย!! เล่นเอาอาธูเรียของฉ้านมาทำเป็นอสูรมายา ซวยแล้วไง” โอมรีบดึงข้อมูลขึ้นมาและเริ่มรัวนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเพื่อจัดการงานอย่างรวดเร็ว
“เดิมทีจะให้อาธูเรียเป็นบอสใหญ่อยู่ที่สุสานวีรชนชั้นลึกสุด ที่เป็นดันเจี้ยนที่จะเข้ามาใหม่แพทช์หน้าอยู่พอดี แต่เจ้าโอ๊คดันเอามาเป็นอสูรมายาของมันซะนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแก้แบบนี้” โอมบอกพร้อมรัวแป้นคีย์บอร์ดอีกครั้ง
“ให้อาธูเรียอยู่ที่เดิม แต่เงื่อนไขการเข้าพบคือต้องใช้ดาบเอ๊กซ์คาลิเบอร์เป็นกุญแจในการเข้าพบ ซึ่งต้องไปทำภารกิจถึงจะได้ แถมมีเล่มเดียวในเกมด้วย เรานี่ฉลาดสุดยอด ดาบก็อยู่ที่เจ้าโอ๊ค แค่นี้ก็รอดตัวแล้วเรา เดี๋ยวรีบอัพข้อมูลของดาบกับอาธูเรียลงเซิร์ฟเวอร์ตอนนี้เลยดีกว่า ก่อนจะมีคน
รู้เรื่อง ฮี่ๆ ว่าแต่มันเป็นอาวุธระดับเทพเจ้า งั้นเอาให้พลังโจมตีสูงสุดในเกมตอนนี้เลยดีกว่า ส่วนอาธูเรียแค่อัพชื่อ ระดับและก็ความสามารถลงไปให้เต็มที่ ให้ไว้ดูต่างหน้าละกัน ฮ่าๆ ” ว่าแล้วโอมก็เริ่มดำเนินการแก้ไขภารกิจ และใส่ข้อมูลของดาบและอาธูเรียลงเซิร์ฟเวอร์หลักทันที จากนั้นก็ผิวปากร้องเพลงอารมณ์ดีไปต้มกาแฟกิน
“วู้ๆๆๆ สบายใจจริง” โอมส่งเสียงออกมาตลอดทางเดินกลับห้อง
“หัวหน้าเป็นอะไรน่ะ อารมณ์ดีมาเชียว สงสัยต้องมีอะไรแน่ๆ เลย” พนักงานเอพูดขึ้น
“นั่นดิ เพราะเรื่องที่ทำให้หัวหน้าอารมณ์ดีมีไม่กี่อย่างหรอก” พนักงานบีว่าบ้าง
“ไม่รู้เรื่องไร แต่ช่างเถอะ เรารีบทำงานของเราให้เสร็จดีกว่าจะได้กลับบ้านกันเสียที” พนักงานเอว่า พนักงานบีก็เห็นด้วยและก้มหน้าก้มตาทำงานกันต่อไป
