ตอนที่3 [เสกตะปูเข้าท้องยายพร]
มหาภัยไสยศาสตร์
ตอนที่ 3
[เสกตะปูเข้าท้องยายพร]
ที่บ้านอาจารย์บุญ
บรรยากาศที่เงียบสงัดกลางดึกยายพรที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ อาจารย์บุญผู้เป็นผัว ตกใจสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างปลิวแหวกอากาศมาตกลงบนหลังคาสังกะสีบ้านเสียงที่ดังทำให้ยายพรตกใจเผลอร้องทักขึ้นมาด้วยความลืมตัว
"เสียงอะไรตาบุญ!" เมื่อยายพรอ้าปากทักก็เหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่มีขนาดเล็ก ๆ ปลิววูบมากับสายลมเข้าไปในปากทันที แต่แกก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เพราะมันรวดเร็วจนแทบไม่รู้สึกตัวเลย ยายพรหันไปดูผู้เป็นผัวที่ยังคงหลับสนิทอยู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงนอนต่อ
รุ่งเช้าของวันใหม่เสียงไก่ตีปีกโก่งคอขันแข่งกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า พระอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องแสงอ่อน ๆ สว่างไสวไปทั่วทั้งหมู่บ้านจันลึก
วันนี้อาจารย์บุญตื่นแต่เช้าเหลือบไปมองเห็นยายพรยังนอนหลับอยู่ก็คิดว่าคงเหนื่อยล้า แกจึงไม่อยากปลุก อาจารย์บุญลุกขึ้นไปหุงข้าวทำกับข้าวยังไม่เสร็จ ก็ได้ยินเสียงพรร้องก็ตกใจ จึงรีบวิ่งไปดู พอไปถึงก็เห็นยายพรนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่บนที่นอน
"โอ้ย! โอ้ย! ข้าปวดท้อง ปวดท้องเหลือเกิน ตาบุญข้าปวดท้องช่วยข้าที มันปวดเหมือนไส้จะขาด มันมีอะไรแหลม ๆ ทิ่มแทงที่ท้องข้าอยู่ " ยายพรร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหน้าตาบิดเบี้ยว
"อ้าว! เป็นอะไรไปอีกละ เมื่อวานก็ยังเห็นดี ๆ อยู่เลย แกไปกินอะไรมาละท้องเสียหรือเปล่า" อาจารย์บุญเอ่ยถามยายพรขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
"ข้าไม่ได้กินอะไรเลย ก็กินเหมือนแกกินนั่นแหละ" ยายพรเอ่ยกับอาจารย์บุญแล้วเอามือกดท้องตัวเองร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน
"มันชักไม่ดีแล้ว ต้องไปหาหมอแล้วละ เออ ๆ เดี๋ยวข้าจะให้คนขี่มอเตอร์ไซค์
ไปส่งอนามัย แต่ดูแล้วอาการหนักขนาดนี้ข้าว่าแกคงขี่ซ้อนท้ายไปไม่ไหวแน่ งั้นรอเดี๋ยวนะข้าจะไปบ้านผู้ใหญ่ให้แกเอารถกระบะไปส่งจะดีกว่า" อาจารย์บุญเอ่ยกับยายพรก่อนจะรีบเดินลงจากบ้านไป อาจารย์บุญทั้งวิ่งทั้งเดินอย่างเร่งรีบเพราะบ้านผู้ใหญ่ก็อยู่ไกลพอสมควร อาจารย์บุญวิ่งไปได้พักหนึ่ง ก็เห็นทิดจันขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี เมื่อทิดจันมองเห็นอาจารย์บุญที่กำลังวิ่งเหมือนจะรีบร้อนไปไหนจึงร้องถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
"อาจารย์! จะวิ่งไปไหน มีอะไร หรือเปล่าดูรีบร้อนจัง" อาจารย์บุญได้ยินทิดจันถาม ก็หยุดวิ่งแล้วหันมาตอบด้วยน้ำเสียงที่หอบเหนื่อย
"เฮ่อ ๆ ข้าจะไปบ้านผู้ใหญ่ให้แกเอารถไปส่งยายพร ตอนนี้ยายพรปวดท้องหนักมากเลย ไม่รู้เป็นอะไร"
"อ้าวเหรอ! งั้นขึ้นรถเลยเดี๋ยวผมไปส่ง ยังอีกตั้งไกล วิ่งไปแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นลมหรอก" ทิดจันเอ่ยกับอาจารย์บุญ
"เออ ๆ ขอบใจมากนะไอ้ทิด" อาจารย์บุญรีบกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ ทิดจันรีบขี่ออกไปอย่างเร่งรีบ ไม่นานก็มาถึงบ้านผู้ใหญ่แสงผู้ใหญ่บ้านจันลึก อาจารย์บุญรีบลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วรีบวิ่งไปหาผู้ใหญ่แสงที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ใต้ถุนบ้าน
"ผู้ใหญ่! ผู้ใหญ่! ไปส่งยายพรหน่อย ไม่รู้แกเป็นอะไรปวดท้องมากเลย" อาจารย์บุญละล่ำละลักบอกผู้ใหญ่แสงด้วยอาการร้อนรน
"อ้าว! ยายพรเป็นอะไรละอาจารย์ เออ ๆ เดี๋ยวข้ากินน้ำก่อน ข้ายังกินข้าวไม่อิ่มเลย" ผู้ใหญ่แสงยกขันน้ำขึ้นมาดื่มอัก ๆแล้วรีบเดินไปที่รถกระบะมาสด้าเก่า ๆ ที่จอดอยู่ข้างบ้าน ก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปสตาร์ทรถแล้วขับออกมา
"อาจารย์ขึ้นรถเลย ทิดจันเอ็งจะไปด้วยหรือเปล่า" ผู้ใหญ่แสงเรียกอาจารย์บุญมาขึ้นรถแลัวหันไปถามทิดจันที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ อาจารย์บุญ
"ไป…ไปผู้ใหญ่ ผมไปด้วย"
ทิดจันเอ่ยกับผู้ใหญ่แสงก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งที่กระบะหลังรถ ผู้ใหญ่แสงรีบขับรถออกไปอย่างเร่งรีบ ไม่นานรถก็แล่นมาถึงบ้านอาจารย์บุญ พวกเขารีบลงจากรถแล้วไปพยุงยายพรขึ้นไปนอนลงบนเสื่อกกผืนเก่า ๆ ที่ปูไว้กระบะหลังรถ
"โอ้ยปวด! เร็ว ๆ หน่อยตาบุญ ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว" ยายพรร้องบอกอาจารย์บุญผู้เป็นผัวด้วยความเจ็บปวด
"เรียบร้อยหรือยังอาจารย์" ผู้ใหญ่แสงตะโกนถามอาจารย์บุญ
"เรียบร้อยแล้วไปได้เลยผู้ใหญ่"
ผู้ใหญ่แสงรีบขับรถออกไปอย่างเร่งรีบ ไม่นานรถก็แล่นมาถึงสถานีอนามัย อาจารย์บุญกับทิดจันรีบพยุงยายพรลงมาจากรถ พยาบาลมองเห็นก็รีบเข็นรถวิ่งออกมารับตัวยายพร แล้วเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ก่อนจะทำการตรวจดูอาการ และซักถามถึงอาการต่าง ๆ ก่อนจะให้ยาแก้ปวดท้อง เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการยายพรก็ยังไม่ดีขึ้น พยาบาลก็รู้สึกแปลกใจ เพราะให้ยาตามอาการแล้วแต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย อาการปวดท้องกลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
"อาการเป็นยังไงบ้าง" พยาบาลถามอาการยายพร
"มันปวดที่ท้องเหมือนมีอะไรแหลมแทงที่กระเพาะลำไส้ตลอด" ยายพรบอกกับพยาบาลด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและแผ่วเบา สีหน้าบ่งบอกถึงอาการเจ็บปวด
อาจารย์บุญนั่งอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงยายพรผู้เป็นเมียร้องครวญครางก็ได้แต่เดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วงและวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการของยายพรที่ดูผิดแปลกไปจากอาการปวดท้องธรรมดาทั่วไป พลันอาจารย์บุญก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที
"หมอ! หมอ! คนป่วยเป็นยังไงบ้าง"
อาจารย์บุญรีบร้องถามพยาบาลด้วยความเป็นห่วง พยาบาลร่างท้วมคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วเอ่ยกับอาจารย์บุญ
"อาการยังไม่ดีขึ้นเลย คนป่วยบอกว่าปวดที่กระเพาะเหมือนมีอะไรแหลม ๆ แทงอยู่ตลอด ดูจากอาการน่าจะเป็นโรคกระเพาะ หมอให้ทานยาแล้วเดี๋ยวก็หาย อ้อ! ลุงทีหลังอย่าส่งเสียงดังแบบนี้นะ ที่นี่สถานีอนามัย เขาห้ามส่งเสียงดัง มันจะไปรบกวนคนป่วยคนอื่นเขา"
"เอ่อ…ครับ ผมขอโทษ คือผมว่ายายพรน่าจะไม่ได้ปวดท้องธรรมดาหรอก ผมว่าแกน่าจะโดนคนเสกตะปูเข้าท้อง" อาจารย์บุญเอ่ยกับพยาบาลด้วยสีหน้าที่จริงจังและหนักแน่น แต่พยาบาลคนนั้นกลับยิ้ม ๆ เพราะไม่เชื่อที่อาจารย์บุญบอก ก่อนจะเอ่ยกับอาจารย์บุญ
"ลุงพูดอะไร คนป่วยปวดท้อง น่าจะเป็นโรคกระเพาะ หรือไม่ก็ลำไส้อักเสบ เนื่องจากอาหารเป็นพิษ ใครจะมาเสกตะปูเข้าท้อง มันไม่มีหรอก ลุงคิดมากไปเองรึเปล่า ฉันว่าลุงไปนั่งรอตรงโน้นก่อนดีกว่าค่ะ" พยาบาลเอ่ยกับอาจารย์บุญแล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเพราะไม่เชื่อเรื่องที่อาจารย์บุญบอก อาจารย์บุญได้แต่ส่ายหัวไปมาเพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี จึงเดินกลับไปหาผู้ใหญ่แสงกับทิดจันที่กำลังนั่งรออยู่
"ผู้ใหญ่ข้าว่ายายพรไม่น่าจะปวดท้องธรรมดาแล้วละ ข้าว่าแกน่าจะโดนคนเสกตะปูเข้าท้องแล้วละ" อาจารย์บุญเอ่ยกับผู้ใหญ่แสง
"เออ ข้าว่ามันก็อาจเป็นไปได้ แถวบ้านเรามันยิ่งมีพวกเล่นของพวกทำคุณไสยเยอะด้วย แต่ถึงเราบอกพวกหมอพวกพยาบาลไปเขาก็ไม่เชื่อเราหรอก เขาจะว่าพวกเรางมงาย เพราะเขาเรียนมาทางวิทยาศาสตร์เขาไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์เหมือนพวกเราหรอก" ผู้ใหญ่แสงเอ่ยกับอาจารย์บุญอย่างมีเหตุผล คำพูดของผู้ใหญ่แสงทำให้อาจารย์บุญเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดและวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
"ข้าว่าถ้าขืนให้ยายพรนอนรักษาอยู่ที่นี่มีหวังตายแน่ ๆ ผมตัดสินใจแล้วผมว่าจะขอพายายพรกลับไปรักษาที่บ้านดีกว่า ข้าจะพาแกกลับไปรักษาตามพิธีของข้า" อาจารย์บุญเอ่ยกับผู้ใหญ่แสง
"อาจารย์ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ถ้าพากลับบ้านไปแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้น หมอเขาคงไม่รับผิดชอบแน่นอน แล้วถ้าจะพากลับมาหาหมออีก เขาคงไม่อยากรับตัวแล้ว เพราะเราไม่เชื่อเขาเอง"
เมื่ออาจารย์บุญได้ยินผู้ใหญ่แสงเอ่ยมาอย่างนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังคิดและตัดสินใจอยู่ ก่อนจะเอ่ยกับผู้ใหญ่แสง
"ไม่เป็นไรผู้ใหญ่ ข้าคิดว่าดีกว่าให้ยายพรมานอนเจ็บปวดทรมานอยู่อย่างนี้ นี่ก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้นเลย"
"เอาละ ถ้าอาจารย์จะเอาอย่างนั้นก็ตามใจ อาจารย์ก็ลองไปบอกหมอดูว่าเขาจะอนุญาตให้กลับบ้านหรือเปล่า" ผู้ใหญ่แสงเอ่ยกับอาจารย์บุญ ขณะที่สองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ก็มีพยาบาลร่างท้วมคนนั้นก็เดินผ่านมาพอดี อาจารย์บุญจึงรีบลุกขึ้นไปถาม
"เอ่อ…พยาบาล ผมว่าจะขอพาคนป่วยกลับไปรักษาที่บ้านจะได้หรือเปล่า"
พยาบาลได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้างง ๆ เพราะ เพิ่งพาคนป่วยมาหาหมอได้แค่สองชั่วโมง คนป่วยก็ยังไม่หาย แล้วจู่ ๆ ก็จะมาขอพากลับบ้าน
"อ้าว! ทำไมละลุง คนป่วยยังไม่หายเลยนะ จะพากลับบ้านได้ไง ถ้ากลับไปแล้วเกิดเป็นหนักกว่าเดิมหรือเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง ถ้ากลับไปแล้วหมอไม่รับผิดชอบแล้วนะ" พยาบาลเอ่ยกับอาจารย์บุญ
"ครับ ไม่เป็นไร ผมจะพากลับไปรักษาที่บ้าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมไม่ว่าหมอหรอก ผมจะรับผิดชอบเอง" อาจารย์บุญเอ่ยกับพยาบาลอย่างจริงจังและหนักแน่น
"ถ้าลุงจะเอาอย่างนั้นก็ตามใจ รอแป๊บนะ เดี๋ยวหนูไปบอกหมอก่อน" พยาบาลเอ่ยกับอาจารย์บุญแล้วเดินจากไป พยาบาลหายไปครู่หนึ่งก็เดินกลับมา
"หมอให้กลับได้แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นทางเราจะไม่รับผิดชอบทั้งสิ้น เพราะญาติขอพาคนไข้กลับเอง เดี๋ยวลุงบอกผู้ใหญ่ให้ถอยรถมาได้เลย เราจะเข็นคนป่วยออกไปให้" พยาบาลเอ่ยกับอาจารย์บุญ ผู้ใหญ่แสงได้ยินอย่างนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่รถก่อนจะไปขับรถถอยเข้ามาจอดที่หน้าอนามัย บุรุษพยาบาลเข็นยายพรที่ยังคงร้องครวญครางอยู่ไปที่รถ อาจารย์บุญกับทิดจันและบุรุษพยาบาลช่วยกันยกยายพรขึ้นไปนอนบนเสื่อกกผืนเก่า ๆ ที่ปูไว้กระบะหลังรถ
"ผมกลับก่อนนะครับหมอ" อาจารย์บุญกับผู้ใหญ่แสงหันไปบอกพยาบาลแล้วรีบขึ้นรถขับออกไปทันที อาจารย์บุญกับทิดจันนั่งเฝ้ายายพรอยู่ที่กระบะหลังรถอาจารย์บุญมองเห็นยายพรที่กำลังนอนร้องโอดโอยหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยอาการเจ็บปวดอยู่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี
"อดทนหน่อยนะยายพร เดี๋ยวก็ถึงบ้านเราแล้ว" อาจารย์บุญเอ่ยกับยายพรผู้เป็นเมียด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ สีหน้าและแววตาบ่งบอกว่าเป็นห่วงและรู้สึกสงสารผู้เป็นเมียอย่างมาก
