บท
ตั้งค่า

ตอนที่2 [แก้คุณไสยให้นางยิ้ม]

มหาภัยไสยศาสตร์

ตอนที่ 2

[แก้คุณไสยให้นางยิ้ม]

"อ้าว! ไอ้ยอดเอ็งไปตามอาจารย์มาแล้วเหรอ" ชายวัยกลางคนที่เป็นลุงไอ้ยอดเอ่ยถามหลานชาย

"ครับลุง ผมไปตามมาเมื่อกี้เอง"

"สวัสดีอาจารย์ อาจารย์ช่วยลูกสาวไอ้ยอดมันด้วยนะ สงสารมัน" ลุงไอ้ยอดยกมือไหว้ก่อนจะเอ่ยกับอาจารย์บุญ

"เออ ๆ พวกเอ็งไม่ต้องกลัว ข้ามาถึงนี่แล้วยังไงข้าก็ต้องช่วย ไอ้ยอดเดี๋ยวเอ็งไปเอาน้ำใส่ขันมาให้ข้าหน่อย เร็ว ๆ ด้วย" อาจารย์บุญหันไปบอกไอ้ยอด 

"ได้ครับอาจารย์" ไอ้ยอดเดินหายไปหลังบ้านครู่หนึ่งแล้วเดินกลับมาพร้อมกับขันน้ำใบใหญ่

"ได้แล้วครับอาจารย์"

อาจารย์บุญรับขันน้ำมาจากไอ้ยอดแล้ววางลงบนผ้าขาวก่อนจะล้วงเอาเทียนออกมาจากย่ามแล้วจุดไฟวางเทียนบนขันก่อนจะเอามีดหมอที่ด้ามทำจากงาช้างลงอักขระยันต์แช่ลงไปในขันน้ำมนต์

"พวกเอ็งนั่งกันเงียบ ๆ นะ ข้าจะทำพิธีเสกน้ำมนต์" อาจารย์บุญบอกทุกคนที่กำลังนั่งล้อมวงดูอย่างใจจดจ่อ อาจารย์บุญหลับตาบริกรรมคาถาเป็นภาษาเขมรและภาษาบาลีสลับกันไปเรื่อย ๆ จนไฟไหม้เทียนเกือบหมดเล่ม แล้วหยิบเทียนมาจุ่มลงในขันน้ำมนต์ ก่อนจะหยิบมีดหมอมาคนในน้ำแล้วบริกรรมคาถาต่อ ไม่นานก็หยุดแล้วหันมาเอ่ยกับไอ้ยอดที่กำลังนั่งดูอยู่ใกล้ ๆ อย่างตาไม่กระพริบ

"เอาละ เสร็จแล้วเดี๋ยวพวกเอ็งช่วยกันไปจับลูกสาวไอ้ยอดไว้ให้แน่น ๆ ข้าจะเอาน้ำมนต์ไปให้มันกินและอาบให้มันด้วย"

"ได้ครับอาจารย์ เฮ้ย! ใครก็ได้มาช่วยข้าหน่อย" ไอ้ยอดร้องเรียกให้คนมาช่วย ทิดพงษ์กับไอ้สินรีบลุกขึ้นแล้วเดินมาจับแขนจับขาลูกสาวไอ้ยอดไว้ อาจารย์บุญถือขันน้ำมนต์ไปแล้วยกให้ดื่ม แต่หญิงสาวรีบเอามือปัดขันน้ำมนต์ออก 

"เฮ้ย! จับแขนไว้ด้วย สิ" อาจารย์บุญตะโกนบอกเสียงดังลั่น

"ครับ…ครับอาจารย์"

อาจารย์บุญจับหญิงสาวอ้าปากแล้วเอาน้ำมนต์กรอกปาก ก่อนจะเทราดตามตัว หญิงสาวดิ้นพล่านแล้วร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะอาเจียรออกมาเป็นน้ำสีดำ ๆ ไหลนองไปตามพื้นกระดาน พวกเขาช่วยกันจับแขนและขาไว้จนแน่น หญิงสาวดิ้นทุรนทุรายอยู่พักหนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไป

"เอาละ ข้าเอาของออกจากตัวมัน

แล้ว อีกสักพักมันก็จะฟื้น พอมันฟื้นเอ็งก็เอาน้ำมนต์ที่เหลือนี่ให้มันกินอีก" อาจารย์บุญเอ่ยกับไอ้ยอดก่อนจะเก็บมีดหมอใส่เข้าไปในย่าม 

"ครับอาจารย์ แล้วทำยังไงต่ออีก"

ไอ้ยอดเอ่ยถามอาจารย์บุญ

"ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เดี๋ยวมันก็หายเป็นปกติ เดี๋ยวข้าจะให้ของไว้ป้องกันตัว"

อาจารย์บุญเอ่ยกับไอ้ยอดแล้วล้วงเข้าไป

ในย่ามหยิบตะกรุดที่ร้อยกับด้ายสายสิญจน์ออกมาส่งให้ไอ้ยอด

"อะ! เอาตะกรุดกับสายสิญจน์นี่ไปให้ลูกสาวเอ็งห้อยคอไว้ตลอดนะ ห้ามถอดออกจากคอเด็ดขาด  ตะกรุดกับด้ายสายสิญจน์จะช่วยป้องกันคุณไสยมนต์ดำได้"

"ครับอาจารย์  ขอบคุณมากครับ"

 ไอ้ยอดรับตะกรุดสายสิญจน์มาจากอาจารย์บุญ ทั้งชาวบ้านและญาติพี่น้องไอ้ยอดพากันนั่งรอดูอาการลูกสาวไอ้ยอดด้วยความเป็นห่วง เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ หญิงสาวก็ฟื้น นางศรีผู้เป็นแม่รีบเอาน้ำมนต์ที่เหลือไปให้ดื่ม

"กินน้ำมนต์ก่อนลูก" นางศรียกขันน้ำมนต์ให้ลูกสาวดื่ม

"แม่หนูเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมคนมากันเยอะแยะเต็มบ้านเลย" หญิงสาวเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย

"ก็เอ็งถูกไอ้เดชมันทำของใส่ จนเป็นบ้านเป็นบอ แม่ก็เลยไปตามอาจารย์บุญมาช่วยแก้คุณไสยให้" นางศรีเอ่ยกับลูกสาว

"เอาน้ำมนต์ให้มันล้างหน้าล้างตาด้วย จะได้หายไว ๆ " อาจารย์บุญบอกนางศรีที่กำลังถือขันน้ำมนต์อยู่

"ได้จ้ะอาจารย์  อ้าวล้างหน้าล้างตาหน่อยลูก" นางศรีส่งขันน้ำมนต์ให้ลูกสาวล้างหน้าล้างตา

"เอาละ ไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน ใครจะไปส่งข้าละ" อาจารย์บุญหันไปเอ่ยถามไอ้ยอด 

"ไอ้สินเอ็งไปส่งอาจารย์หน่อย ข้าจะอยู่ดูแลทางนี้" ไอ้ยอดบอกกับไอ้สินหลานชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับอาจารย์บุญ

"ขอบคุณมากนะอาจารย์ที่อุตส่าห์มาช่วยลูกสาวผม  เดี๋ยวเรื่องค่ายกครูผมจะเอาไปให้ที่บ้านนะ"

"เออ ๆ ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็เรียนวิชามาช่วยเหลือคนอยู่แล้ว เรื่องยกครูก็ทำขันธ์ 5 ไปให้ข้าก็แล้วกัน ส่วนอย่างอื่น ข้าเรียกร้องใครไม่ได้หรอก มันผิดครู" อาจารย์บุญเอ่ยกับไอ้ยอดก่อนจะเดินลงจากบ้านไป 

"มานี่ลูก พ่อแขวนสายสิญจน์กับตะกรุดของอาจารย์ให้ จะได้ป้องกันคุณไสย์ไม่ให้มาเข้าตัวอีก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกสาวแล้วเอาตะกรุดที่ร้อยกับด้ายสายสิญจน์สวมคอให้ลูกสาว

"เอาละหมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูก ขอบใจทุกคนนะที่เป็นห่วงนางยิ้มมัน ต่อไปก็ต้องระวังตัวกันหน่อย ถ้าไอ้เดชมันยังไม่ตายเดี๋ยวมันก็ทำของใส่คนอื่นอีก" นางศรีเอ่ยกับลูกสาวและชาวบ้านที่กำลังพากันนั่งดูอยู่ข้าง ๆ

"ใช่!ก็ต้องคอยระวังกันต่อไป ทางที่ดีก็อย่าไปยุ่งกับพวกมันจะดีกว่า ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ"ทิดพงษ์เอ่ยกับนางศรีก่อนจะพากันเดินลงจากบ้านไป 

"งั้นพวกข้ากลับก่อนนะ หาข้าวหาปลาให้ลูกกินเลยมันน่าจะหิวแล้ว ขอให้หายไว ๆ นะลูก" ญาติพี่น้องและพวกชาวบ้านบอกกับนางศรีก่อนจะพากันลุกขึ้นแล้วเดินลงจากบ้านไป

เหตุการณ์ร้าย ๆ ผ่านไปแล้ว เมื่อเรื่องทั้งหมดรู้ไปถึงหูไอ้เดช ทำให้มันรู้ว่ามีคนที่เก่งกว่ามันและคอยช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด มันจึงเกิดความไม่พอใจอาจารย์บุญจึงรีบไปหาอาจารย์ของมัน 

วันนี้อาจารย์เกียง นั่งกินหมากอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านไม้หลังเก่า ๆ มุงด้วยสังกะสีเก่าคร่ำคร่าสนิมแดงฉาน เสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านจนหมาสามตัวพากันเห่าดังลั่น ทำให้อาจารย์เกียงหันไปดูก็เห็นไอ้เดชกับไอ้มิ่งที่กำลังเดินเข้ามาหาพอดี

"สวัสดีอาจารย์" 

"สวัสดีอาจารย์" ไอ้เดชกับไอ้มิ่งพากันยกมือไหว้อาจารย์เกียงก่อนจะพากันนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่

"เออ…สวัสดี ทำไมถึงมาหาข้าได้ละวันนี้?" อาจารย์เกียงเอ่ยถามไอ้เดช

"ผมมีเรื่องจะมาบอกอาจารย์ วันนั้นผมทำของใส่อียิ้มลูกสาวตายอด แต่มันมีอาจารย์ที่อยู่บ้านจันลึกมาแก้ให้ อาจารย์คนนี้มันคอยช่วยเหลือชาวบ้านตลอด ผมว่าต่อไปมันจะต้องเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ทีนี้อาจารย์ก็จะสู้มันไม่ได้ พวกชาวบ้านก็จะหันไปเคารพนับถือมันมากกว่าอาจารย์แน่เลย" ไอ้เดชเอ่ยกับอาจารย์เกียงผู้เป็นอาจารย์ของมัน เมื่ออาจารย์เกียงได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกโมโหและไม่พอใจอาจารย์บุญขึ้นมาทันที

"มันชื่ออะไรว่ะ มันบังอาจมาท้าทายข้า มันเก่งมาจากไหน ในเขตหมู่บ้านแถวนี้ชาวบ้านรู้จักข้าดี ไม่มีใครมีวิชาอาคมแก่กล้าเท่ากับข้า แล้วมันมาจากไหนถึงกล้าคิดจะมาเป็นศัตรูกับข้า" อาจารย์เกียงเอ่ยขึ้นมาด้วยความโมโห

"มันชื่ออาจารย์บุญ อยู่บ้านจันลึกห่างจากบ้านเราประมาณ 10 กว่ากิโล มันไม่ค่อยเปิดเผยตัวเป็นคนเงียบ ๆ แต่ชาวบ้านเดือดร้อนก็จะไปหาตลอด" อาจารย์เกียงได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเอ่ยกับไอ้เดช

"เดี๋ยวข้าจะสั่งสอนมัน และลองวิชามันดู ว่ามันจะเก่งแค่ไหน ดูสิว่ามันจะช่วยแก้ได้อีกหรือเปล่า"

 "อาจารย์จะทำยังไงเหรอ" ไอ้เดช

เอ่ยถามอาจารย์เกียงด้วยความอยากรู้ 

"เดี๋ยวเอ็งก็รู้คืนนี้ ข้าจะทำของใส่

เมียมัน ว่าแต่เมียมันชื่ออะไรล่ะ"

 อาจารย์เกียงถามไอ้เดช

"อ๋อ…แกชื่อยายพร"

"ดีเลย คืนนี้กูจะเสกตะปูไปเข้าท้องยายพรเมียมัน ดูสิว่ามันจะช่วยเมียมันได้ไหม ข้าอยากรู้ว่ามันจะเก่งสักแค่ไหน"

"ดีเลยครับอาจารย์ จะได้รู้ว่าใครจะเก่งกว่ากัน งั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมจะอยู่รอช่วยอาจารย์ที่นี่ก่อน ว่าไงไอ้มิ่งมึงจะกลับบ้านหรือว่าจะอยู่กับกู" ไอ้ยอดหันไปถามไอ้มิ่งที่กำลังนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ 

"เฮ้ย…มึงอยู่กูก็อยู่สิวะ ใครจะเดินกลับคนเดียว มันไม่ใช่ใกล้ ๆนะโว้ย"

พวกเขาสามคนนั่งคุยกันจนเย็น หลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จ ก็พากันนั่งเล่นจนมืดค่ำ อาจารย์เกียงนั้นไม่มีลูกมีเมียแกเดินทางมาจากประเทศกัมพูชาและมาอยู่คนเดียวด้วยที่เป็นคนมีวิชาอาคมจึงอาศัยหากินกับการทำเสน่ห์ยาแฝดเมตตามหานิยมคุณไสยต่าง ๆ ส่วนมากจะเป็นด้านไสยศาสตร์มนต์ดำที่เป็นเดรัจฉานวิชาทำร้ายและฆ่าคนให้ตายอย่างโหดเหี้ยมและยังไม่มีความผิด เพราะหาสาเหตุการตายไม่เจอ แต่ถึงเจอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ

พวกเขาสามคนนั่งคุยกันจนถึงเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะแก่การทำพิธีคุณไสยปล่อยของใส่คน

"พวกเอ็งนั่งดูเงียบ ๆ นะ ห้ามส่งเสียงเอะอะรบกวน ไม่ว่าจะเห็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม" อาจารย์เกียงบอกไอ้เดชกับไอ้มิ่ง

"ครับอาจารย์"

อาจารย์เกียง หยิบเทียนมาหนึ่งเล่มแล้วจุดตั้งไว้บนเชิงเทียนก่อนจะหยิบธูปมาห้าดอกแล้วจุดปักลงที่กระถางธูปตรงหน้า แล้วล้วงไปในย่ามเอาตะปูสีดำขนาดความยาว 5 นิ้วออกมา 3 ตัว วางลงบนพาน พร้อมกับบริกรรมท่องคาถาเป็นภาษาเขมรงึมงำไปเรื่อย ๆ  ไอ้เดชกับไอ้มิ่งพากันนั่งนิ่งเงียบมองดูอย่างไม่กระพริบตา  ไม่นานตะปู 5 นิ้วที่ใหญ่และยาวก็ค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ จนมีขนาดเท่ากับเข็มเย็บผ้าอาจารย์เกียงหยิบตะปูทั้งหมด

มาวางลงบนผ่ามือ แล้วท่องคาถาพึมพำไปเรื่อย ๆ จนมองแทบไม่เห็นตะปูแล้วเป่าลงไปที่ตะปู 1 ครั้ง เมื่อเป่าเสร็จตะปูก็ปลิวออกจากฝ่ามือแหวกอากาศเสียงดังวี๊ดแล้วหายวับไปในความมืดทันที อาจารย์เกียงหันมาเอ่ยถามไอ้เดชกับไอ้มิ่งที่กำลังนั่งตัวแข็งทื่อตาค้างราวกับถูกมนต์สะกด

"เฮ้ย! เสร็จพิธีแล้วพวกมึงจะนอนที่นี่หรือว่าจะพากันกลับบ้าน"

"ครับ…อาจารย์  ผมว่าจะนอนที่นี่กับอาจารย์สักคืน เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว" 

"เออ ๆ นอนที่นี่ก็ได้ ข้าก็รู้สึกง่วงแล้วจะไปนอนเหมือนกัน เสื่อกับหมอนและผ้าห่มอยู่ตรงโน้นไปเอามาปูนอนได้เลย ข้าไปนอนก่อนนะ" อาจารย์เกียงเอ่ยกับไอ้เดชก่อนจะเดินเข้าห้องไปนอน ไอ้เดขกับไอ้มิ่งรีบพากันไปเอาเสื่อมาปูนอน ในใจก็นึกถึงเรื่องที่อาจารย์เกียงเสกตะปู พวกมันสองคนนอนคิดวกไปวนมาจนผลอยหลับไป 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel