บทที่ 3 อ้อมกอดคนใจร้าย
เช้าวันเริ่มต้นทำงานของสัปดาห์ ธีร์ธัชผิวปากเดินลงมายังชั้นล่างอย่างอารมณ์ดีจนแม่บ้านสูงวัยที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอดมองด้วยความหมั่นไส้ผู้เป็นเจ้านายไม่ได้ เจ้าของร่างกำยำหย่อนกายลงบนเก้าอี้แล้วสอดส่ายสายตาหาใครบางคนซึ่งก็ไม่อาจรอดสายตาของป้าอิ่มได้อีกครั้ง เสียงกระแอมดังขึ้นเบาๆ จนเจ้าตัวสะดุ้งพร้อมหัวเราะแห้งๆ แก้เก้อเมื่อถูกจับได้ “คุณทอร์ชมองหาใครคะ?"
“น้องสาวตัวแสบของผมน่ะสิครับป้าอิ่ม ทำไมป่านนี้ยังไม่ลงมาอีก” คำแก้ตัวผุดขึ้นมาทันทีหลังจากนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นน้องสาวตนเองเช่นกัน
“ถ้าหมายถึงคุณเทย่าคงไม่ต้องรอแล้วค่ะ เมื่อเช้านี้คุณเทย่าโทรมาให้ป้าบอกคุณทอร์ชว่าขออนุญาตกลับบ้านพรุ่งนี้ เพราะวันนี้หลังเลิกเรียนนัดเพื่อนอีกคนต่อ แล้วก็จะไปนอนค้างบ้านคุณดาวอีกคืนค่ะ” ป้าอิ่มพูดถึงเจ้านายสาวอีกคนที่เพิ่งโทรเข้ามาก่อนหน้านี้
“ทำไม่ยัยตัวแสบไม่โทรบอกผมเอง” ธีร์ธัชแอบเคืองแม่น้องสาวตัวดีที่ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา
“คงกลัวว่าคุณทอร์ชจะไม่อนุญาตนั่นล่ะค่ะ” หญิงสูงวัยตอบแล้วตักข้าวต้มให้เจ้านายหนุ่ม
“แล้ว...เอ่อ” ชายหนุ่มเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาชั่วขณะเมื่อคิดว่าจะถามหาหญิงสาวอีกคน ยิ่งเห็นสายตาจับผิดของแม่บ้านสูงวัยก็ยิ่งไม่กล้าพูด
“แก้มออกไปมอบตัวที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” นางเป็นฝ่ายตอบให้เองราวกับรู้ทันความคิดของอีกฝ่ายดี
"ตกลงว่าหลานสาวป้าอิ่มเลือกเรียนคณะอะไรครับ?” เขารู้ดีว่านี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเองสักนิด แต่ก็ยังเลือกที่จะอยากรู้ทั้งๆ ที่สืบมาหมดแล้วว่าเธอเรียนคณะอะไร
“บริหารค่ะ เค้าชอบด้านนี้” พอได้พูดถึงหลานสาวนางก็อดยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจไม่ได้ นับตั้งแต่เข้าโรงเรียนหญิงสาวมักสอบได้อันดับต้นๆ ตลอด รวมทั้งการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐที่นี่ด้วย
“ไว้ถ้าเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะลองหาตำแหน่งในบริษัทให้” ชายหนุ่มพูดด้วยความหวังดี ไม่ทันได้มองปฏิกิริยาของคนฟังที่ชะงักไปกับคำพูดของเจ้านายหนุ่ม
“ป้าคงแล้วแต่ยัยแก้มค่ะ ไม่อยากไปบังคับอะไร”
“ป้าอิ่มพูดเหมือนไม่ไว้ใจที่จะให้แก้มมาทำงานกับผม” ธีร์ธัชพูดกับแม่บ้านสูงวัยตรงๆ ลืมนึกไปว่าเมื่อคืนตนเองสร้างวีรกรรมไม่น่าไว้ใจอะไรเอาไว้
“ป้าเปล่านะคะ คุณทอร์ชคิดไปเอง” ป้าอิ่มพยายามปฏิเสธ แม้ว่าเป็นจริงดังที่เจ้านายหนุ่มพูดก็ตาม
“ก็คงอย่างที่ป้าอิ่มบอก ถ้าถึงวันนั้นขึ้นมาจริงๆ เธออาจจะเลือกทางเดินของตัวเองก็ได้” ไม่รู้ทำไมพอพูดและนึกถึงเรื่องนี้จึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆ พาลให้ไม่อยากจะกินอะไรต่อ ธีร์ธัชยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มรวดเดียว หยิบเสื้อสูทราคาแพงมาสวมลวกๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นออกไปที่รถยนต์ส่วนตัวทันที ไม่แม้จะแตะข้าวต้มตรงหน้าสักนิดเดียว
วรรธณะกรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศและยังเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ทั้งผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า มีผู้บริหารไฟแรงสูงอย่างธีร์ธัชทำหน้าที่บริหารแทบทั้งหมดหลังจากบิดาเสียชีวิตลง อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นคนอื่นให้ดำรงตำแหน่งนี้
“สวัสดีค่ะคุณทอร์ช” วิลาวัลย์ลุกขึ้นกระพุ่มไหว้ทำความเคารพผู้เป็นเจ้านายอย่างนอบน้อม
“คุณวิ เดี๋ยวผมขอรายงานการประชุมแล้วก็ตารางงานข้างนอกของเดือนนี้ด้วยนะ” ชายหนุ่มเป็นคนเอาการเอางานและแยกแยะหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะถูกมองว่าเป็นพวกเจ้าชู้ระดับตัวพ่อก็ตาม
“ได้ค่ะ”
ธีร์ธัชมัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานจนลืมดูเวลา ถ้าไม่เพราะได้ยินเสียงประตูด้านหน้าห้องทำงานถูกเปิดออกอย่างคนไร้มารยาท ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความไม่พอใจก่อนจะพบกับร่างระหงที่ส่งรอยยิ้มหวานหยดมาให้
“ทอร์ชขา เที่ยงแล้วนะ” โสภิดา หรือ บลู ไฮโซสาวสวยซึ่งพ่วงตำแหน่งคู่ควงคนล่าสุดของชายหนุ่มเอ่ยชวนหลังเห็นว่าเขายังคงก้มหน้าก้มตาทำงาน หญิงสาวพาร่างตัวเองเข้ามาหยุดยืนอยู่บริเวณด้านหน้าโต๊ะทำงานแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปหา
“อืม...ผมลืมดูเวลา” เขาตอบเสียงราบเรียบ ไม่รู้สึกยินดียินร้ายที่ได้เห็นหน้าเธอ
“ทำงานหนักแบบนี้เดี๋ยวหมดหล่อน้า” โสภิดาทำเสียงกระเง้ากระงอด
“ทำไม ถ้าผมไม่หล่อคุณจะเลิกกับผมหรือไง?” ชายหนุ่มหยั่งเชิงคนตรงหน้า
“บ้า! บลูทั้งรักทั้งหลงทอร์ชขนาดนี้” เธอบอกเสียงหวาน สบตากับนัยน์ตาคมเข้มอย่างมีความหมาย
“ผมหิวแล้ว” เขารีบตัดบท ไม่เคยไว้ใจผู้หญิงคนไหนง่ายๆ ส่วนใหญ่ที่เข้ามาหาก็เพราะหลงใหลในรูปลักษณ์และเงินทองมากกว่า คำว่า 'รัก' ฟังแล้วมันน่าขำสิ้นดี
ร้านอาหารที่ธีร์ธัชเป็นฝ่ายเลือกตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก เขาไม่อยากเดินทางเพราะยังมีงานค้างอีกเยอะและรู้ดีว่าถ้าได้ออกไปต้องถูกหญิงสาวที่มาด้วยรั้งเอาไว้ แม้จะมีตำแหน่งสูงก็ไม่อาจเอาเปรียบลูกน้อง ทุกคนย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกัน
“ทอรช์คะ วันนี้บลูขอไปทานข้าวเย็นที่บ้านทอร์ชได้ไหม” ช่วงหลังๆ มานี้เธอรู้สึกถึงความห่างหายจากการไปเยือนบ้านของอีกฝ่าย
“อย่าดีกว่า เทย่าไม่อยู่บ้าน ถ้าคุณไปก็ไม่มีเพื่อน จะเบื่อซะเปล่าๆ” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงเรียบ ยิ่งทำให้โสภิดารู้สึกแย่ ใครว่าเธออยากเสวนากับแม่น้องสาวเขากันล่ะ แต่สุดท้ายก็จำต้องเก็บอาการ เธอรู้จักนิสัยเจ้าตัวดีจึงไม่กล้าโวยวายอะไรมาก
“ก็ได้ค่ะ ไว้ไปวันอื่นก็ได้” ทั้งคู่ต่างก็จัดการกับอาหารตรงหน้า จนถึงเวลาบ่ายโมงตรงเขาก็รีบกลับขึ้นไปทำงานของตัวเองต่อ
ธีร์ธัชเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานด้วยความเมื่อยล้า พอเหลือบไปเห็นว่าเป็นเวลาหกโมงเย็นชายหนุ่มก็รีบจัดการเก็บเอกสารตรงหน้าให้เรียบร้อย รู้สึกอยากกลับบ้านเร็วขึ้นมาเสียดื้อๆ กระเป๋าที่บรรจุเอกสารสำคัญถูกนำกลับบ้านดังเช่นทุกวันตามปกติถ้ามีเวลาว่างในช่วงเย็นหรือวันหยุดสุดสัปดาห์
“ป้าอิ่ม นี่ยังไม่มีใครกลับมาหรือครับ” ธีร์ธัชถามแล้วกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ตอนนี้ทั้งบ้านทั้งหลังมีเพียงแม่บ้านสูงวัยที่กำลังทำความสะอาดโซฟาอยู่ภายในห้องโถงรับแขก
“ป้าบอกคุณทอร์ชแล้วนี่คะเรื่องคุณเทย่า เอ...ว่าแต่วันนี้คุณทอร์ชกลับบ้านเร็วกว่าปกตินะคะ” หญิงสูงวัยเอ่ยทัก นึกสงสัยอีกฝ่ายทำเหมือนไม่พอใจเมื่อไม่เห็นใครในบ้านทั้งๆ ตนรายงานเรื่องน้องสาวไปแล้วเมื่อเช้านี้
“ครับ...ผมคงลืมไป อีกอย่างเบื่อๆ เลยลองกลับเร็วดูสักวัน” พูดจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบน เนื่องจากรู้ตัวว่าเพิ่งปล่อยไก่ต่อหน้าหญิงสูงวัย และตัดสินใจกลับลงมาอีกครั้งในสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดพันเอวสอบเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่
“คุณทอร์ชจะไปไหนคะ?” ป้าอิ่มถามขึ้นหลังจากหันมาเห็นสภาพของเจ้านายหนุ่ม
“ผมว่าจะออกไปว่ายน้ำหน่อย"
“ตอนนี้น่ะหรือคะ” หญิงสูงวัยถามต่อเพราะเห็นว่าเป็นเวลาเย็นเกือบพลบค่ำเพราะปกติแล้วอีกฝ่ายจะทำกิจกรรมนี้ในช่วงวันหยุดเสียมากกว่า
“ครับ...ตอนนี้” พูดจบเจ้าของร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็เดินมาถึงบริเวณสระว่ายน้ำขนาดใหญ่หน้าบ้านที่ติดกับทางผ่านห้องนั่งเล่นของครอบครัว ธีร์ธัชกระโดดลงไปในสระน้ำ ดำผุดดำว่ายด้วยท่าทางคล่องแคล่วราวกับนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ ดุดันราวกับผีเสื้อแห่งผืนสมุทรก็ไม่ปาน
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ใบหน้าคร้ามคมที่เงยขึ้นมาจากผิวน้ำมองเห็นร่างบางบริเวณประตูรั้วด้านหน้า ท่าทางดูรีบร้อนผิดปกติเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง จังหวะนั้นเขาก็รีบกระโจนขึ้นมาจากสระทันทีเมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินใกล้เข้ามา
“ไปไหนมา กลับเอาป่านนี้?” ชายหนุ่มถามเสียงหงุดหงิด ยิ่งเห็นเจ้าหล่อนทำท่าเหมือนไม่อยากเสวนาด้วยก็ยิ่งโมโห
“อะ...เอ่อ แก้มเพิ่งออกมาจากมหา’ลัยค่ะ” อินทิราก้มหน้าตอบเสียงเบา พยายามไม่มองสบตากับดวงตาคมกริบที่จ้องมาอย่างจับผิด
“แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ รู้ตัวบ้างไหมว่าไอ้กระโปรงนักศึกษาของเธอมันสั้นแค่ไหน อย่าให้ฉันเห็นเธอแต่งชุดนักศึกษาแบบนี้อีกนะอินทิรา!” เขาสั่งเสียงกร้าวดั่งคนพาล สายตาจดจ่ออยู่กับกระโปรงที่มีลักษณะเป็นจีบรอบตัว หญิงสาวก้มลงมองตามคำพูดของเขาก็ยิ่งงงหนัก เธอมั่นใจว่ากระโปรงตัวเองคลุมเข่าและถูกระเบียบมากกว่าคนอื่นๆ เสียด้วยซ้ำ
“แต่แก้มว่ามันไม่ได้สั้นอย่างที่คุณทอร์ชบอกนะคะ” อินทิราเถียงในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
“ฉันบอกว่าสั้นก็คือสั้น แบบที่ยาวกว่านี้ก็มี หวังว่าจะเห็นตัวนี้แค่วันนี้เท่านั้น” คำสั่งเฉียบขาดบ่งบอกให้รู้ว่าถ้าขืนไม่ทำตามที่สั่งจะโดนดี ใครจะมองว่ามันไม่สั้นก็ตาม แต่สำหรับเขาแล้วเพียงแค่เห็นขาขาวๆ โผล่พ้นจากกระโปรงก็ถือว่าสั้น
“ค่ะ” อินทิราจำต้องพยักหน้ายอมรับชะตา เป็นแค่ผู้อาศัยจะพูดอะไรได้
“หยิบผ้าเช็ดตัวให้ด้วย” ในขณะที่ตัดสินใจจะก้าวออกจากตรงนั้น เสียงเข้มที่เอ่ยสั่งส่งผลให้หญิงสาวชะงักอยู่กับที่ สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดข้อง มือเล็กเอื้อมไปควานหาผ้าขนหนูส่งให้และพยายามไม่หันไปมองร่างที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามของคนดูแลตัวเองดีอยู่ตลอดเวลา
“ขอบคุณนะคะคนสวย” ธีร์ธัชกล่าวคำขอบคุณเสียงหวานหยดจนน่ากลัวมากกว่าจะน่าฟัง
“ไม่เป็นไรค่ะ แก้มขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวก้มหน้าหลบสายตาที่มองมา ตั้งใจจะเดินออกจากตรงนั้นอีกครั้ง แต่มีหรือที่คนหื่นจะยอมปล่อยง่ายๆ มือหนาตามมาตะครุบเอวคอดเข้าประชิดตัว แม้จะมีผ้าห่มผืนเล็กกางกั้นแต่เธอก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก
“จะรีบไปไหน เรายังไม่ได้คุยกันเลย”
“แก้มไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทอร์ชค่ะ” อินทิราปฏิเสธเสียงอุบอิบ อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เหลือเกิน เหตุการณ์เดิมย้ำเตือนให้ต้องรีบหาหนทางหนี
“ยังโกรธฉันอยู่หรือ หืม!” คนเจ้าเล่ห์กระซิบถามชิดใบหูจนร่างในอ้อมกอดพยายามพาตัวเองหนีจากแรงปรารถนาดังกล่าว เธอไม่อยากเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกแล้ว
“แก้มไม่มีสิทธิ์โกรธคุณทอร์ชหรอกค่ะ คุณทอร์ชเป็นเจ้านาย” เธอตอบตามตรง ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจอะไร แค่นี้ก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีถ้าทำได้
“ฉันคิดว่าเธอโกรธที่เมื่อวานนี้...” พูดได้แค่นั้นเสียงหวานก็รีบแทรกขึ้นมา
“เปล่าค่ะ”
“ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะว่าเธอโกรธเรื่องอะไร” คนฟังยิ้มกริ่ม นึกดีใจที่เธอไม่โกรธจริงๆ หรือถึงโกรธเขาก็ไม่ใส่ใจ เด็กอะไรอยากน่ากินดีนั
“แก้มขอตัวก่อนนะคะ” อินทิราพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง ทว่ามือปลาหมึกที่รัดรึงเอาไว้กลับไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยง่ายๆ
ร่างบางพยายามรวบรวมแรงที่มีสะบัดตัวออกจากแผงอกกว้างสุดแรงจนสุดท้ายเกิดเสียหลักตกลงไปเพราะชายหนุ่มคลายมือออกจากเอวในขณะที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“กรี๊ดดด/เฮ้ยยย”
