บทที่ 3 อ้อมกอดคนใจร้าย [2]
มือเล็กพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาเหนือผิวน้ำ สุดท้ายก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จ หญิงสาวว่ายน้ำไม่เป็นแถมยังอยู่ในชุดนักศึกษา ที่สำคัญสระมีความลึกในระดับที่ขาเธอยืนไม่ถึงพื้น
“คะ...คุณทอร์ช ช่วยแก้มด้วย” ไม่ต้องรอให้เธอร้องขอให้เสียเวลา ธีร์ธัชรีบกระโดดลงไปในสระพร้อมกับตรงไปหาร่างที่ดำผุดดำว่ายช่วยเหลือตัวเองอย่างสุดความสามารถ ยิ่งพอเห็นเขาสองมือเล็กก็รีบโอบลำคอหนาไว้แน่นอย่างคนเสียขวัญ ชายหนุ่มตัดสินใจดำไปยังด้านล่างแล้วโผล่ขึ้นมาล็อกคอระหงจากทางด้านหลัง ค่อยๆ พาเธอไปยืนเกาะบริเวณขอบสระ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นส่งผลให้อินทิราตวัดสายตาไปมอง ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยหยดน้ำใส ความน้อยใจแล่นเข้ามาจุกอก เขาแกล้งเธอจนเกือบตาย
“ร้องไห้ทำไม” ชายหนุ่มถามเหมือนไม่รู้ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าแล้วร้องทำไม ก็เห็นอยู่” ธีร์ธัชดุเสียงเข้ม
“คุณทอร์ชมีความสุขมากหรือคะที่แกล้งแก้มแบบนี้ หรือเพราะว่าคุณทอร์ชเกลียดแก้มเลยไม่อยากให้แก้มอยู่ที่นี่” เธอถามตรงๆ บางครั้งเขาก็เหมือนจะใจดี บางครั้งก็ต้องการแกล้ง หรือความจริงเขาไม่ได้ต้องการให้เธออยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก
“ฉันเคยพูดเมื่อไหร่ว่าเกลียดเธอ” ชายหนุ่มเริ่มหัวเสียกับความคิดไม่เข้าท่าของเจ้าตัว
“ไม่ต้องพูดแก้มก็ดูออกค่ะ”
“อยากคิดแบบนั้นก็เชิญ” สิ้นเสียงธีร์ธัชก็พาตัวเองขึ้นมาจากสระ ไม่แม้แต่จะหันกลับมาใส่ใจคนที่เปียกมะลอกมะแลกเหมือนลูกหมาตกน้ำแม้เพียงหางตา อินทิรามองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยแววตาตัดพ้อ เธอก็แค่เด็กกะโปโลที่มาอาศัยบ้านเขาอยู่
“ลงไปทำอะไรในนั้นล่ะแก้ม” หญิงสูงวัยถามหลานสาวหลังรู้จากปากเจ้านายหนุ่มว่าหลานสาวเพิ่งกลับมาถึง ได้แต่หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะป้า แก้มเดินไม่ระวังเลยตกลงมา” คำปฏิเสธที่แม้ดูจะไม่น่าเชื่อ แต่พูดไปเพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นห่วง คนอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมดูออก อยู่ที่ว่านางเลือกจะไม่ซักไซ้อะไรต่อ
“งั้นก็รีบขึ้นมาอาบน้ำล้างตัวเถอะลูก เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ค่ะ” อินทิราพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ เกาะขอบสระเดินไปยังบันไดทางขึ้น ชุดนักศึกษาที่อุ้มน้ำอยู่ทำให้เกิดอุปสรรคในการพาตัวเองขึ้นมา ดีที่ว่าป้าอิ่มช่วยยืนรับจากด้านบน
อินทิราเดินเข้ามาในห้องด้วยแววตาเลื่อนลอย แค่ไม่กี่วันผู้ชายที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติครบถ้วนอย่างธีร์ธัช สามารถทำให้เด็กบ้านนอกธรรมดาๆ อย่างเธอหวั่นไหว เริ่มไม่เข้าใจว่าทุกอย่างที่เขาทำมีเหตุผลมาจากอะไร ยิ่งคิดกลับยิ่งหาไม่เจอจึงพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วรีบเดินออกจากห้องไปอาบน้ำด้านนอก
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
หลังกลับเข้าห้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียงเคาะประตูนอกห้องทำให้หญิงสาวเริ่มหวาดระแวง พอรู้ว่าผู้มาเยือนเป็นป้าอิ่มก็เบาใจ มือเล็กหยิบยางรัดผมมามัดไว้ลวกๆ แล้วรีบเดินไปเปิดประตู
“แต่งตัวเสร็จหรือยังแก้ม พอดีว่าคุณทอร์ชมีแขก ไปช่วยป้าในครัวที” หญิงสูงวัยเดินมาตามหลานสาวที่ห้อง หลังจากเห็นแขก(ที่ไม่ได้เชิญ)ซึ่งรั้งตำแหน่งคู่ควงของเจ้านายหนุ่มและมักจะใช้สายตามองนางอย่างเหยียดหยันทุกครั้งที่เจอหน้า
หญิงสาวเดินตามผู้เป็นป้าไปทางห้องครัว อดไม่ได้ที่จะแอบมองไปยังห้องโถงกว้างเพราะเป็นทางผ่าน ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นแขกที่ป้าอิ่มว่า ความสนิทสนมทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าทั้งคู่น่าจะเป็นมากกว่าเพื่อน ยิ่งภาพสุดท้ายที่เห็นอีกฝ่ายเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างทำให้เธอเกิดความรู้สึกหวิวๆ ในใจ
“ป้าอิ่ม มาตรงนี้กันก่อนสิครับ” ธีร์ธัชส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นหญิงต่างวัยทั้งคู่กำลังจะเดินผ่านไป
“แก้ม” นางหันไปส่งเสียงเรียกหลานสาว
“...” ไร้เสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อ หญิงสูงวัยสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยของอีกฝ่ายแล้วมองเลยไปทางเจ้านายหนุ่มและหญิงสาวข้างกายก็พอจะเดาออกว่าสาเหตุมาจากอะไร
“แก้ม” นางเรียกอีกครั้งเสียงดังจนคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ถึงกับสะดุ้ง
“ป้าอิ่มเรียกแก้มหรือจ๊ะ” หญิงสาวถามพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ บนใบหน้า
“ป้าเรียกแก้มตั้งนาน มัวแต่คิดอะไรอยู่ คุณทอร์ชเธอเรียกเข้าไปหา” พูดจบร่างอวบก็เดินนำหน้าเข้าไป ส่วนอินทิราก็คลานเข่าเข้ามาใกล้ๆ กับผู้เป็นป้า พอเงยหน้าขึ้นไปสายตาก็ประสานเข้ากับคนที่ไม่อยากเจอพอดี
“สวัสดีคุณบลูสิแก้ม เธอเป็นเพื่อนคุณทอร์ช” ป้าอิ่มสั่งหลานสาว ไม่ทันได้ใส่ใจเจ้าของร่างที่แทบเต้นเร่าเพราะความรู้ดีของนังขี้ข้า เสนอหน้าแนะนำว่าตนเองเป็นแค่ 'เพื่อน'
“สวัสดีค่ะ” อินทิรากระพุ่มมือไหว้คนตรงหน้าที่มีอายุมากกว่า สายตาและท่าทางที่ตอบรับกลับมาไม่มีแววว่าต้องการเป็นมิตรด้วย ถ้อยคำที่ทักทายกลับมาตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
“สวัสดีจ้ะแก้ม ชื่อก็น่ารัก น่าตาก็น่ารักนะ” โสภิดาชมแค่คำพูด ทว่าหน้าตาไม่ได้รู้สึกตามไปด้ว
“คุณบลูก็สวยมากเลยค่ะ” เธอชมกลับจากใจ
“ขอบใจจ้ะ” ใบหน้าเรียวเชิดขึ้น ทักทายแค่ตามมารยาท เป็นแค่คนใช้เธอไม่เคยคิดอยากเสวนาด้วยเท่าไหร่
“ทอร์ชขา บลูว่าวันนี้เราออกไปทานข้าวนอกบ้านกันดีกว่านะ อย่ารบกวนป้าอิ่มกับแก้มเลยค่ะ” โสภิดาหันไปอ้อนคนข้างๆ เสียงหวาน ธีร์ธัชเริ่มไม่พอใจความเรื่องมากของคู่ควงสาว แต่กลับรู้สึกอยากแกล้งใครบางคนซะอย่างนั้น
“เรากินที่นี่ดีกว่านะที่รัก กับข้าวที่ป้าอิ่มทำอร่อยทุกอย่าง” โสภิดาไม่ได้สนใจในสิ่งที่ชายหนุ่มบอก ข้างในใจต่างหากที่รู้สึกพองโตขึ้นกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกตนเองว่า 'ที่รัก'
“ถ้าทอร์ชการันตีมาขนาดนี้ บลูจะกล้าปฏิเสธได้ยังไงล่ะคะ"
“ผมรบกวนด้วยนะครับป้าอิ่ม” ชายหนุ่มฝากให้แม่บ้านสูงวัยจัดการกับอาหารมื้อเย็นจนเกือบค่ำทั้งที่ตอนแรกปฏิเสธที่จะให้เธอมีส่วนร่วมด้วย แต่เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน
“ได้ค่ะคุณทอร์ช ป้าจะรีบตั้งโต๊ะนะคะ” ป้าอิ่มยิ้มรับคำสั่งแล้วหันไปพยักหน้าเรียกหลานสาว
“แก้ม ไปช่วยป้าในครัวหน่อย”
“ระหว่างรอ เราไปหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีกว่า” ธีร์ธัชพูดเสียงดังเหมือนต้องการให้ใครอีกคนได้ยิน
อินทิราชะงักไปกับคำพูดนั้น วงหน้าสวยหันกลับไปมองก่อนที่ดวงตากลมจะประสานเข้ากับสายตากวนโอ๊ยที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวส่งค้อนวงใหญ่ไปให้แล้วสะบัดหน้าหนี รู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ เธอไม่ควรใส่ใจคนกะล่อน ทั้งๆ ที่มีแฟนแล้วแต่ก็ยังเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น
“ทอร์ชอ่ะ อายแก้มกับป้าอิ่มบ้างสิ” โสภิดาทำท่าทางเอียงอาย ในใจกลับพอใจกับคำชวนสองแง่สองง่ามนั่น
“อายทำไม เรื่องธรรมชาติ จริงไหมแก้ม?” เขาถามคนที่ยืนตีหน้านิ่ง
“ไม่ทราบค่ะ” อินทิราตอบเสียงเบาแล้วรีบเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้น รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจงใจแกล้งเธอ
