บทที่ 3 คนแบบกูมันทำไม
ผมตอบเมญ่าจากนั้นเธอก็ทำแผลของผมไปโดยไม่ถามอะไรเซ้าซี้แต่ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับเธอมากกว่าและก็ไม่ได้เกี่ยวกับไอ้โจเนสสามีสุดที่รักของเธอด้วย สายตาของผมหันมาปะทะกับใบหน้าของไอ้ยูที่ดูเงียบผิดปกติไปทั้งๆ ที่มันควรจะส่งเสียงแซวมาด้วยซ้ำไป
“มองหน้ากูหาตีนแดกหรือไงวะไอ้ยู”
“ทำเป็นโหดไปเถอะวะ” ส่งสายตามองค้อนๆ “มึงไปแอบทำอะไรมาอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ”
ทำเป็นขู่ไปเถอะครับบอกเลยว่าเจอมานักต่อนักแล้วคนที่ทำเป็นพูดแบบนี้เพื่อให้คู่สนทนาร้อนรนกระวนกระวายใจจนในที่สุดก็สามารถรับรู้ความลับนั้นไปโดยไม่ต้องเสียแรงอะไรสักนิดเดียวมันเหมือนวิธีแบบที่ไอ้ยูทำในตอนนี้ไง
“คนแบบกูไม่มีแอบทำก็ทำแบบเปิดเผย”
“เหรอครับคุณไอ้แอล”
ถึงแม้ว่าเรื่องที่ไอ้แอลคิดจะทำไม่สิมันทำขึ้นมาเรียบร้อยแล้วจะไม่ค่อยทำให้ผมเห็นด้วยมากเท่าไหร่นักแต่ยังไงในเมื่อมันตัดสินใจทำแล้วการห้ามก็คงจะไม่มีวันออกมาจากปากคนอย่างไอ้ยูคนนี้เป็นแน่ เอาวะยังไงผมก็ถูกหลวมตัวไปช่วยมันตั้งแต่ตอนแรกแล้วไงวะ
“ที่สุดครับไอ้ยูแล้วมึงก็ไม่ต้องห่วงว่าคนอย่างกูจะเลิกคบหรือรังเกลียดคนอย่างมึงเลย มันไม่มีวันแน่ๆ ไม่เชื่อคอยดู”
“เพราะกูเป็นเพื่อนที่ดีของมึงสินะ”
รอยยิ้มหวานจนแทบทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัวผุดขึ้นจากริมฝีปากของไอ้ยูแต่มันก็ต้องหุบลงทันทีไม่ได้ยินประโยคต่อมา
“ไม่วะ มึงเก็บความลับของกูเอาไว้เยอะต่างหาก”
“ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะของไอ้โจเนสดังขึ้นแถมมองไปยังไอ้ยู “ตอนจบโคตรรพีควะ”
“พีคห่ามึงสิไอ้โจเนส”
ผมพูดขึ้นกับไอ้โจเนสที่เข้ามาเสือกแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แอลแต่มันก็ไม่สนใจหันไปมองหน้าไอ้แอลต่อ ผมสามารถรับรู้ได้ทันทีว่ารายต่อไปจากผมคงเป็นไอ้แอล
“ส่วนมึงวางแก้วเหล้าแล้วเอามือออกไปห่างๆ เมียกู” โถ่ที่แท้ก็หวงเมีย “ไม่งั้นก็กลับบ้านไปหาเมียมึงซะไอ้แอล...”
“อูย...สุดยอดกูขอคาราวะมึงไอ้โจเนส” นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าประโยคนี้ไอ้โจเนสมันจะกล้าพูดกับไอ้แอลที่นั่งอยู่ข้างกายผมจนทำเอามันเป็นใบ้ไปเลยแต่ไอ้แอลก็ทำเฉยอีกทั้งยังคว้าเหล้าทั้งขวดมาดื่มโชว์เหมือนว่าดื่มน้ำ “ไงมึงถึงกับดื่มเหล้าย้อมใจ?”
“ไม่วะก็แค่เฉยๆ” ผมไม่ว่าเปล่าพลางส่งสายตาไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นพร้อมขยิบตาเล็กน้อยก่อนที่จะใช้ร่างกายวาดลวดลายการเต้นแสนเซ็กซี่เย้ายวนโยกย้ายส่ายสะโพกไม่ห่างออกไปมากเท่าไหร่แค่เพียงระยะหนึ่ง ถึงแม้เธอจะอยู่ในท่ามกลางแสงไฟสลัวเพื่อนฝูงหลายคนที่ต่างอ้อมล้อมอยู่ก็ตามที “อีกอย่างนะโว้ยยัยนั่นไม่ใช่เมียวะไอ้โจเนส”
ก่อนที่ร่างสูงผอมจะลุกขึ้นเดินออกไปทันทีโดยไม่วางขวดเหล้าในมือ ผมมุ่งหน้าออกไปด้านหลังคลับเพื่อเว้นผู้คนที่มากมาย ความจริงแล้วที่แบบนี้ผมไม่ชอบเท่าไหร่นัก ไม่รู้สิถ้าคนอื่นๆ อาจจะว่าผมตอแหลผมไม่สนใจอยู่แล้วที่แบบนี้ล้วนมีอบายมุขหลากหลายจนบางครั้งแทบคิดไม่ถึงว่ามันจะมีอย่างตอนนี้ในซอกตึกซอกมุมต่างๆ ด้านหลังล้วนมีหนังสดแสดงโดยที่ไม่ต้องพึ่งการดูละครด้วยซ้ำไปเพียงแค่เบี่ยงสายตามองอยากดูรสชาติแบบไหนเลือกได้ตามสบาย
เพล้ง!
ขวดเหล้าถูกโยนออกจากมือใหญ่ทั้งที่ดื่มไม่ถึงครึ่งขวดอย่างไม่นึกเสียดายเพียงแค่เขาต้องการมือให้ว่างมาคว้าบุหรี่ยี่ห้อหรูในกระเป๋ากางเกงด้านหลังเข้ามาสูบพิงกำแพงมืดๆ
สายตาสีนิลดำมองสู้เบื้องบนฟ้าที่มีดวงจันทร์กลมสวยส่องสว่าง แสงจันทร์ส่องลงมากระทบผิวเขาเหมือนกับเป็นการถูกโอบกอดก่อนจะมีสายลมเย็นๆ พัดเข้ามากระทบกับใบหน้าขาว
“มายืนทำอะไรคนเดียวคะอยู่ด้วยคนได้หรือเปล่า?”
แต่ความคิดของผมต้องหยุดชะงักลงมาสาวคนเมื่อกี้เข้ามายืนพิงกำแพงด้วยแววตาแวววับมีเสน่ห์ถ้าใช้กับผู้ชายคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผม
ฝ่ามือเล็กนั้นเริ่มทำงานโดยค่อยๆ ไต่ขึ้นเข้ามาสอดคล้องวางไว้บนไหล่กว้างทีละนิดๆ ส่วนอีกข้างเธอก็สอดไว้ไปที่เอวสอบของผมเหมือนกัน
“สูบบุหรี่ไม่เห็น?”
