บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

“พูดถึงพ่อเจ้า ป่านนี้สึกหรือยัง...หืม”

“ยังเลยครับ หลวงพ่อเคยเปรยๆ ไว้ว่า จะบวชแบบไม่มีกำหนดสึก”

“เฮ้อ...นั่นก็อีกคน มีพลังแต่กลับใช้ไม่เป็น ออกบวชซะอย่างนั้น” ดีแลนส่ายหน้าให้บุตรชายคนโต ที่ได้รับพลังงานพิเศษเฉกเช่นเดียวกับตน แต่กลับเลือกที่จะเก็บพลังงานนั้นไว้กับตัวเอง โดยใช้ธรรมะของพระพุทธศาสนาเข้ามาขัดเกลา

ผิดกับไรเกอร์ที่ไม่ได้มีพลังใดๆ แต่กลับเลือกที่จะเสาะแสวงหาความพิเศษให้เป็นที่ยอมรับ แม้จะทำผิดมหันต์ก็ไม่ได้สำนึกกลัวในบาป

“แล้วแม่เจ้าล่ะ เป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม” ดีแลนเอ่ยถาม นั่นเพราะตอนนี้แม่ของทีปต์อยู่ที่เมืองไทย

“สบายดีครับ แม่ยังบ่นว่าเมื่อไหร่ปู่จะไปเยี่ยม”

“แล้วทำไมแม่เจ้าไม่มาเยี่ยมปู่เสียเอง รอกันไปรอกันมาแบบนี้ เมื่อไหร่จะได้เจอกัน” ดีแลนส่ายหน้าให้สะใภ้คนโต จะว่าไปเขากับแม่ของทีปต์ก็ไม่ค่อยสนิทสนมกันสักเท่าไหร่ นานๆ จะถามไถ่ถึงกันสักครั้ง

“นั่นสิครับ”

“เอาเถอะๆ เดี๋ยวแม่เจ้าก็มาที่นี่เองแหละ แม้จะไม่กี่วันก็เถอะ”

“ปู่พูดแบบนี้ แสดงว่าต้องมองเห็นอะไรในอนาคต” ทีปต์ยิ้มกริ่ม เพราะคุยกับปู่ทีไร เขามักจะได้ล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคตมาแบบคร่าวๆ บางครั้งก็เป๊ะจนเขาอ้าปากค้างมาแล้ว

“เห็นแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้” คนฟังเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ถามออกไปปู่ก็คงไม่ตอบตามเคย ดีแลนยิ้มให้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย

ทั้งคู่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน กระทั่งเกือบสี่ทุ่มก็ขอตัวกลับ โดยปู่ของเขาขอสร้อยหินเส้นนั้นกลับไปด้วย เพื่อจะได้ลงอาคมให้ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากอีกไม่นาน เจ้าของสร้อยเส้นนี้ต้องสวมมันอีกครั้ง

โรสกำลังหิวโซ ร่างกายของเธอตอนนี้ซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด ขนสีขาวสะอาดกลับกลายมาเป็นสีน้ำตาลเพราะเลอะดิน สามวันมานี้ เธอไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำ นั่นเพราะเธอล่าเหยื่อไม่เป็นนั่นเอง

เมื่อความหิวเข้าครอบงำทำให้เธอนึกถึงทีปต์ขึ้นมา ที่นั่นมีที่นอนนุ่มๆ นมอุ่นๆ ให้กิน โรสจึงตัดสินใจหวนกลับไปหาชายหนุ่มทันที

“อดทนหน่อยโรส อดทนหน่อย” โรสเอ่ยบอกตัวเองให้อดทน กระทั่งเดินมาถึงบ้านของทีปต์ เธอเดินลัดเลาะไปตามกำแพง พร้อมๆ กับหันซ้ายหันขวาสำรวจความปลอดภัยให้ตัวเองด้วย กระทั่งเดินมาพบช่องตรงกำแพงจึงมุดเข้าไป และทันทีที่โผล่หน้าขึ้น กลิ่นกับข้าวหอมๆ ก็ลอยมาเตะจมูก

โรสหน้ามืดตาลายเดินตามกลิ่นนั้นไปราวกับถูกมนตร์สะกด กระทั่งมองเห็นไก่อบวางอยู่บนโต๊ะ เธอไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ถึงกระโดดงับไก่ที่อยู่บนนั้นได้อย่างสบายๆ จากนั้นก็รีบคาบมันออกไป เป้าหมายคืออุโมงค์ต้นไม้ที่เคยหล่นไปอยู่

“อ้าว! ฉิบหายไก่ล่องหน” ทีปต์ยืนงง เพราะเวลานี้ไก่ย่างบนโต๊ะได้ล่องหนหายไปเสียแล้ว เขาก้มๆ เงยๆ มองหา ทั้งๆ ที่ในมือตอนนี้ยังคงถือแก้วไวน์ที่เพิ่งไปรินมาเมื่อครู่ เพราะตั้งใจจะมานั่งฉีกน่องไก่พร้อมๆ กับดื่มไวน์ไปด้วยเสียหน่อย แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด

“หายไปไหนอีกแล้ววะเนี่ย อย่าบอกนะว่ามีคนหรืออะไรมาขโมยไปอีก...หืม” ชายหนุ่มครางในลำคอ สงสัยวันนี้จะอดกินไก่ย่างเป็นแน่แท้ วันปิดโปรเจกต์ที่อุตส่าห์จะนั่งจิบไวน์พร้อมกินไก่ย่างไปด้วยมีอันต้องจบลงตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

ที่สำคัญไปกว่างาน นั่นคือของสดชิ้นเดียวที่มีอยู่ในตู้เย็นเสียด้วย ถ้าจะกินอีกก็ต้องขับรถออกไปซื้อที่ซูเปอร์มาเก็ต แค่คิดชายหนุ่มก็หมดอารมณ์จนต้องยกไวน์ในแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ตามด้วยนมอีกขวดใหญ่ และปิดท้ายด้วยขนมปังอีกสองชิ้น เป็นอันว่ามื้อเย็นจบเพียงแค่นี้

โรสหลบมากินไก่ย่างทั้งน้ำตา นั่นเพราะคิดถึงครอบครัวมาก รวมทั้งหดหู่ใจกับเรื่องของตัวเองมากด้วยเช่นกัน นั่นเพราะไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้กลับมาพบกันอีกหรือไม่ รวมทั้งไม่รู้ว่าเธอจะกลับไปเป็นคนได้อีกหรือเปล่า

หมาป่าตัวน้อยสะอึกสะอื้นอยู่ในอุโมงค์ต้นไม้ แม้จะเสียใจและไร้ทางออก แต่โรสก็ให้สัญญากับตัวเองว่าเธอต้องอยู่ให้เป็นและอยู่ให้รอด เพื่อรอวันที่จะได้กลับไปพบครอบครัวอีกครั้ง

“อีกแล้ว ทำไมพักนี้ของกินมันหายบ่อยจัง หรือจะมีขโมย ได้ๆ อยากมาล้วงคอไอ้ทีปต์ มาเจอกันสักยกหน่อยเป็นไง” ทีปต์เท้าสะเอวมองอาหารบนโต๊ะที่มันต้องอันตรธานหายไปอีกครั้ง

หลายวันมานี้ รู้สึกเหมือนตนเองนั้นถูกลูบคมอย่างบอกไม่ถูก กลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ หิวก็หิว แต่เพราะอยากกินของถูกปากเลยลงมือทำเอง แต่สุดท้ายต้องมานั่งหัวเสียเรื่องถูกขโมยอาหารบ่อยๆ แบบนี้อีก ไม่ว่ายังไง เขาต้องจับหัวขโมยนี้ให้จงได้

เมื่อหมายมั่นปั้นมือไว้แล้ว ทีปต์ก็ขับรถออกไปซื้ออุปกรณ์ที่ซูเปอร์มาเก็ตมาเตรียมไว้ทันที พร้อมๆ กับแวะหาอะไรกินด้วยเสียเลย

วันรุ่งขึ้น เขาจึงค่อยๆ ย่างเนื้อทำเบอร์เกอร์ให้หอมกรุ่น ลงทุนใช้เนื้อหอมๆ ในการล่อจับขโมยให้ได้ชนิดคาหนังคาเขา ทุกอย่างในบ้านอยู่ครบ แต่ของกินหายตลอดแบบนี้ โดยเฉพาะมื้อเย็น เขายอมไม่ได้อีกเด็ดขาด

“แกเสร็จฉันแน่ ไอ้หัวขโมย” ขณะวางเนื้อที่สุกได้ที่แล้วลงบนแผ่นเบอร์เกอร์ ทีปต์ก็วางยานอนหลับลงไปตามด้วยชีสเยิ้มๆ และผักสักเล็กน้อย หวังให้ส่วนผสมทั้งหมดช่วยกลบยาที่แอบสอดไว้เพื่อจับหัวขโมย

จากนั้นก็นำแฮมเบอร์เกอร์ไปวางไว้บนโต๊ะเพื่อล่อจับหัวขโมย แต่จังหวะที่กำลังจะก้าวขึ้นไปชั้นบนก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“ถ้ายานอนหลับมันอ่อนไปหรือหัวขโมยมันรู้ตัวก่อน ไม่ยอมกินแฮมเบอร์เกอร์ที่เราทำขึ้นมาจะทำไง” ทีปต์พึมพำ ก่อนจะยิ้มกับแผนที่ผุดขึ้นมาในสมอง จึงก้าวยาวๆ ขึ้นบันได จากนั้นก็ตรงไปยังห้องนอน เปิดตู้แล้วนำกล้องถ่ายรูปออกมาเปิดเป็นโหมดอัดวีดีโอ แล้วจึงกลับลงมาที่ชั้นล่าง หามุมซ่อนกล้องเสร็จก็กลับขึ้นไปรอที่ชั้นบนอย่างคนอารมณ์ดี

เสียงผิวปากดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ ส่งเสียงเรียกเข้า ทีปต์จึงเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับสาย

“ว่าไงคุณเลขา” เสียงทุ้มที่น่าฟังและเป็นกันเองเอ่ยทักทาย แต่สีหน้านั้นดูเรียบเฉยนัก เพราะหากเลขาส่วนตัวโทร.หาเขาในวันหยุดแบบนี้ อาจเพราะเรื่องงาน ซึ่งดูเหมือนทีปต์จะเดาได้ถูก

“มีงานด่วนค่ะเจ้านาย”

“โอเค เดี๋ยวผมเข้าไปบริษัทตอนนี้”

“ขอบคุณค่ะ” ปลายสายเอ่ยรับแค่นั้นก่อนจะกดวางไป ทีปต์รู้ว่างานของเขาตอนนี้นั้นไม่ค่อยเป็นเวลา เพราะใกล้จะส่งมอบงานชิ้นสำคัญ เขาเองก็ไม่อยากให้งานชิ้นนี้ผิดพลาดด้วย

ชายหนุ่มหยิบกุญแจรถและกระเป๋าเอกสารเพื่อจะออกไปจากบ้าน แต่ไหนๆ ลงทุนจะจับขโมยถึงขั้นนี้แล้ว จะเลิกก็เสียดายแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโต จึงเปิดบ้านรับมันเสียเลย โดยไม่ลืมที่จะโทรบอกเจสันเพื่อนบ้านให้คอยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel