บทที่ 7
ความหิวโหย ทำให้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด หากมนุษย์หิว สิ่งที่จะตอบสนองได้คือการหาอะไรลงท้อง ซึ่งการกระทำนั้นก็คงไม่แตกต่างไปจากสัตว์ ที่ต้องเอาตัวให้รอดจากความหิวโหยด้วยเช่นกัน โรสที่ตอนนี้ยังคงเป็นหมาป่าค่อยๆ เดินลัดเลาะผ่านกองหิมะมายังบ้านหลังเดิม หลังที่เธอมักจะได้ของกินอร่อยๆ ไปกินที่อุโมงค์ต้นไม้เสมอๆ และหวังว่าคืนนี้จะมีของอร่อยวางอยู่บนโต๊ะอีก
“ว้าว! แฮมเบอร์เกอร์นี่นา” แค่เห็นแฮมเบอร์เกอร์ที่เต็มไปด้วยชีสตรงหน้า โรสก็น้ำลายไหล พร้อมๆ กันนั้น เธอก็ใช้จมูกดมกลิ่นเจ้าของบ้านอย่างลืมตัว แต่ทว่านี่คือพรสวรรค์ของหมาป่าเลยก็ว่าได้
“หายไปไหนของเขากันนะ” เอ่ยจบก็เดินสำรวจหาชายหนุ่มไปรอบๆ บ้าน นั่นเพราะวันนี้โรสไม่ได้กลิ่นของทีปต์ จึงเดาเอาเองว่าเขาคงรีบร้อนออกไปข้างนอกเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลืมที่จะล็อกบ้านแบบนี้
“ไหนๆ คุณก็ทำของอร่อยๆ ให้ฉันกินบ่อยๆ วันนี้จะตอบแทนด้วยการอยู่เฝ้าบ้านให้แล้วกัน” หมาป่าสาวพึมพำออกมา แต่ดูเหมือนจะเข้าข้างตัวเองอยู่ในที เพราะเออออว่าทีปต์ตั้งใจทำอาหารไว้ให้ตนเสมอ รวมทั้งแฮมเบอร์เกอร์ที่แสนจะน่ากินชิ้นโตนี่ด้วย
โรสกระโดดขึ้นบนเก้าอี้ พักนี้เธอเริ่มชินกับการอยู่ในร่างของหมาป่าจึงคล่องแคล่วมากขึ้น เพราะต่อให้ไม่ชินเธอก็ต้องชิน ไม่อย่างนั้นคงตายก่อนที่จะได้พบครอบครัว คิดเสียว่านี่คือบททดสอบจากพระเจ้า
ก่อนจะคาบแฮมเบอร์เกอร์มากินบนพื้นอย่างไม่รีรอ รสชาติของมันช่างอร่อยล้ำ อร่อยจนไม่ทันสังเกตว่าในแฮมเบอร์เกอร์มียานอนหลับซุกซ่อนอยู่
ทันทีที่กินแฮมเบอร์เกอร์หมดชิ้น อาการง่วงก็เข้าครอบงำจนไม่อาจต่อต้านได้ไหว โรสรับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้ เธอพยายามจะกลับไปยังอุโมงค์ต้นไม้ แต่เดินถึงแค่หน้าประตูสติก็พลันดับวูบไปเสียดื้อๆ ซึ่งเป็นจุดที่ทีปต์วางกล้องไว้พอดิบพอดี
ผ่านไปสี่ชั่วโมง ทีปต์ก็เคลียร์งานเสร็จและกลับเข้าบ้าน ทันทีที่ก้าวผ่านประตูมาก็ต้องชะงักเท้า นั่นเพราะเกือบจะเหยียบหมาป่าตัวน้อยที่ยังคงไม่ได้สติเพราะยานอนหลับเข้าเสียแล้ว
“ที่แท้หัวขโมยก็คือแกสินะ เจ้าหมาน้อย” ทีปต์ส่ายหน้าให้หัวขโมยสี่ขา ที่ดูเหมือนจะเจาะจงขโมยมื้อเย็นเขาเป็นหลัก
ชายหนุ่มย่อตัวลงไปนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ แม้กลิ่นสาบจะแรงเพราะขนของโรสนั้นสกปรกเต็มไปด้วยคราบดินโคลน แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจและยื่นมือไปลูบหัวมันเบาๆ
“หายไปอยู่ไหนมา ตัวเหม็นขนาดนี้...หืม” ชายหนุ่มส่ายหน้าให้ กะว่ารอให้มันตื่นจะจับอาบน้ำเสียใหม่ แต่ยังไม่ทันจะลุกไปไหน โรสก็ค่อยๆ ขยับตัว
“ไง...ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่ดังขึ้นข้างหูทำให้โรสลนลาน พอหันมาเห็นว่าเป็นทีปต์กลับมองชายหนุ่มนิ่ง ทั้งกลัวทั้งอยากอยู่ใกล้ ความรู้สึกสองอย่างนี้สับสนอลหม่านในใจไปหมด
“อื้อ” โรสพยักหน้ารับ แต่เสียงที่ทีปต์ได้ยินก็แค่หมาป่าตัวน้อยครางหงิงๆ ให้เท่านั้น
“ไป...เดี๋ยวฉันอาบน้ำให้ ตัวจะได้หอมๆ จากนั้นเราค่อยมาคุยกันว่า ทำไมแกถึงชอบมาขโมยมื้อเย็นของฉันนัก” ทีปต์พูดพร้อมๆ กับอุ้มหมาป่าขึ้นแล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำทันที โดยที่โรสนั้นส่งเสียงค้านตลอดทาง
“เดี๋ยวๆ ไม่เอา ฉันไม่อยากอาบน้ำ ไม่นะ” จบคำนี้ น้ำอุ่นๆ ก็ถูกรดใส่ตัวพร้อมๆ กับแชมพูที่ทีปต์จงใจเทใส่หลังของเจ้าหมาป่ามากหน่อย
แม้จะสงสารเพราะอากาศเย็น แต่จะไม่ให้อาบน้ำให้ก็คงไม่ได้ เพราะตัวมันสกปรกมาก รอบแรกที่อาบน้ำ ตามตัวของโรสแทบไม่มีฟองด้วยซ้ำ กระทั่งรอบที่สาม ขนที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเพราะเปื้อนดินโคลนก็ค่อยๆ เปลี่ยนกลับมาเป็นสีขาว ตามเนื้อตามตัวก็ดูสะอาดสะอ้านมากขึ้น
ฝ่ามืออุ่นๆ ของทีปต์ที่คอยทำความสะอาดตามจุดนั้นจุดนี้บนตัว ก็ทำเอาโรสหน้าแดงก่ำ นั่นเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอถูกชายหนุ่มสัมผัสไปทุกสัดส่วน แม้ร่างนี้จะเป็นร่างของหมาป่าก็เถอะ แต่จิตใจก็ยังเป็นเธออยู่ดี มันจึงวาบหวามชวนขาอ่อนจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
“รอตรงนี้ เดี๋ยวฉันมา” เอ่ยสั่งจบ ทีปต์ก็ก้าวออกจากห้องน้ำ ไม่ถึงนาทีเขาก็กลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่ และทันทีที่กลับมา ก็เห็นโรสยืนสั่นเป็นลูกนกทีเดียว
“มาเร็วเข้า จะได้หายหนาว” ชายหนุ่มรีบคว้าหมาป่าตัวน้อยเข้ามากอด พร้อมๆ กับเริ่มเช็ดตัวให้โรส ขนบนตัวของเธออ่อนนุ่มและหอมกลิ่นอ่อนๆ ของแชมพู ซึ่งเป็นขวดเดียวกับที่เขาใช้
เมื่อตัวโรสหมาดดีแล้ว ทีปต์ก็อุ้มเธอขึ้น ก้าวยาวๆ ตรงไปยังโซฟา ทิ้งตัวลงไปนั่งพร้อมๆ กับจับโรสให้นั่งอยู่บนตัก โดยมือหนายังคงเช็ดหัว เช็ดตัว ซับน้ำให้เธอไปด้วย
“อื้อ…แบบนี้ค่อยน่ามองขึ้นมาหน่อย ตะกี้มันหมาคลุกโคลนชัดๆ”
“ก็หมาน่ะสิ แม้แต่ก่อนจะเป็นคนก็เถอะ”
“หิวไหม เอ้! แกไม่น่าจะหิว เพราะแอบเข้ามาซัดแฮมเบอร์เกอร์ไปหมดทั้งชิ้นแล้วนี่” เอ่ยจบก็ยื่นมือมาจิ้มพุงกลมๆ ของหมาป่าตัวน้อยอย่างชอบใจ แต่ดูเหมือนโรสจะไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่ เพราะแอบส่งเสียงขู่กลับไปเบาๆ
“เป็นไง ยานอนหลับฉัน กินเข้าไป หลับสบายไหม”
“ยานอนหลับ อะไร?” โรสฟังแล้วก็งง เพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ส่วนทีปต์ก็เหมือนจะรู้ จึงเฉลยให้ฟัง
“ทำหน้างงเป็นหมาสงสัยไปได้ ก็แฮมเบอร์เกอร์นั่น ฉันสอดยานอนหลับไว้จับหัวขโมยที่แอบย่องมาขโมยมื้อเย็นฉันบ่อยๆ สุดท้ายก็จับได้ เป็นแกนี่เอง...เจ้าไวท์” คนฟังที่ตอนนี้แม้จะไม่ได้อยู่ในร่างของมนุษย์ถึงบางอ้อ มันน่ากระโดดกัดคนตัวโตนี่นักเชียว ก่อนจะงงกับประโยคท้ายๆ ของชายหนุ่ม
“ไวท์”
“ต่อจากนี้ไป ไม่ต้องมาขโมยอะไรกินอีก ฉันจะเลี้ยงแกเอง ตกลงตามนี้นะ” โรสได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ ขณะนั้นทีปต์ก็ยังคงเช็ดขนให้เธออย่างไม่หยุดมือ
หมาป่าตัวน้อยนั่งคิดกับตัวเอง เพราะไม่แน่ว่า สวรรค์อาจกำหนดให้เธอกลายเป็นหมาป่าและต้องมาอยู่ที่นี่ก็เป็นได้ แม้จะอยากออกตามหาครอบครัวมากแค่ไหน แต่ที่ผ่านมา เธอก็คว้าน้ำเหลวและเกือบเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ
“มาถึงขั้นนี้แล้ว ตกลงก็ตกลงอ่ะ” โรสตอบตกลง แต่เสียงครางหงิงๆ ของเธอก็ทำให้ทีปต์ยิ้มออกราวกับฟังออกก็ไม่ปาน
“ดีมากไวท์ ต่อจากนี้แกชื่อว่าไวท์นะ ส่วนฉันชื่อทีปต์ ยินดีที่ได้รู้จักแกอย่างเป็นทางการ”
“คุณทีปต์” หมาป่าตัวน้อยขานรับเป็นภาษาหมา
“นี่ก็ดึกแล้ว ไปขึ้นนอนกัน” ไวท์ คือชื่อหมาป่าตัวน้อยที่เขาตั้งให้ตามสีขนของมัน ชายหนุ่มอุ้มมันขึ้นมาไว้บนแขน จากนั้นก็พาลงไปยังห้องนอน ที่ตอนนี้ย้ายจากชั้นบนไปอยู่ชั้นใต้ดินของบ้าน เพราะที่นี่หากหิมะตกหนัก อากาศจะหนาวยะเยือกถึงขั้นติดลบ นอนชั้นใต้ดินจึงอุ่นกว่ามาก
เมื่อมาถึงเตียง ทีปต์ก็กระโดดขึ้นไปนอนทั้งๆ ที่ยังคงอุ้มโรสอยู่ นั่นเพราะตั้งใจจะให้เธอนอนด้วย แต่โรสกลับกระโดดลงมานอนที่พื้น แม้ทีปต์จะตามมาอุ้มขึ้นเตียง เธอก็กระโดดลงมาที่เดิมตลอด เขาจึงจนใจ จัดการเตรียมที่นอนให้เธอบนพื้นแทน
“ใครจะไปนอนกับคุณได้กัน ไม่มีทางหรอก” ต่อให้เป็นหมาป่า แต่โรสก็ยังคงมีความเป็นมนุษย์และเขินอายหากต้องนอนบนเตียงเดียวกันกับทีปต์
นอนเบาะนุ่มๆ ที่เขาหามาให้นี่ก็น่าจะเหมาะกว่า แต่โรสกลับนอนร้องไห้ เพราะจิตใต้สำนึกยังคงคิดถึงแต่ครอบครัว รวมทั้งเรื่องของตัวเธอเอง ที่ไม่รู้ว่าต้องกลายเป็นหมาป่าแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
