บทที่ 3
ร่างที่สลบไปนานหลายชั่วโมง เพราะถูกรถชนเข้าอย่างจัง ค่อยๆ รู้สึกตัวในตอนเช้าของอีกวัน ก่อนจะคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จำได้เพียงแค่ว่า หลังจากแอบเข้าไปขโมยสเต๊กที่หอมชวนกินมาได้ ก็รีบร้อนจะกลับไปหาแม่และน้อง
แต่ขณะที่กำลังจะข้ามถนนตรงทางโค้ง บวกกับความไม่ทันระวัง จึงถูกรถชนเข้าอย่างจัง แรงชนทำให้ร่างบางกระเด็นกระดอนหล่นตุ้บมาอยู่ในที่แคบๆ นี้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แต่พอขยับตัวมากไปก็ต้องร้องอุทานออกมา
“โอ๊ย! เจ็บ” โรสพยายามขยับร่างกาย แต่ในนี้มันแคบมากจริงๆ แคบจนคิดไม่ออกว่าเธอหล่นมาอยู่ได้ยังไง ก็ในเมื่อเธอตัวออกจะใหญ่ขนาดนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
ใช่แล้ว…ในนี้มันแคบเกินไป โรสตั้งสติและเธอก็เริ่มสำรวจตัวเอง แสงสว่างที่สาดส่องจากภายนอกเข้ามา ทำให้รู้ว่าตอนนี้แขน ขาและร่างกายของเธอไม่เหมือนเดิม ทำไมเธอถึงกลายมาเป็นหมาป่าได้ ทำไมกัน?
“ไม่จริง!!!” โรสกรีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก พยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมเธอจึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แต่ทว่ากลับมืดแปดด้าน ไร้คำตอบ
“ทำไมเรากลายมาเป็นแบบนี้ ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่” คำถามของโรสยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะร่างกายที่เปลี่ยนไป ทำให้ลืมความเจ็บไปชั่วขณะ กระทั่งนึกถึงพ่อ แม่และน้องสาวขึ้นมา
“พ่อ แม่ ฮันน่า” หมาป่าสาวพึมพำ ก่อนจะหยุดคิดเรื่องตัวเองเอาไว้ก่อน แล้วฮึดพาร่างที่ยังคงบอบช้ำจากแรงชนออกจากอุโมงค์ต้นไม้ ที่ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอันขาวโพลน
เมื่อมุดออกมาได้ก็หันซ้ายหันขวามองหาทิศทาง จากนั้นก็ออกแรงวิ่งสุดกำลังกลับไปยังบ้านร้าง แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอกลายร่างเป็นหมาป่าแล้ววิ่งไปบนหิมะ แต่มันกลับเต็มไปด้วยสัณชาตญาณอันคุ้นเคยราวกับฝังอยู่ในสายเลือด ซึ่งนี่คือความจริงที่พ่อกับแม่ยังไม่เคยบอกให้โรสรับรู้ถึงตัวตนที่ซ่อนอยู่
หมาป่าสีขาวสะอาดมาหยุดอยู่หน้าบ้านร้าง ก่อนจะมุดกำแพงผุพังเข้าไปภายในโดยหวังให้ตัวเธอนั้นได้พบกับครอบครัว แต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า
“พ่อ แม่ ฮันน่า อยู่ไหนกันคะ” โรสพยายามเอ่ยเรียกทั้งสามคน แต่กลับไร้ซึ่งเสียงขานรับ ความกลัว ความสับสนในตัวเองว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ในร่างของหมาป่าเช่นนี้
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้หัวใจของโรสสับสนจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอตัดสินใจวิ่งหาครอบครัวอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับตะโกนเรียกหาไปด้วย
แต่การปรากฏตัวของหมาป่าที่ร้องส่งเสียงเห่าหอนจนดังก้อง ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากันแตกตื่น
“หมาป่า หมาป่าเข้ามาในหมู่บ้าน” สิ้นเสียงตะโกน เหล่าผู้ชายก็มาพร้อมอาวุธครบมือ จากนั้นก็เริ่มออกไล่ล่าด้วยปืนและอาวุธที่พวกเขามี
“มันวิ่งไปทางนั้นแล้ว ยิงมันสิ เร็วเข้า ยิง”
ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นไล่หลังมาติดๆ กระสุนนัดหนึ่งยิงเฉียดถูกแถวๆ ขาด้านหน้าของโรส เธอโซซัดโซเซหาที่หลบซ่อน กระทั่งมาหมดสติอยู่ข้างๆ ต้นไม้
ที่นอนนี้ช่างอุ่นเหลือเกิน
มือคู่นี้ช่างอ่อนโยนจนทำให้ความกลัวค่อยๆ จางหาย จะใช่พ่อกับแม่หรือเปล่านะ
“ฟื้นแล้วเหรอเจ้าหมาป่าตัวน้อย” เสียงทุ้มดังขึ้น เมื่อเห็นหมาป่าสีขาวที่เขาได้ช่วยชีวิตมันไว้เมื่อวันก่อนค่อยๆ ขยับตัว
หมาป่าที่ถูกคนในละแวกนี้ไล่ล่าจนมันถูกยิงเข้าที่หน้าขา แถมร่างกายก็บอบช้ำ ตัวเล็กแค่นี้คงพลัดหลงจากฝูง ถึงได้มาป้วนเปี้ยนอยู่ในหมู่บ้าน
โรสค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง ทันทีที่ได้สบตาเข้ากับผู้ชายตัวโต นัยน์ตาสีเทาเข้ม บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นกับหัวใจเธอทันที คล้ายแสงที่มันวิ่งมากระทบหัวใจ ส่งผลให้มันเต้นแรงและรัวมาก หัวใจเธอเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงเต้นแรงไม่หยุดแบบนี้
“ไม่ต้องกลัวไป ฉันไม่ทำอะไรแกหรอก” ทีปต์ยื่นมือไปยังหมาป่าตัวน้อยที่ออกอาการกลัวเขา หวังจะสัมผัสมันให้หายกลัว
แต่โรสกลับรีบกระเถิบหนีไปชิดกำแพง ตัวเธอสั่นเทาด้วยอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้ทีปต์ยิ่งสงสาร
“แกถูกยิงที่ขา ฉันทำแผลให้แล้ว อีกไม่กี่วันคงหาย แล้วนี่หิวหรือยัง ถ้าหิวก็รอก่อน เดี๋ยวหาอะไรมาให้กิน” ชายหนุ่มถามเองแล้วก็ตอบเอง นั่นเพราะคิดเอาเองว่าหมาป่าคงฟังคำถามเขาไม่ออก หรือต่อให้ฟังออกก็คงตอบกลับมาเป็นภาษาคนไม่ได้เป็นแน่
แต่น่าแปลก ทำไมโรสถึงฟังเขาพูดรู้เรื่องเช่นนี้ได้ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้พูดภาษาอังกฤษแม้สักประโยคเดียว หรือเพราะเธออยู่ในร่างนี้ ถึงฟังเขารู้เรื่องก็ไม่รู้เช่นกัน
เธอเผลอสบตาเขาไปอีกครั้ง โดยใจนั้นก็ยังคงเต้นแรงอยู่ ทั้งกลัว ทั้งประหม่า แต่ลึกๆ สัณชาตญาณของเธอบอกว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้
ทีปต์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินไปหยิบนมอุ่นๆ มาเทใส่ถ้วย แล้วนำมาวางตรงหน้าเจ้าหมาป่าที่ยังคงแสดงอาการหวาดกลัวเขาอยู่
“กินเสียสิ” เสียงน่าฟังเอ่ยบอก พร้อมๆ กับเพ่งมองหมาป่าตัวน้อย จากการเช็ดเลือดทำแผลที่ผ่านมา ทำให้เขารู้ว่ามันเป็นเพศเมีย
โรสยังคงนิ่ง ไม่ทำตามที่ทีปต์บอก เธอดูระแวดระวัง ทั้งๆ ที่ท้องนั้นหิวจนไส้จะขาด
“กินเถอะ จะได้มีแรงไปตามหาครอบครัวแกไง” คำพูดนี้ของทีปต์ทำให้โรสฉุกคิดขึ้นมาได้ เธอต้องกินเพื่อรักษาตัวเอง แล้วจากนี้จะไปตามหาครอบครัวให้พบจงได้
“หรืออยากอยู่ที่นี่กับฉัน...หืม”
“ไม่” โรสเอ่ยตอบ แต่ทีปต์กลับได้ยินแค่เสียงครางหงิงๆ จากเธอเท่านั้น และแปลความหมายเอาเองว่าหมาป่าตัวน้อยตอบตกลงที่จะอยู่กับตนเองที่นี่
เพราะถึงแม้ใครต่อใครจะตามไล่ล่ามัน เหตุเพราะกลัวอันตราย แต่เท่าที่เขาดูแล้ว หมาป่าตัวนี้ดูน่ารักและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกๆ คนคิดสักนิด เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนก็คงไม่เสียหายอะไร แต่ก็อยู่ที่เจ้าหมาป่าตัวนี้ด้วย ว่ามันเต็มใจจะอยู่กับเขาไหม
“อยากอยู่ก็ให้อยู่ รีบกินซะ”
“ไม่อยู่ ฉันจะไปตามหาพ่อ แม่และน้องสาว” โรสปฏิเสธอีกครั้ง แต่ทีปต์ก็ยังคงไม่เข้าใจคำพูดของหมาป่าอย่างเธออีกตามเคย
“อ่ะๆ ไม่ต้องขอบอกขอบใจฉันนักหรอก กินซะ ถ้าไม่อิ่มจะเติมนมให้อีก” เอ่ยจบ ทีปต์ก็ขยับถ้วยใส่นมมาใกล้โรสอีกครั้ง
หมาป่าสาวลังเล แต่ก็ยอมก้มหน้าลงไปกินนม รสชาตินมอุ่นๆ ในปากทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด นมอุ่นๆ มื้อแรกหลังจากเธออยู่ในร่างของหมาป่า นมอุ่นๆ ที่ผู้ชายตัวโตและเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอหามาให้ แต่ผู้ชายคนนี้คือคนที่ช่วยชีวิตของเธอไว้ แต่เธอก็ยังคงระแวง
นมในถ้วยหมดไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนโรสจะยังไม่อิ่ม ทีปต์เองก็มองออก จึงเดินไปหยิบนมมาเทให้อีกครั้ง และมากกว่าครั้งแรกด้วย
“เป็นไง อิ่มแล้วสิ พุงกางขนาดนั้น” ทีปต์เอ่ยยิ้มๆ สายตามองไปยังพุงหมาป่าตัวน้อยที่ตอนนี้กลมบ๊อกเพราะในนั้นคงเต็มไปด้วยนม
เมื่ออิ่ม โรสก็ง่วงจนฝืนไม่อยู่ อาจเพราะร่างกายเธอต้องการเวลาเพื่อฟื้นฟูจึงผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
“เอ้า! หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน หลับง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ...หืม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม แต่โรสกลับไม่ได้ยิน นั่นเพราะเธอหลับสนิทไปเสียแล้ว
ทีปต์หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวหมาป่าไว้ เพื่อให้ตัวมันอุ่นขึ้น จากนั้นก็กลับไปทำงานของตัวเองต่อ โดยตั้งใจจะแวะมาดูอีกทีหลังจากเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว
ผ่านไปสองชั่วโมง ทีปต์ก็กลับมายังจุดที่หมาป่าสีขาวนอนอยู่ พร้อมนมอุ่นๆ ในมือ แต่เขากลับมองไม่เห็นมันอีกแล้ว
ชายหนุ่มจึงเดินหาไปทั่วบ้าน กระทั่งมองเห็นรอยเท้าหมาบนหิมะ ที่บ่งบอกว่ามันวิ่งไปยังประตูแล้วหายไปบนถนน
“ถ้าไม่มีที่ไป ก็กลับมาแล้วกัน” เขาต้อนรับมันเสมอ แต่ก็ใช่ว่าจะพูดประโยคนี้บ่อยๆ เพราะบางคน ทีปต์ก็ไม่อยากให้หวนกลับมา คิดถึงเรื่องนั้นแล้วก็ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาหนักๆ สองสามครั้ง
