บท
ตั้งค่า

ตอนที่3.

ร่างของสตรีนางนั้นยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งสีทอง นางหมุนกายเดินผ่านท้องทุ่งกว้าง ร่างงามระหงสวมผ้าสีชมพูกลีบบัวพันรอบอกสล้าง ยามเยื้องกาย... ผ้าโปร่งบางซ้อนซับสลับชั้นเป็นสีรุ้งบนสะโพกกลมกลึง ทิ้งชายยาวกรุยกราย... สะบัดพลิ้ว...ตามสายลม สายรัดเอวประดับอัญมณีหลากสี ห้อยสายเพชรระย้า ส่องประกายระยิบระยับ วิบวาว งดงามประหนึ่งนางอัปสรบนสรวงสวรรค์

ภาพถูกดึงเข้าไปใกล้จนมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดเจน ริมฝีปากอิ่มใต้สันโค้งของจมูกเล็ก เจือสีระเรื่อคล้ายกลีบกุหลาบแย้มละไม เสียงนุ่มนวล แกมเศร้าดังก้องออกมา

“เจษฎา...กลับมาหาข้าเถิด... ข้ารอท่านอยู่...”

“ผมไม่ใช่เจษฎา... ผมชื่อรวินท์...”

ชายหนุ่ม เผลอไผลตอบโต้สตรีในภาพนิมิต ด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“ท่านคือเจษฎาของข้า... องค์เจษฎานราเทพ...”

ศีรษะได้รูปตั้งตรงคล้ายยืนยัน ลำคอระหงสวมสร้อยอุบะเส้นใหญ่ ประดับเพชรเม็ดเล็กตามลวดลายดอกไม้ ตรงกลางแผงสร้อยห้อยจี้อัญมณีสีอำพันเม็ดใหญ่ ประกายวาววามสะท้อนนัยน์ตา ปลายนิ้วเรียวเสลาแตะบนอัญมณี แล้วปลดมันออกมาจากสร้อยคอ ส่งให้ชายหนุ่ม

“ผลึกจันทร์ จักนำท่านกลับมาหาข้า...”

รวินท์ยื่นมือออกไปรับอย่างลืมตัว หากภาพของหญิงสาวกลับเลือนหายไป ทิ้งไว้เพียงม่านหมอกสีขาวลอยกรุ่น...

เขามองจี้ห้อยคอจุดกำเนิดภาพอย่างฉงน ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ

ทันทีที่อัญมณีสัมผัสฝ่ามือ!

ม่านหมอกสีขาว ก็ลอยเข้าห่มคลุมรอบกายจนขาวโพลน กลางม่านหนาสีขาวแสงสีอำพันสว่างจัดจ้า ออกมาจากอัญมณีในอุ้งมือ สาดกระจายเป็นจุดเล็กๆก่อนจะขยายวงกว้าง ลำแสงนั้นคล้ายมีพลังดูดกลืนสรรพสิ่งให้เข้าไปสู่ใจกลาง หมุนคว้าง...ลอยละลิ่ว...

เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น!

...กริ๊ง...กริ๊ง... กริ๊งงงงงงงงง

รวินท์สะดุ้งสุดตัว ผุดลุกขึ้นนั่ง เหงื่อไหลท่วมร่าง เขามองไปรอบกายอย่างมึนงง นาฬิกาปลุกบนหัวเตียงแผดเสียงลั่น ชายหนุ่มยื่นมือไปกดปิด เสียงถอนหายใจแรงๆดังขึ้น

“ฝันไปหรือเนี่ย...”

เขาครางในคอเบาๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าตามความเคยชิน หากความแสบร้อนราวกับถูกนาบด้วยเหล็กเผาไฟ วาบเข้ามาในความรู้สึก จนสะดุ้งสุดตัว

“โอ๊ย!”

ชายหนุ่มหงายมือออก เขามองดูฝ่ามือขวาของตนเอง อาการแสบร้อนเกิดขึ้นที่มือข้างนั้น คิ้วดกหนาขมวดชนกัน ดวงตาดำขลับไหววูบ เมื่อมองเห็นรอยแดงๆปูดนูนขึ้นกลางฝ่ามือ

ลักษณะของรอยแดงเป็นวงรีรูปไข่ ขนาดเท่าอัญมณีสีอำพันที่ ประดับบนจี้ห้อยคอ นาม ผลึกจันทร์!

อาคารพิพิธภัณฑ์

ร่างสูงเพรียวสวมเสื้อนอกสีเข้มสาวเท้ายาว เดินเข้าไปในอาคาร พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหน้าอาคาร รีบยกมือทำความเคารพ รวินท์พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน นาฬิกาโบราณด้านหน้าห้องโถงส่งเสียงดังกังวาน บอกเวลาแปดนาฬิกา...

ภายในห้องโถงใหญ่ ส่วนจัดแสดงรูปปั้น และเทวรูป แม่บ้านสามคนกำลังช่วยกันทำความสะอาด เมื่อนายจ้างเดินผ่าน พวกเธอเหล่านั้นต่างวางมือจากงาน ยกมือไหว้พร้อมทักทาย

“สวัสดีค่ะบอส”

รวินท์ค้อมศีรษะรับนิดหนึ่ง แล้วเดินตัวตรงผ่านไป

“บอสของเรายังกับรูปปั้น”

แม่บ้านสาวหนึ่งในสามนั้น แอบนินทาเจ้าของร่างสูง ที่เดินลับไป

“ถ้าไม่หล่อมาดแมนแบบนี้ มีหวังถูกแฟนขอเลิกแหงๆ ฉันต่อให้ร้อยเอาดินก้อนเดียว”

แม่สาวอีกคน ขยับเข้าไปใกล้คนแรก กระซิบกระซาบออกความเห็น

“น่าเสียดายเนอะ หน้าตาหล่อไม่แพ้แบรดพิท แต่นิสัยโหดยิ่งกว่าท่านเคาท์แด็กคิวล่า”

แทบไม่มีใครเคยเห็นนายจ้างยิ้มโชว์ฟันขาวให้เห็น นอกจากทำหน้าเคร่ง จนดูเหมือนยิ้มไม่เป็น แถมยังเจ้าระเบียบ เข้มงวดจนพนักงานกลัวหัวหด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครคิดจะลาออกสักคน เพราะการทำงานที่โรงแรมแห่งนี้มีรายได้ดี สวัสดิการยอดเยี่ยม หากทำงานในหน้าที่ไม่บกพร่อง ปลายปีมีโบนัสก้อนใหญ่เป็นกำลังใจให้พนักงานอีกด้วย

“พวกหล่อนสองคนหยุดนินทา แล้วรีบทำงานให้เสร็จซะทีสิยะ เดี๋ยวบอสกลับออกมาตรวจงาน จะโดนกันทั่วหน้า”

เสียงแหลมของคนที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม แหวใส่สองสาวนักนินทา เบรกทัพน้ำลายที่ทำท่าจะลามปรามให้หยุดไหล

“ไปแล้วค่า... คุณหัวหน้า”

คนโดนบ่นมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มขำ รีบสลายตัวแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองคนละมุม

นายใหญ่แห่งภูวันดากรุ๊ป เดินไปยังปีกซ้ายของห้องโถง สุดทางเดินเป็นห้องสมุด เขาหยุดอยู่หน้าห้องเอื้อมมือซ้ายไปหมุนลูกบิดประตู ทันใดนั้นเอง มือขวาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ทำให้เจ้าของชะงักงัน ยกมือขึ้นมาดูใกล้ ๆ

ภาพความฝันเมื่อคืนวาบผ่านเข้ามาในมโนนึก แม้ความแสบร้อนจะจางหายไปบ้างแล้ว แต่รอยแดงยังคงนูนเด่นกลางฝ่ามือ มันประหลาดเกินกว่าจะทนนิ่งเฉยอยู่ไหว ความพิศวงบวกกับต้องการพิสูจน์ความจริง ทำให้เขาอยากมาดูจี้ห้อยคอโบราณอันนั้น

“ถ้ารอยแดงไม่ยุบ คงต้องไปให้หมอดูสักหน่อย” เสียงพึมพำดังขึ้นเบาๆ

ลูกบิดประตูถูกหมุนอีกครั้ง บานประตูเปิดกว้างออก คนเปิดแทรกตัวเข้าไปด้านใน หากต้องตกใจกับสภาพที่เห็น ไฟในห้องเปิดสว่างจ้า ทั้งที่ควรปิด สภาพของห้องเละเทะ เกลื่อนกระจายด้วยกองหนังสือ ราวกับถูกใครเข้ามารื้อค้น ตู้หนังสือหลายใบล้มลงมา ระเนระนาดไปหมด รวินท์รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“คุณยุทธ์มาที่ห้องสมุดหน่อย เอาพนักงานมาด้วยสักสองสามคน”

เขาไม่บอกรายละเอียดอะไรกับคนปลายสาย รอให้อีกฝ่ายมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับตา ก่อนจะเล่นงานในข้อหาบกพร่องต่อหน้าที่ เป็นผู้ดูแลฝ่ายรักษาความปลอดภัยแต่ปล่อยให้มีคนเข้ามาในพิพิธภัณฑ์แบบนี้ สมควรจะรับผิดชอบความผิดครั้งนี้ยังไง!

เมื่อวางสายแล้ว รวินท์จึงสำรวจความเสียหายภายในห้องต่อ เขาเก็บหนังสือบนพื้นกองไว้เพื่อเปิดทางให้เดินเข้าไปด้านใน

พลัน! สายตามองเห็นสิ่งหนึ่งอยู่กลางห้องนั้น คนเห็นตกตะลึงตัวชา หัวใจแทบหยุดเต้น...

ร่างๆหนึ่งพอมองออกว่าเป็นเพศชาย นอนคู้ตัวอยู่บนพื้นห้อง ร่างนั้นสวมเสื้อผ้าสีดำทั้งชุด เหมือนนักย่องเบา ใบหน้าสวมทับด้วยหมวกไหมพรมสีดำโผล่เพียงลูกตา มองเห็นลูกนัยน์ตาเหลือกโปนถลนออกนอกเบ้า มือข้างหนึ่งสวมถุงมือสีดำเอาไว้ มืออีกข้างที่ปราศจากถุงมือ นิ้วทั้งห้าหงิกงอแห้งกรอบ สภาพร่างกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมา ดำเกรียมเหมือนก้อนถ่าน หากยังคงรูปร่างเดิมไว้ ลักษณะของผู้ตายคล้ายได้รับความเจ็บปวดทรมานอย่างสาหัสก่อนตาย...

รวินท์กลั้นใจมองสำรวจร่างไร้วิญญาณนั้นต่อ เขาต้องสะดุ้งเฮือก! เมื่อเห็นนาฬิกาบนข้อมือของผู้ตาย หัวใจดิ่งวูบความเสียดร้าวแล่นมาจุกหน้าอกจนเจ็บแปลบ

“พี่วัต..” ชายหนุ่มครางเสียงแผ่ว

ผู้ตายไม่ใช่ใครอื่น หากเป็น... ไรวัต พี่ชายบุญธรรมของเขานั่นเอง!

เสียงฝีเท้าของคนหลายคนเข้ามาภายในห้องนั้น คนที่ยืนอยู่ไม่มีท่าทีรับรู้ จนกระทั่ง

“เกิดอะไรขึ้นครับ คุณรวินท์”

ยุทธ์หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยถามขึ้น

ไม่มีคำตอบจากนายจ้างนอกจากปลายนิ้วที่ยกขึ้น ชี้ให้ดูอะไรบางอย่างตรงหน้า ดวงตาหกคู่ด้านหลังพร้อมใจกันเบิกกว้าง

“คนตาย!”

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ปิดป้ายห้ามคนเข้า

ภายในห้องสมุดเต็มไปด้วยกองหนังสือที่หล่น กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ส่วนหนึ่งถูกเก็บมากองไว้ข้างผนัง เปิดทางให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบหาร่องรอยต่างๆในห้องนี้ ผู้คนต่างทำงานในหน้าที่ตน ทั้งถ่ายรูป เก็บหลักฐานกันขวักไขว่

ซากที่อยู่กลางห้องถูกเก็บใส่ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ วางบนเปลสนามเตรียมขนย้าย นายตำรวจหนุ่มเจ้าของคดี รูดซิปเปิดถุงตรวจดูสภาพศพ ก่อนจะรูดปิด แล้วโบกมือให้เคลื่อนย้ายศพออกไปจากห้องนั้น หลังจากเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เบื้องต้นแล้ว

“สภาพศพแห้งเกรียมเหมือนถูกไฟไหม้ แต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับไม่มีร่องรอยของไฟไหม้ ไม่พบคราบน้ำมันหรือเชื้อไฟบนตัวผู้ตาย จะว่าถูกไฟช็อตก็อาจเป็นไปได้ แต่บริเวณที่พบศพไม่พบการรั่วของกระแสไฟฟ้าเลย ลักษณะการตายแบบนี้ผมไม่เคยพบมาก่อน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel