4. ตบนอกบท
“พี่ทิพย์รู้ข่าวยัยนีน่ารึยังคะ เรื่องที่มันถูกคุณหญิงรวยรื่นโพสต์สั่งสอนมันน่ะ”
เสียงของโชติกา ถามผู้จัดการส่วนตัวด้วยสีหน้าแสดงความสะใจ เธอเป็นคู่แข่งของเนตรอัปสร มาตั้งแต่แรกก่อนเข้าวงการ จนกระทั่งได้มาเป็นนักแสดงที่ค่ายกุหลาบแดงของประกายแก้วเช่นเดียวกับเนตรอัปสร
“สมน้ำหน้ามัน โดนซะเละเลย อยากจะรู้นักว่าช่องมิวสิคทู จะยังเอานังเด็กปากเสียไปปั้นเป็นนักร้องออกคอนเสิร์ตอยู่อีกไหม”
ทิพย์อาภา แสยะยิ้มด้วยความสะใจเช่นเดียวกับโชติกา
“นั่นสิคะ บี๋ก็จะคอยดูหน้ามัน เวลาที่มันมากองถ่ายยังจะยิ้มหน้าระรื่นได้อีกไหม” โชติกาหรี่ตาทำปากเหยียดยิ้ม
“อย่าเผลอไปพูดอะไรให้มันได้ยินเชียวนะคะน้องบี๋ เดี๋ยวพอเข้าฉากที่ต้องตบตีกัน เกิดมันตบบี๋ขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็จะเจ็บตัวฟรี”
ทิพย์อาภา เตือนด้วยความเป็นห่วง
“บี๋ก็มีมือมีเท้าเหมือนกันไม่ปล่อยให้มันทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอกค่ะพี่ทิพย์”
“แล้ววันก่อนที่มันผลักอกน้องบี๋ที่ห้องแต่งตัวนั่นล่ะ น้องบี๋ทันได้โต้ตอบมันไหมล่ะ”
ทิพย์อาภา รู้สึกเจ็บใจแทน
“ก็วันนั้นเผอิญพี่ผจญกับพี่จุ๊บเดินเข้ามาพอดีหรอกค่ะไม่งั้นบี๋ลุกขึ้นตบมันไม่ยั้งแน่”
โชติกา พูดด้วยความเสียดายที่ไม่ได้เอาคืน
“แต่น้องบี๋ทำถูกแล้วที่ลุกขึ้นมาทำท่าร้องไห้อ่อนแอไม่สู้มัน”
“ก็บี๋รู้น่ะสิคะว่าอยู่ต่อหน้าผู้กำกับกับผู้จัดต้องทำยังไง บี๋แสดงบทผู้ดีไม่ตอบโต้มันไงคะ ถึงได้รับคำชมและความเห็นใจจากพี่จุ๊บ ส่วนนังนีน่า ก็ถูกมองเป็นนางร้ายนอกจอจนนักข่าวเอาไปเขียนให้ใครต่อใครได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของมัน ตอนนี้แฟนคลับมันก็เริ่มหายไปเยอะแล้วด้วย”
โชติกา บอกด้วยสีหน้าของผู้กำชัยชนะ
“น้องบี๋นี่ฉลาดไม่เบานะ ทุกคนสงสารน้องบี๋ หันไปเกลียดยัยนีน่ากันหมด”
“พี่ทิพย์ก็ฉลาดเหมือนกันค่ะ ที่ขยันอัพรูป โพสข้อความแฉพฤติกรรมนังนีน่า ส่งให้ทางเพจอีเจน”
ทั้งสองสาวหัวเราะประสานเสียงกันด้วยความสุขใจ โดยไม่ทันสังเกตุเห็นคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่อีกสองคน
“อู้ย..เอ็นจอยกันใหญ่เลยนะฮ้า ท่าทางคงจะเมามันส์กับการนินทาชาวบ้านน่าดู”
หัสวรรษ พูดขึ้นลอย ๆ ผ่านหูคนทั้งคู่ ทำให้เสียงหัวเราะนั้นหยุดกึกอย่างอัตโนมัติ หันมาจ้องหน้าหัสวรรษกับเนตรอัปสร ด้วยแววตาขุ่นเคือง
“อย่าไปขัดขวางความสุขของพวกจิตทรามเลยค่ะพี่ป๊อก คนระดับอย่างพวกเราไม่ต้องไปเกลือกกลั้วกับของต่ำ ๆ จะดีกว่า”
เมื่อหัสวรรษกำลังทำตัวเป็นปี่ เนตรอัปสรก็รีบเป็นขลุ่ยทันทีเพื่อจะได้พูดให้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยหวังโจมตีคู่อริให้อกแตกต่อหน้าต่อตา ซึ่งก็ได้ผลเสียด้วย เมื่อทิพย์อาภา เดินปรี่เข้ามาหาหัสวรรษด้วยสีหน้าท่าทางอยากมีเรื่อง
“นังป๊อก! นังนีน่า! ด่าพวกฉันเหรอ..ฮึ!”
“เออ! แล้วจะทำไมยะ”
หัสวรรษไม่ได้มีท่าทีจะกลัวทิพย์อาภาแต่อย่างใดเขากลับเดินส่ายอกเข้าใส่ แววตาดุดันพร้อมที่จะลุย
“ว้าย!..ต่ำ ใครกันแน่ที่ต่ำ สถุล!”
ทิพย์อาภา ถอยกรูดเมื่อถูกหัสวรรษเดินเข้าหา แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ออกกำลังแข้งขาใส่กันก็มีเสียงของประกายแก้ว ผู้จัดละครค่ายกุหลาบแดง ส่งเสียงมาเป็นกรรมการห้ามทัพพอดี
“นี่ นี่..กองถ่ายนะแม่คู้น เขาจะถ่ายละครกัน ไม่ใช่เวทีมวยแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว..ไป๊!”
“ขอโทษค่ะพี่จุ๊บ..พวกเราไม่คิดจะมีเรื่องกับใครหรอกนะคะ แต่อยู่ดี ๆ ก็มีคนมาหาเรื่องพวกเราก่อน”
ทิพย์อาภารีบฟ้องเอาไว้ก่อน เพราะถือว่าพูดก่อนมีสิทธิ์ก่อนเป็นการได้เปรียบคู่ชกไปอีกหนึ่งขั้น
“เอาเถอะ พี่ขอล่ะ ช่วยสามัคคีกันให้ละครเรื่องนี้จบซะก่อนได้ไหม เรื่องต่อไปไม่ต้องมาชนกันอีกแล้ว ขี้เกียจเป็นกรรมการ”
ประกายแก้ว พูดจบก็เดินเลี่ยงออกไปดูความเรียบร้อยอีกทางหนึ่งด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“อย่าไปยุ่งกับพวกสอพลอตอแหลให้เสียเวลาเลยค่ะพี่ป๊อก เราไปแต่งหน้ากันดีกว่า”
เนตรอัปสร ทิ้งทุ่นระเบิดคำพูดเอาไว้เสร็จก็รีบคล้องแขน หัสวรรษ ผู้จัดการคู่ใจเดินเชิดหน้าออกไปทันที
“ฮื้อ..นังนีน่าปากเสีย..ฉันจะเอาคืนพวกหล่อนให้ได้”
โชติกา พูดตามหลังด้วยความแค้นใจ
“เอาไว้ตอนเข้าฉากกับมันก่อนสิ น้องบี๋ค่อยเอาคืน”
ทิพย์อาภา แนะนำด้วยความเจ็บใจ
“เอาคืนยังไงคะพี่ทิพย์” โชติกา มีแววตาสนใจ
“ถือโอกาสตบจริงมันตอนเข้าฉากซะเลยสิ”
ทิพย์อาภา หรี่ตาแฝงความกระหยิ่มยิ้มย่อง
“แต่บทที่เล่น บี๋ต้องแพ้มันนะคะพี่ทิพย์”
“แพ้ก็แพ้สิคะ แต่มันก็มีบทที่น้องบี๋ต้องเป็นฝ่ายตบมันก่อนอยู่แล้ว ก็เอาให้หนักเลย เราแพ้มันแค่ในจอ แต่นอกจอเราก็แกล้งมันให้แนบเนียนได้นี่คะ”
สองสาวพยักหน้าให้แก่กันแววตาฉายความเจ้าเล่ห์
เนตรอัปสร รู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิกับการท่องบทเท่าที่ควร คอยแต่จะกังวลคิดถึงภาพเขียนภาพนั้นโดยเฉพาะแววตาหวานซึ้งของชายในภาพนั้น สะกดให้เธอถวิลหาได้อย่างน่าอัศจรรย์นัก ยิ่งตอนนี้เธอคิดออกแล้วว่าผู้ชายในภาพนั้นช่างคล้ายคลึงกับเทพบุตรในฝันของเธอเหลือเกิน ยิ่งนึกออก ก็ยิ่งอยากจะได้ภาพนั้นมาเป็นเจ้าของให้ได้ ต่อให้ต้องเพิ่มราคาอีกเท่าตัวเธอก็ยอมจ่าย
“พี่ป๊อกคะ..ช่วยเอามือถือของนีน่ามาให้หน่อยสิคะ”
เนตรอัปสร เดินไปหาหัสวรรษที่รถ
“จะโทรหาใครคะ ตอนนี้เขากำลังจะถ่ายฉากต่อไปแล้วนะฮ้าเอาไว้ถ่ายจบแล้วค่อยโทรดีกว่าฮ่ะ”
หัสวรรษ บอกด้วยความหวังดีไม่อยากให้เนตรอัปสร ถูกคนในกองถ่ายมองว่าไม่ตั้งใจทำงาน หัสวรรษ รู้สึกว่าทุกคนในกองถ่ายจ้องที่จะจับผิดเนตรอัปสรกันอยู่
“ไม่ได้ค่ะ นีน่าคงไม่มีสมาธิทำงานแน่หากไม่ได้คุยเรื่องนี้”
“แหม..อะไรจะขาดกันไม่ได้ขนาดนั้นฮ้า..มิกกี้ไม่ไปไหนหรอก เขาก็คลั่งไคล้นีน่าไม่แพ้กัน รอให้ถ่ายฉากสำคัญผ่านไปก่อนค่อยคุยนะคะ พี่จะกดโทรให้เอง”
หัสวรรษเข้าใจว่าคนที่เนตรอัปสรอยากจะโทรศัพท์ไปหาคือมิกกี้ นักร้องหนุ่มวงปริ๊น ที่กำลังตกเป็นข่าวด้วยกันนั่นเอง
“นีน่าไม่ได้อยากจะโทรหามิกกี้ซะหน่อย”
เนตรอัปสร ค้อนผู้จัดการส่วนตัว
“อุ๊ย! ไม่ใช่มิกกี้เหรอคะ งั้นใครกัน..อย่าบอกนะฮ้าว่ากำลังไปปิ๊งหนุ่มคนใหม่แล้ว”
“ไม่ใช่หนุ่มที่ไหนทั้งนั้นแหละ นีน่าจะโทรหายัยซาซ่า”
“โทรหาน้องซาซ่าเหรอคะ”
หัสวรรษยิ้มแหย ๆ ที่คาดการณ์ผิดหมด
“ใช่ค่ะ พี่ป๊อกติดต่อให้นีน่าด่วนเลยค่ะ”
เนตรอัปสร สั่งเสียงเข้ม ทำให้หัสวรรษรีบทำตามความต้องการทันทีเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาจริงจังของคนสั่ง
“ไม่รับสายฮ่ะ ” หัสวรรษบอก
เนตรอัปสร มีสีหน้ากลัดกลุ้มจนทำให้หัสวรรษรู้สึกแปลกใจ
“คุณนีน่าคะ ผู้กำกับให้มาตามค่ะทุกคนพร้อมที่จะเข้าฉากแล้วนะคะ”
เสียงของคนที่ดูแลในกองถ่ายวิ่งเข้ามาบอก คนที่มาตามเนตรอัปสรนั้นบอกด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก พอพูดจบเจ้าหล่อนก็เดินสะบัดก้นไปทันที
“ฮื้อ!..นังเปิ้ล ทำจองหองนัก ถือว่าเป็นพวกนังบี๋ล่ะสิ”
เนตรอัปสร มองตามหลังคนที่มาตามด้วยความหมั่นไส้ เธอเดาได้ไม่ยากเหตุที่ทุกคนในกองถ่ายไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอก็คงเป็นเพราะโชติกากับทิพย์อาภานั่นเอง ที่ไปพูดสร้างภาพให้เนตรอัปสรดูเป็นคนไม่ดี ถูกมองเป็นนางเอกขาวีน ทั้งที่ความจริงเธอระงับความเจ้าอารมณ์ของตัวเองไปได้ตั้งครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เก็บความกราดเกรี้ยวเอาไว้ไประบายกับคนที่บ้านแทนโดยเฉพาะวิไลสาวใช้
“รีบไปเถอะฮ่ะ อย่าให้คนอื่นเขาว่าเราได้” หัสวรรษเตือน
“งั้นพี่ป๊อกช่วยส่งไลน์ไปบอกยัยซาซ่าว่านีน่าอยากรู้เรื่องภาพเขียนนะคะ”
“ภาพเขียนอะไรฮ้า..”
“พี่ป๊อกอย่าเพิ่งรู้เลย แค่ทำตามที่นีน่าบอกก็พอแล้ว”
เธอเริ่มมีน้ำเสียงหงุดหงิด
“จ้า.. พี่จะจัดการให้ นีน่ารีบไปเข้าฉากเถอะ”
หัสวรรษ รู้อารมณ์อีกฝ่ายดีจึงรีบรับปากและไล่ให้เธอรีบไปเข้าฉากถ่ายละคร
เนตรอัปสร เดินแกมวิ่งไปยังสถานที่จะเข้าฉาก ซึ่งเป็นบทที่เธอกับโชติกา จะต้องปะทะคารมกันถึงขั้นลงไม้ลงมือกันด้วย
“เอ๊า..นีน่า รีบมาเข้าฉากเร็วเข้า ทุกคนเขารออยู่”
ผจญ ร้องบอกเสียงดังจนทำให้เนตรอัปสร รู้สึกว่าตัวเองเป็นปัญหาของการทำงาน เธอนึกโทษโชติกาที่ทำให้ถูกมองไปแบบนั้น
“เอาล่ะ..นีน่ายืนอยู่กับที่นะ ส่วนบี๋เดินเข้าตบนีน่า..พร้อมนะ” ผู้กำกับพูดเสียงดัง
“พร้อมค่ะ”
เนตรอัปสร ตอบรับทั้งที่ในใจยังพะว้าพะวงมัวแต่กังวลเรื่องภาพเขียนว่าเธอจะได้มันมาครอบครองเป็นเจ้าของหรือไม่ หากไม่ได้เธอคงไม่มีความสุขแน่ อดนึกเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปภาพวาดนั้นไว้ในมือถือ เอาไว้เสร็จงานแล้ว จะต้องรีบโทรไปสั่งให้น้องสาวถ่ายภาพนั้นส่งทางไลน์มาให้เพื่อจะได้เก็บชายหนุ่มในฝันนั้นไว้ดูยามนึกถึง
“บี๋ล่ะ พร้อมหรือยัง” ผู้กำกับหันไปถามโชติกาบ้าง
“บี๋พร้อมตั้งนานแล้วค่ะ ซ้อมจนจำขึ้นใจไม่ได้ไปเถลไถลเหมือนใครบางคน”
โชติกา พูดกระทบไปถึงเนตรอัปสร แต่ฝ่ายที่ถูกพูดถึงมัวแต่คิดเรื่องภาพวาดจึงไม่ได้ใส่ใจที่จะฟัง ซึ่งนับเป็นเรื่องดีที่จะไม่ต้องปะทะคารมกันไปมา
“กล้องพร้อมนะ”
ผจญ หันไปถามตากล้องบ้าง แต่ไม่ทันที่เขาจะสั่งให้เริ่มทำการแสดงก็เห็นโชติกาเดินเข้าไปตบหน้าเนตรอัปสรเสียงดังทำให้คนที่ถูกตบตั้งตัวไม่ทันล้มลงไปกองอยู่บนพื้นหญ้า แต่พอลุกขึ้นมาได้เนตรอัปสร ก็เป็นฝ่ายเดินปรี่เข้าไปใช้เท้าเตะที่ลำตัวของโชติกาทันทีด้วยความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายเจตนาทำร้ายโดยที่ผู้กำกับยังไม่สั่งจนทำให้ตั้งตัวไม่ทัน
“ว้าย!..นีน่า มาเตะบี๋ทำไมเนี่ย”
โชติการ้องเสียงหลงถอยหลังกรูดด้วยความตกใจ
“แล้วเธอล่ะ มาตบฉันทำไม”
เนตรอัปสร ย้อนถามแววตาไม่พอใจ
“เฮ้ย! เฮ้ย ไม่มีในบทโว้ย” ผจญร้องเสียงดังลั่น
โชติกา รีบวิ่งไปหาผู้กำกับ แต่เนตรอัปสร ก็ตามจะไปทำร้ายต่อ ทว่าถูกผจญ และคนในกองถ่ายช่วยกันดึงตัวเอาไว้ ในขณะที่ทิพย์อาภา ก็ไม่ปล่อยให้พลาดโอกาสทองนี้ไป จึงรีบกดบันทึกภาพต่าง ๆ ลงในมือถือ เพื่อเตรียมคัดเลือกภาพที่จะทำให้เนตรอัปสรเสียหายไปประจานโพสลงในสื่อโซเชียล
“ปล่อยนะ นีน่าจะไปตบมันคืน”
“นีน่า..อย่าให้มีเรื่องกันเลยนะ” ผจญ ขอร้องสีหน้าเบื่อหน่าย
“ก็ยัยบี๋มันถลาเข้ามาตบนีน่าก่อนทำไมล่ะ นีน่าไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฝ่ายเดียวหรอกนะคะ”
เนตรอัปสร พูดด้วยความโกรธที่เป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน เธอยอมถูกมองเป็นนางร้ายดีกว่าจะเป็นนางเอกที่ยอมให้โชติกาทำร้ายเธออยู่ฝ่ายเดียว
“ไม่จริงนะนีน่า..ฉันทำตามบทไม่ได้ทำร้ายเธอนอกบท”
โชติการีบบอกด้วยสีหน้าแสดงความเจ็บปวด โดยกุมท้องในขณะที่พูดด้วย
“ไม่ต้องมาแก้ตัว เมื่อกี้ผู้กำกับยังไม่ได้สั่งอะไรเลย แกก็แถมาตบฉัน แบบนี้มันตั้งใจชัด ๆ”
เนตรอัปสร พูดด้วยความมั่นใจเพราะไม่ได้ยินเสียงสั่งจากผู้กำกับจริง ๆ
“ไม่จริงค่ะทุกคน บี๋สาบานได้ บี๋ได้ยินเสียงของพี่ผจญสั่งแอ๊คชั่นแล้วค่ะ”
โชติกา หันไปขอความเห็นใจจากทุกคนที่มามุงดูด้วยความสนใจ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ และเป็นไปตามคาดโชติกาถูกมองเป็นนางเอกผู้อ่อนแอ ถูกเนตรอัปสรเป็นฝ่ายรังแกตามเคย
“โถ..น้องบี๋ ถูกนีน่าทำร้ายเอาอีกแล้วหรือคะเนี่ย”
ทิพย์อาภา รีบวิ่งเข้ามาพูดเสียงดังพร้อมกับกอดโชติกาไว้แนบอกเป็นการปลอบใจ
“เกิดอะไรขึ้นฮ้า..”
เสียงของหัสวรรษถามขึ้นด้วยความตกใจ เขาวิ่งมาเพราะมีคนไปบอกว่าคนของเขาทำร้ายตบตีโชติกา
“ก็ยัยบี๋สิคะ..พอเข้าฉากปุ๊บผู้กำกับไม่ทันจะสั่งให้เล่นเลยมันก็ปรี่มาตบหน้านีน่า จนตั้งตัวไม่ทันล้มฟุบลงกองกับพื้น มันก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้าง” เนตรอัปสรบอกหัสวรรษ
“เปล่านะคะพี่ป๊อก บี๋ไม่ได้ตั้งใจสักนิด นึกว่าผู้กำกับสั่งแล้วก็เลยเดินไปตบตามบท ไม่ได้เจตนาที่จะตบจริงซะหน่อย แต่นีน่าสิคะกระโดดถีบบี๋จนจุก เล่นนอกบทแบบนี้ บี๋ก็แย่สิคะ”
โชติกา ทำเสียงออดอ้อนให้คนมองเห็นใจ ซึ่งก็ได้ผลทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเนตรอัปสรทำไม่ถูกที่ไปทำร้ายโชติกา เพราะโชติกานั้นเข้าใจผิดคิดว่าผู้กำกับสั่งให้เล่นแล้ว
“จงใจชัด ๆ ใคร ๆ ก็เห็นว่าหล่อนเดินตรงมาตบฉันก่อน”
เนตรอัปสร ก็รีบโต้กลับเช่นกัน
“ไม่จริงนะคะทุกคน บี๋ไม่ได้ตบนีน่าจริง แค่ทำตามบท”
โชติกา ยืนยันเสียงเหมือนจะร้องไห้
“นี่อย่ามาสำออยดัดจริตบีบน้ำหูน้ำตานะยัยตัวแสบ”
เนตรอัปสร ตะคอกใส่หน้าโชติกา เพราะเธอเห็นแววตาของโชติกาแล้วรู้สึกหมั่นไส้อยากจะเข้าไปตบสักฉาด
“เอาล่ะ ขอให้เลิกแล้วต่อกันได้ไหม ถือเสียว่าเป็นอุบัติเหตุเข้าใจผิดกันจะได้รีบทำงานกัน”
ผจญ ขอร้องทั้งสองฝ่ายทำให้เรื่องราวยุติลงไปได้แต่ภายในใจของทั้งสองฝ่ายคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้น
โชติกา แอบส่งสายตาสะใจสื่อสารให้ทิพย์อาภาได้ร่วมรับรู้ถึงความสำเร็จกับการตบนอกบทครั้งนี้ ในขณะที่หัสวรรษแอบเห็นคนทั้งคู่ส่งสายตาให้กัน จึงได้เม้มปากเจ็บใจ แต่มองเนตรอัปสร ด้วยความเห็นใจ
