5. ข่าวฉาว
“มันแกล้งนีน่าชัด ๆ เลยค่ะพี่ป๊อก มันตอแหลกับทุกคน แล้วทุกคนก็ดันเชื่อมัน”
เนตรอัปสร พูดด้วยความเจ็บใจ เมื่อมานั่งอยู่ในรถโดยมีหัสวรรษเป็นคนขับ
“พี่ก็คิดว่ายังงั้นเหมือนกัน แต่เราทำอะไรมันไม่ได้เพราะความที่ยัยบี๋มันเก็บอารมณ์ซ่อนความร้ายเอาไว้ มันก็เลยได้ใจทุกคน แต่นีน่า แสดงอาการร้ายออกมา คนอื่น ๆ จึงมองนีน่าไม่ดี”
“ก็นีน่าเป็นคนตรงนี่คะ ไม่ได้เสแสร้งเก่งเหมือนนังบี๋มัน” เธอค้อนประหลับประเหลือก
“น้องนีน่าต้องเปลี่ยนตัวเองฮ่ะ..หัดเสแสร้งพูดจาอ่อนหวานอย่างยัยบี๋สิฮ้า..ต่อหน้าคนอื่นก็พูดจาจ๊ะจ๋ากับมัน เอาไว้ลับหลังแล้วค่อยฉะกับมัน พี่ว่าอย่างนี้เวิร์คกว่า” หัสวรรษบอกกลยุทธ์ใหม่
“โอ้ย..ไม่เอาหรอกค่ะ นีน่าทำไม่ได้ มันฝืนความรู้สึก ให้นีน่าไปดัดจริต จ้างก็ไม่ทำ”
เนตรอัปสรไม่มีวันที่จะทำปากหวานก้นเปรี้ยวแบบโชติกาได้ ถ้าเธอเกลียดใครแล้วจะให้แกล้งทำดีด้วยนั้นมันฝืนความรู้สึก
“ถ้าอย่างนั้นน้องนีน่าก็ต้องยอมเป็นนางเอกวายร้ายตามคำวิพากษ์วิจารณ์ให้ได้ฮ่ะ”
“นีน่าไม่แคร์หรอกค่ะ ช่างหัวมัน ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยให้มันพูดไป” เธอบอกพร้อมกับยักไหล่
หัสวรรษได้แต่ถอนหายใจที่ไม่สามารถโน้มน้าวใจให้อีกฝ่ายทำตามคำแนะนำได้
“เออ..พี่เห็นน้องซาซ่าส่งไลน์มาบอกว่าติดต่อคนชื่อรุ่งภพไม่ได้..ว่าแต่..คนชื่อรุ่งภพนี่เป็นใครฮ้า”
หัสวรรษ เริ่มเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาเพื่อให้ออกจากความเครียดที่จะทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด
“เป็นคนที่จองภาพเขียนที่นีน่าอยากได้ค่ะ”
“หวังว่าคงไม่ใช่รุ่งภพ คนเดียวกับที่พี่รู้จักหรอกนะ”
“พี่ป๊อกรู้จักคุณรุ่งภพด้วยหรือคะ”
“ถ้าเป็นคุณรุ่งภพ ศิลาอาจ ประธานมูลนิธิศิลาอาจล่ะก็ พี่รู้จักฮ่ะ”
“อ๊าย...จริงเหรือคะพี่ป๊อก” น้ำเสียงที่กรีดร้องด้วยความดีใจทำให้หัสวรรษแทบเหยียบเบรกรถกระทันหัน
“อู้ย..ทำเสียงตื่นเต้นจนตกใจหมดเลย”
“พี่ป๊อกรู้จักคุณรุ่งภพ ได้ยังไงคะ”
“เพราะว่าเขาเป็นประธานมูลนิธิศิลาอาจน่ะสิ คนที่จะจัดงานกุศลช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่พี่รับงานให้นีน่าเป็นพิธีกรไงฮ้า”
“จริงเหรอคะพี่ป๊อก” เนตรอัปสร มีน้ำเสียงตื่นเต้น
“ตื่นเต้นดีใจเกินไปหรือเปล่าจ๊ะ รึว่าเดี๋ยวนี้มีรสนิยมชอบคนแก่ซะแล้ว” หัสวรรษแซว
“บ้าเหรอพี่ป๊อก..แค่นีน่าอยากจะพบเขาเพื่อเจรจาขอภาพเขียนที่นีน่าอยากได้ก็เท่านั้น”
“แล้วไป..นึกว่าเปลี่ยนใจจากมิกกี้สุดหล่อพ่อรวยคนนั้นมาเป็นนักบุญสูงวัยซะแล้ว”
หัสวรรษพูดกลั้วหัวเราะเป็นการหยอกล้อให้อีกฝ่ายอารมณ์ดี
“อุ๊ย!..เห็นไหมพี่ป๊อกพูดถึงมิกกี้ ก็โทรมาพอดีเลย”
เนตรอัปสรอุทานเมื่อเห็นสัญญานเรียกเข้าโชว์เบอร์ของมิกกี้
“ก็รับสิฮ้า..เดี๋ยวรับช้ามิกกี้ฆ่าตัวตายไม่รู้ด้วยนะเขายิ่งเครซี่ นีน่าอยู่ด้วย” เขาพูดหยอกเย้า
“ไม่รับดีกว่าค่ะ”
“ต๊าย..ใจแข็งได้เหรอฮ้า พี่เห็นนีน่าเครซี่เขาจะเป็นจะตาย พอเขามาสนใจนีน่าเข้าจริง ๆ ก็จะมาสลัดรักทิ้งแบบนี้พี่เป็นมิกกี้คงเฮิร์ทน่าดู..เอ๊ะ รึว่านีน่าพบชายในฝันแล้วก็เลยไม่สนใจมิกกี้อีกต่อไป”
หัสวรรษจีบปากจีบคอหยอกล้อเนตรอัปสรต่อ หากแต่คนที่ถูกล้อกลับรู้สึกสะดุ้งโหยงในใจกับคำว่าชายในฝัน ซึ่งในความหมายของหัสวรรษอาจจะไม่เหมือนกับเนตรอัปสร แต่สำหรับเธอแล้วชายในฝันนั้น เป็นผู้ชายที่เธอฝันถึงจริง ๆ นั่นเอง
“เปล่าซะหน่อย แค่ไม่มีอารมณ์อยากจะพูดกับมิกกี้ตอนนี้เท่านั้นเอง เดี๋ยวพอนีน่าไม่รับสาย เขาก็คงจะส่งแมสเซสมาแทน”
เนตรอัปสรตอบไปแล้วก็อดหวั่นไหวไปกับคำพูดทีเล่นทีจริงของหัสวรรษไม่ได้ ที่บอกว่าเธอพบชายในฝันแล้วก็เลยไม่สนใจมิกกี้อีกต่อไป ซึ่งมีส่วนจริงเสียด้วย เพราะนับตั้งแต่ที่เนตรอัปสรฝันถึงเทพบุตรต่างมิติมาเยี่ยมเยียนสามคืนติด ๆ กัน กระทั่งได้ไปพบกับภาพเขียนที่หน้าตาละม้ายคล้ายเทพบุตรในฝันคนเดิมเข้าอีก เธอก็ไม่อยากจะคิดถึงผู้ชายคนไหนอีกเลย รวมทั้งมิกกี้ ที่เธอเคยคลั่งไคล้เขาอยู่มากก็หมดความสนใจไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เนตรอัปสร ได้ลบภาพที่ถ่ายคู่กับมิกกี้ออกจากไอจี เฟสบุ้คจนหมด เพื่อเตรียมที่จะเอาภาพวาดของเทพบุตรในฝันไปลงแทน ถ้าเธอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังคงจะถูกหัวเราะหาว่าบ้าเป็นแน่แท้ ที่หลงไหลชายในภาพวาดจนลืมหนุ่มหล่อคู่ควงที่มีชีวิตไปหมดสิ้น
“คืนนี้จะค้างกับพี่ที่อพาร์ทเม้นท์รึเปล่า” หัสวรรษหันมาถาม
“ไม่ดีกว่าค่ะ ส่งพี่ป๊อกที่บ้านแล้วนีน่าจะขับรถกลับบ้านเอง”
“ดีเหมือนกัน คืนนี้พี่จะได้นัดดาร์ลิ้งมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้วชักคิดถึง”
เนตรอัปสร ยิ้มน้อย ๆ เธอรู้ว่าหัสวรรษมีคู่รักเป็นหนุ่มเกย์
“นางเอกฉาวขาวีนเจ้าเก่า สร้างวีรกรรมกลางกองถ่ายของผู้จัดละครประกายแก้ว”
เสียงบรรยายจากผู้ประกาศข่าวบันเทิงในจอโทรทัศน์ทำให้มยุรีจ้องมองดูข่าวนั้นด้วยความสนใจ ในภาพข่าวเนตรอัปสรกำลังใช้เท้าเตะไปที่ลำตัวของโชติกาโดยมีเสียงบรรยายประกอบว่า
“ที่ท่านผู้ชมเห็นอยู่นั้นไม่ใช่ฉากในละครนะคะ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกลางกองถ่ายละครเรื่องพายุสวาท ของค่ายกุหลาบแดง เมื่อนีน่า เนตรอัปสร นางเอกของเรื่องโมโหที่ถูก
บี๋โชติกานางเอกอีกคนที่เล่นเรื่องเดียวกันตรงเข้ามาตบตามบทที่ผู้กำกับสั่ง แต่นีน่ากลับเล่นบอกบทด้วยการกระโดดถีบยอดอกของบี๋โชติกาจนได้รับบาดเจ็บ แต่บี๋ แสดงสปิริตไม่ติดใจกับความเจ้าอารมณ์ของอีกฝ่าย”
จากนั้นภาพก็ตัดไปที่คำให้สัมภาษณ์ของทิพย์อาภา ผู้จัดการส่วนตัวของโชติกา ว่า
“มีคนเตือนเหมือนกันว่า ถ้าน้องบี๋เล่นละครกับนีน่าให้ระวังตัวให้ดีเพราะนี่น่าเป็นขาวีนประจำกองถ่าย เราก็ไม่คิดว่าจะจริงค่ะ จนน้องบี๋มาเจอด้วยตัวเอง ถึงได้รู้ว่านีน่า เป็นตามคำร่ำลือจริง ๆ ด้วย เป็นคนอารมณ์ร้ายมาก คิดดูสิคะน้องบี๋เล่นตามบทแท้ ๆ ไม่ได้ตบจริงสักหน่อย น้องนีน่าก็โมโหถึงกับกระโดดถีบน้องบี๋จนจุกพูดไม่ออก นี่ดีนะคะที่ทิพย์กับคนที่กองถ่ายช่วยกัน กันน้องนีน่าออกไป ไม่งั้นคงจะเข้ามาทำร้ายน้องบี๋อีกแน่ ๆ”
ทิพย์อาภา ตีหน้าเศร้าประกอบการเล่าเรื่องอย่างแนบเนียน
“ไม่คิดจะแจ้งความเหรอคะ” เสียงคนสัมภาษณ์ถาม
“อุ๊ย!..คงไม่หรอกค่ะ ถือว่าเป็นอุบัติเหตุ การเข้าใจผิดกันไป”
“นีน่ามาขอโทษบี๋หรือยังคะ” นักข่าวถามทิพย์อาภาต่อ
"ยังค่ะ..แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ น้องบี๋บอกว่าไม่ถือโทษโกรธเคืองน้องนีน่าเพราะยังไงก็อยู่ค่ายเดียวกัน รักกันไว้ดีกว่า ทิพย์เองก็คิดแบบน้องบี๋ค่ะ พวกเราเป็นคนที่ให้อภัยคนง่ายอยู่แล้วค่ะ”
จากนั้นภาพข่าวก็ตัดมาที่ผู้ประกาศข่าวอีกครั้ง
“นั่นก็คือคำให้สัมภาษณ์ของผู้จัดการส่วนตัวของบี๋โชติกาค่ะ ซึ่งขณะนี้นีน่าก็ยังไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด รวมทั้งข่าวฉาวก่อนหน้านี้ที่กล่าวพาดพิงด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงคุณหญิงรวยรื่นว่าไม่ใช่แม่ ซึ่งเรื่องนี้คุณหญิงได้โพสต์ลงในไอจีส่วนตัวว่าเนตรอัปสรมีพฤติกรรมก้าวร้าวและไม่แคร์สังคม ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้จัดจึงยังให้แสดงละครอยู่ ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชนอย่างมาก อันนี้คุณหญิงรวยรื่นก็ฝากถามไปยังผู้จัดด้วยนะคะ”
มยุรี รีบปิดโทรทัศน์ทันที ไม่อยากรับฟังข่าวที่ไม่ดีของลูกสาวอีกต่อไปแล้ว และเมื่อเปิดดูในมือถือ ก็มีข่าวของลูกสาวขึ้นมาให้เห็นเป็นที่พูดถึงในสื่อโซเชียลอีกด้วย แม้ไม่อยากจะเชื่อในเนื้อข่าวทั้งหมด แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงอยู่ไม่น้อย เพราะเธอรู้จักนิสัยใจคอของเนตรอัปสรดีว่าเป็นคนใจร้อนและไม่ยอมใคร
“คุณซาซ่ากลับมาหรือยัง”
มยุรี เห็นวิไลเดินมาจากหน้าบ้าน จึงเอ่ยถาม
“ยังค่ะ” วิไลบอกเจ้านายที่เป็นคุณผู้หญิงของบ้าน
“ฉันก็เลยไม่รู้จะปรึกษาใคร..คุณวรชิต ก็ไปดูงานที่อเมริกาโน่น ไม่อยากจะเอาเรื่องร้อนใจไปให้”
มยุรีพูดถึงสามีในตอนท้ายด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มใจ
“อุ๊ย!.นั่นมันเสียงแตรรถคุณนีน่านี่คะ ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง”
วิไล บอกด้วยน้ำเสียงหวาดผวาเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังแว่วมาจากประตูรั้ว และนึกได้ว่าระบบรีโมทที่เปิดประตูรั้วอยู่ระหว่างซ่อมแซมยังใช้งานไม่ได้ ซึ่งเนตรอัปสรได้บอกกับมารดาไว้ว่ายังไม่ต้องซ่อม เพราะต้องการให้วิไลได้มีหน้าที่ในการเปิดปิดประตูรั้วให้เพื่อวิไลจะได้ไม่เอาแต่เล่นมือถือจนลืมช่วยงานป้าประไพบ่อย ๆ แม้มยุรีจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจลูกสาว
“งั้นก็รีบไปเปิดประตูสิ เร็วเข้าจะได้ไม่โดนดุ”
มยุรี กล่าวเตือนสาวใช้อย่างรู้จักนิสัยลูกสาวดี
วิไล รีบวิ่งแจ้นออกไปด้วยความรีบร้อนจนหกล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่หน้าประตูตึก แต่ก็รีบตะเกียกตะกายขึ้นมา แล้วก็เดินขากะเผลกไปที่ประตูรั้วด้วยความร้อนรน ในขณะเดียวกับที่เสียงแตรรถก็กดแช่ยาวเป็นช่วง ๆ อยู่ตลอดเวลา วิไลใจแป้วลนลานเปิดประตูรั้วมือไม้สั่น
“มัวทำบ้าอะไรอยู่ กดแตรตั้งนาน มัวแต่นอนเล่นมือถือล่ะสิ”
เนตรอัปสร กดกระจกรถตะโกนใส่วิไล แต่คนที่ถูกตะคอกส่งยิ้มแหย ๆ ตอบไป จนกระทั่งเนตรอัปสรขับรถเข้าไปในบ้านแล้ววิไลจึงค่อย ๆ ปิดประตูรั้ว แต่ปิดได้ไม่ทันเสร็จก็เห็นรถของเนตรดาว วิ่งเข้ามาพอดี จึงเปิดประตูใหม่อีกครั้ง
“พี่นีน่า มาแล้วใช่ไหมคะพี่วิไล” เนตรดาว กดกระจกรถถาม
“ใช่ค่ะ..คุณนีน่าอารมณ์ไม่ดี คุณซาซ่าต้องระวังให้ดีนะคะ”
“พี่วิไล อย่าถือสาพี่นีน่าเลยนะคะ”
เนตรดาว บอกสาวใช้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และขับรถเข้าไปจอดที่โรงรถ ก่อนจะหอบหิ้วอุปกรณ์การเขียนภาพไปด้วย และเมื่อเนตรดาวเดินเข้าไปในตัวตึกก็ได้ยินเสียงของพี่สาวดังแว่วมา
“คุณแม่จะเชื่อนังตอแหลพวกนั้นหรือจะเชื่อนีน่าก็ตามใจค่ะ นีน่าเบื่อหน่ายเต็มทนแล้วกับเรื่องข่าวพวกเนี้ย”
เนตรอัปสร บอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ พลอยโกรธมารดาไปด้วยที่มาถามเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นทั้งที่เธอเป็นฝ่ายถูกรังแกก่อน
“แม่ไม่ได้บอกสักคำนะนีน่า ว่าแม่เชื่อคนอื่นมากไปกว่าลูกของแม่ แต่ที่แม่ถามก็เพื่อความมั่นใจ”
มยุรีพยายามที่จะพูดให้ลูกสาวเข้าใจเจตนา
“คุณแม่ยังไม่ต้องมาเซ้าซี้นีน่าได้ไหมคะ นีน่าขอร้องล่ะ ที่กลับบ้านมาเร็วนี่ก็เพื่อจะมาพักผ่อนไม่ใช่มาให้นั่งซักให้นีน่าบ้าตายเร็วขึ้น” เธอต่อว่ามารดาอย่างหงุดหงิด
“แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้นีน่าโกรธนะลูก..แต่แม่เป็นห่วงนีน่าไม่อยากให้คนอื่นมองลูกของแม่เป็นคนไม่ดี อย่างวันนี้พนักงานที่บริษัทแม่ก็รุมถามแม่เรื่องของนีน่า”
“โอ้ย..มีแต่แม่คนเดียวที่ไหนล่ะที่ถูกรุมถาม นีน่าต้องหลบหน้าพวกนักข่าวสอดรู้สอดเห็นนั่นเหมือนกัน นี่ถ้าไม่เกรงใจพี่จุ๊บผู้จัดนะ ป่านนี้นีน่า หนีแม่งไปเลย เบื่อเต็มทนแล้ว”
“เบื่อก็ออกจากวงการสิลูก กลับไปเรียนต่อให้จบดีกว่า”
มยุรี อยากจะเห็นลูกสาวไปเรียนให้จบปริญญามากกว่าที่จะทำงานอยู่ในวงการบันเทิงให้ต้องมีข่าวไม่ดีอยู่บ่อยครั้งเช่นนี้
“ไปเที่ยวกับซ่าก็ได้ค่ะ พี่นีน่า”
เสียงของเนตรดาว ดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับเดินมาวางอุปกรณ์วาดภาพไว้ที่โต๊ะ และนั่งลงข้าง ๆ มารดาด้วยรอยยิ้มสดใส
“ไปเที่ยวที่ไหนล่ะซาซ่า” มารดาหันไปถามลูกสาวคนเล็ก
“ไปกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของซ่าค่ะ พวกเราจะนำเงินที่ได้จากการขายภาพไปช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมที่พิษณุโลกค่ะ ตอนนี้ก็จะขอรับบริจาคสิ่งของไปด้วย” เนตรดาวบอกด้วยสีหน้าภูมิใจ
“ไปถึงพิดโลกโน่นเลยหรือลูก แม่นึกว่าแค่เอาภาพไปขายเอาเงินช่วยเพื่อนเฉย ๆ” มยุรีหันไปถามลูกสาวคนเล็ก
“นันท์เป็นเพื่อนสนิทของซ่าค่ะ ต้องช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ บ้านของเขาถูกน้ำท่วมพัดบ้านไปทั้งหลัง คุณยายของเขาก็หายไปกับน้ำด้วยนะคะ ป่านนี้ยังหาไม่พบเลย”
เธอบอกให้มารดากับพี่สาวฟัง แต่ยังไม่กล้าเปิดเผยกับทางบ้านว่ากำลังคบหารัฐนันท์แบบคนรัก
“ตายจริง น่าสงสารครอบครัวเขานะ ความจริง..แม่ว่านีน่าไปกับน้องก็ดีนะ การที่เราได้ช่วยเหลือคนอื่นจะทำให้เรารู้สึกสบายใจได้กุศลด้วยนะลูก”
มารดาถือโอกาสโน้มน้าวใจให้เนตรอัปสรไปกับน้องสาว
“ตามสบายเถอะยัยซ่า ถ้าพี่จะเที่ยวคงจะหาโปรแกรมเที่ยวยุโรปโน่นมากกว่า” เธอบอกน้องสาวด้วยสีหน้าไม่ยินดี
“ก็หาโปรแกรมไปยุโรปสิจ๊ะนีน่า แม่เห็นด้วยลูกควรจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนสักที่”
มารดารีบสนับสนุนอยากจะให้ลูกสาวได้หยุดพักผ่อนบ้าง เพราะนับตั้งแต่เนตรอัปสร หยุดพักการเรียนเอาไว้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีสอง ก็มุ่งหน้าทำงานในวงการบันเทิงเพียงอย่างเดียว ยิ่งมีชื่อเสียง งานก็มีเข้ามาตลอดไม่มีเวลาได้หยุดพักผ่อน มยุรีอดห่วงสุขภาพของลูกไม่ได้
แต่เนตรอัปสรก็ไม่คิดจะหยุด เธอรู้สึกสนุกและมีความสุขที่ได้ทำงานนี้ จึงอยากเร่งหาเงินในช่วงที่กำลังมีชื่อเสียง แม้บิดามารดาจะสามารถเลี้ยงดูได้ ทว่าเนตรอัปสร ภาคภูมิใจกับเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองมากกว่า
“แล้วพี่นีน่าไม่เล่นเรื่องอื่นต่อหรือคะ เห็นทุกทีงานพี่นีน่าเข้าตลอดจนหาเวลาพักไม่ได้เลยนี่คะ” เนตรดาวเป็นคนถามขึ้น
“เรื่องใหม่จะเปิดกล้องกลางเดือนหน้า พี่ก็คงมีเวลาพักอยู่หรอก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าพี่ป๊อกยิ่งงก ๆ อยู่ด้วย บอกว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ตอนนี้พี่กำลังฮ็อต ใคร ๆ ก็อยากได้ไปร่วมงานทั้งนั้น”
เนตรอัปสร พูดด้วยความลำพองใจในตัวเองที่เป็นนางเอกละครยอดนิยม ได้เป็นทั้งพรีเซนเตอร์สินค้าหลายยี่ห้ออีกทั้งมีงานโชว์ตัวอยู่ไม่ขาด แม้จะมีข่าวของเธอออกมาในแง่ลบมากกว่าแง่ดี แต่เธอก็ถือว่ามันสร้างกระแสความดังให้มีคนพูดถึง
