บทที่ 3
แต่ทุกอย่างก็เหมือนจะยิ่งยากเมื่อเวลากระชั้นชิดเข้ามาทุกที เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ห้านาทีก็จะหมดเวลาเส้นตายที่ณตินให้ไว้แล้ว ทุกคนในแผนกบุคคลต่างมองหน้ากันและกันราวกับกำลังบอกลาเพราะพรุ่งนี้พวกเขาก็จะเปลี่ยนสถานะไปเป็นคนตกงานกันทั้งหมด
ออฟฟิศที่เคยต้องมาทุกวันก็ไม่ต้องมาอีก ร้านกาแฟที่สมัครสมาชิกไว้เพื่อแลกของพรีเมียมก็คงต้องปล่อยไว้แบบนั้น ร้านอาหารร้านประจำก็คงไม่ได้มาอุดหนุนเพราะอยู่ไกลบ้าน แมวจรตรงสถานีรถไฟที่แวะไปลูบพุงมันตอนเช้าเย็นก็คงไม่ได้ทำอีกเป็นแน่ ทุกอย่างพังและจบในเวลาแค่วันเดียว วันเดียวจริงๆ
ทุกคนมองหน้ากันไปมาด้วยขอบตาที่แดงก่ำพร้อมจะร้องไห้ ก่อนที่เสียงของน้องฝึกงานคนหนึ่งจะดังขึ้นทำลายความเศร้านั้นไปชั่วขณะ
“หนูได้โปรไฟล์มาคนหนึ่งค่ะ เท่าที่หนูใช้จิตสัมผัสคนนี้มีเปอร์เซ็นต์ผ่านสูงมาก” ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติทั้งแผนกที่ได้ยินแบบนี้คงพูดแซวน้องฝึกงานกันอย่างสนุก แต่ตอนนี้มันช่างแสนอึมครึมและกดดันจนไร้ซึ่งการแซวใดๆ
“งั้นก็รีบส่งไป อย่างน้อยก็ยื้อลมหายใจเฮือกสุดท้ายของพวกเราไปได้อีกหลายนาที” หัวหน้าแผนกเอ่ยบอกแล้วจัดการนำใบสมัครใบนั้นไปยื่นให้ผู้จัดการฝ่ายเพื่อสัมภาษณ์เบื้องตน
เมื่อได้คำตอบว่าผู้สมัครพร้อมทำงานได้ทันทีก็ถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความหวัง ก่อนจะส่งข้อมูลต่อไปให้พิยาดาที่รออยู่อย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน
หลังจากนั้นทุกคนในแผนกบุคคลที่ยังไม่กลับต่างพร้อมใจกันนั่งยกมือไหว้ท่วมหัวพร้อมภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอให้ผู้สมัครคนสุดท้ายเข้าตา ณตินจนรับเข้ามาทำงาน สาธุ สาธุแล้วก็สาธุ
ส่วนพิยาดาเองก็ยืนลุ้นอยู่ข้างๆ เพราะลึกๆ ก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นตอทำให้ทุกคนวุ่นวายแบบนี้ แต่ก็อดตั้งคำถามไม่ได้ว่าเพราะอะไรณตินถึงได้ซีเรียสเรื่องรับสมัครเลขาคนใหม่ถึงเพียงนี้ รวมถึงอดคิดย้อนกลับไปตอนที่เขารับเธอเข้ามาทำงานว่าผ่านการเฟ้นหาอย่างหนักหน่วงแบบนี้ด้วยหรือเปล่า
“อืม”
“อืม…คือผ่านใช่ไหมคะเจ้านาย”
“ใช่ ผ่าน นัดมาพรุ่งนี้ ผมจะสัมภาษณ์เธอเอง”
“ได้ค่ะเจ้านาย” พิยาดายิ้มออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเดินตรงไปยังแผนกบุคคลเพื่อบอกข่าวดีให้รู้ เสียงเฮจึงดังขึ้นทันทีบางคนดีใจหนักถึงขั้นเป็นลมล้มพับถึงขนาดต้องหอบหิ้วกันไปห้องพยาบาลกันจ้าละหวั่น
แต่พอกลับมาที่แผนกก็มีอาหารญี่ปุ่นชุดใหญ่มาส่งโดยคนที่สั่งมาให้คือณตินนั่นเอง ชายหนุ่มต้องการตอบแทนความทุ่มเทของพนักงานเหล่านั้น เพราะลึกๆ ก็รู้สึกผิดที่เอาเรื่องงานมารวมกับเรื่องส่วนตัว ก่อนจะนั่งอ่านโปรไพล์ของว่าที่เลขาส่วนตัวอย่างละเอียดจากนั้นก็กลับออกไป
“ทุกคน เจ้านายกลับแล้ว”
“กลับแล้วจริงๆ เหรอ ฮือ เหมือนยกภูเขาเอเวอเรสต์ออกจากอกไม่มีผิดเลยเพราะมันถึงรู้สึกโล่งอกโล่งใจไปหมด” ขณะพูดก็คีบซูชิเข้าปากไปหนึ่งชิ้นโตๆ อาหารอร่อยที่ณตินสั่งมาให้มันช่วยเยียวยาหัวใจทุกคนได้เป็นอย่างดี
“ภาวนาให้เธอคนนั้นรับงานนี้ทีเถอะ เพี้ยง” เพื่อนร่วมแผนกอีกคนที่รับชะตาเดียวกันมาทั้งวันยกมือไหว้ขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พอคนอื่นเห็นก็ทำตามกันเป็นแถวรวมไปถึงผู้จัดการฝ่ายที่วันนี้สูญเสียพลังงานชีวิตไปมากจนอยากจะทิ้งตัวลงนอนเสียตอนนี้
ในขณะที่ณตินไม่ได้กลับเข้าบ้าน ชายหนุ่มโทรศัพท์สายตรงไปหาเพื่อนสนิทอีกคนแล้วนัดแนะให้ออกมาพบ นั่งดื่มเหล้าไปได้ครู่หนึ่งผู้บริหารหนุ่มก็เอ่ยบอกความต้องการ แม้ค่าจ้างมันจะแพงพอสมควรแต่ ณตินกลับไม่ต่อรองแม้แต่น้อย
“ขอข้อมูลเธอภายในสองวันนี้”
“จัดให้ครับ” เสียงอีกฝ่ายเอ่ยรับ ค่าจ้างแพงลิ่วมันก็ต้องแลกมาซึ่งความรวดเร็วของงานเป็นธรรมดา แม้จะสงสัยว่าณตินอยากได้ข้อมูลของเป้าหมายไปทำอะไรแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่วิทย์ต้องเอ่ยถาม นั่นเพราะตอนนี้ณตินอยู่ในฐานะของลูกค้าไม่ใช่เพื่อน
“สักแก้วก่อนกลับเป็นไง”
“แก้วเดียวน้อยไปหรือเปล่า” วิทย์เอ่ยแซว ดูเหมือนตอนนี้การคุยงานจะสิ้นสุดลงไปแล้วจึงเหลือเพียงสถานะเพื่อนเท่านั้น
“งั้นก็ขวดหนึ่ง”
“จัดให้”
“งานนายเป็นไงบ้าง” ณตินเอ่ยถามเรื่องงานของเพื่อนขึ้น เพราะวิทย์คือเพื่อนที่เปลี่ยนสายงานได้สุดเหวี่ยงที่สุดคนหนึ่ง
“เรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก”
“งานตำรวจไม่รุ่งเหรอถึงลาออกมาเป็นนักสืบ” นั่นคือสิ่งที่ณตินยังค้างคาใจ เพราะงานตำรวจของวิทย์ก็ก้าวหน้าอยู่มาก อายุเท่านี้แต่ยศบนบ่าก็ไม่ธรรมดา
“รุ่งแต่ไม่สนุก นักสืบสนุกกว่าเยอะ” แม้จะชอบงานตำรวจแต่ในหน้าที่บางอย่างก็ทำไม่ได้ นั่นทำให้วิทย์ลาออกมาทำงานที่อยากทำและตอนนี้บริษัทก็กำลังรุ่งเสียด้วย
“อืม” ณตินเอ่ยรับแล้วดื่มเหล้าจากแก้วในมือไปเกินครึ่ง แม้รสชาติของมันจะบาดคอบ้างแต่ไม่นานมันจะหวานไปทั้งคอเช่นกัน ทั้งคู่นั่งดื่มเหล้าด้วยกันกระทั่งหมดไปหนึ่งขวดตามที่วิทย์ได้บอกไว้จึงแยกย้ายกันกลับ
แต่เพราะเมาจนขับรถกลับบ้านไม่ไหวขืนฝืนก็เกรงจะเกิดอุบัติเหตุใหญ่ นั่นทำให้ณตินตัดสินใจใช้บริการคนขับรถ ชายหนุ่มรอไม่นานคนขับรถที่ว่าก็มาถึงแต่ที่แปลกใจคือไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิง