ตอนที่ 3-3
“คุณพชร”
ร่างสูงที่อุ้มเด็กน้อยอยู่โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูวราลี “เหมือนเราจะมีเรื่องต้องคุยกันยาว คุณคิดว่าถ้าปลูกชมพู่ทับทิมจันท์แล้วมันดันออกลูกมาเป็นชมพู่เพชร มันดูผิดปกติไหม ผมชักสงสัยว่ามีใครแอบขโมยตอนกิ่งพันธุ์ต้นชมพู่ของคุณย่าเอาไปโดยไม่บอกเจ้าของเขาก่อนหรือเปล่า”
วราลีเบิกตาโพลง ริมฝีปากอิ่มเผยอน้อยๆ อย่างไม่ตั้งใจ เธอไม่ใช่คนโง่ ทำไมจะตีความคำพูดเขาไม่ออก
พชรรู้สึกถึงความผิดปกติเมื่อเห็นใบหน้าแม่หนูตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งพอรู้ว่าเธอเป็นลูกของใคร แล้วยังขาดพ่อยิ่งสะกิดใจหนัก พานให้ตั้งสมมติฐานว่า ขนมชั้นอาจจะเป็นทายาทของ ‘สราญพิพัฒน์’ ที่ถูกวราลีเก็บเงียบ แต่เขาต้องสืบเรื่องนี้ให้แน่ใจ
“ไปขึ้นรถ จักรยานทิ้งเอาไว้ที่นี่ เดี๋ยวให้นายเข้มเอาไปคืน”
เขาหมายถึงคนสวนที่คอยดูแลบ้าน ซึ่งเมื่อเช้าเขาสั่งให้ตัดต้นไม้ที่กิ่งก้านมันเลยรั้วข้ามไปในเขตเพื่อนบ้าน เพราะตั้งใจจะกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ซึ่งคุณย่ารำไพท่านยกให้เขาเป็นมรดกตกทอด
“จะไปขึ้นรถดีๆ หรือจะให้ผมถามตรงนี้ว่า คุณปลูกชมพู่ทับทิมจันท์ ทำไมออกลูกมาเป็นชมพู่เพชร” พชรหันไปมองขนมชั้นที่มองเขากับแม่ของเธอตาแป๋ว
เด็กหญิงตัวอวบสนใจฟังลุงเจ้าที่คุยกับแม่เรื่องชมพู่ แล้วแม่หนูก็มุ่นคิ้วสีหน้างงงวย แม้ว่าจะถูกแม่สอนประจำว่าห้ามพูดขณะที่ผู้ใหญ่เขาคุยกัน แต่เรื่องนี้แม่หนูไม่ยุ่งไม่ได้แล้ว
“คุณลุงขา แม่ลีขา ขนมชั้นไม่เข้าใจ ทำไมแม่ลีปลูกชมพู่ทับทิมจันท์แล้วออกลูกเป็นชมพู่เพชรคะ ฟังแล้วง้งงง ก็บ้านเราไม่มีต้นชมพู่นี่คะ มีแต่ต้นมะม่วงกับฝรั่งขี้นก”
พชรพูดแทรกทันที “มันเป็นการเปรียบเทียบครับ แต่ความหมาย แม่ลีของเราเข้าใจดี”
วราลีตะลึงงัน พูดไม่ออก บางอย่างที่เธอเก็บงำมาหลายปี คิดว่าไม่มีใครรู้ใครเห็นเรื่องนี้แล้ว คนที่น่าจะสงสัยมากที่สุดก็คือคุณหญิงรำไพ แต่ท่านก็เสียไปตั้งแต่ขนมชั้นยังไม่เกิด ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งต้นชมพู่ที่คุณหญิงรำไพท่านปลูกให้หลานชายจะทำเหตุ พาเขากับลูกสาวของเธอมาพบกันใต้ต้นของมัน
“หืม?” พชรเห็นสีหน้าซีดจัดดูมีพิรุธ ชายหนุ่มครางในลำคอ รอคอยคำตอบ
ภาพในวันวานย้อนกลับมาฉายในความนึกคิด เมื่อครั้งที่เขาผิดพลาด ทำให้หญิงสาวผู้บริสุทธิ์อย่างวราลีกลายมาเป็นคู่นอนชั่วคราวของตัวเอง...
ภายในรถยนต์แอร์เย็นฉ่ำที่กำลังขับเลี้ยวไปที่ซอยแปด ขนมชั้นไม่เคยขึ้นรถหรูขนาดนี้จึงตื่นเต้นกับความโอ่อ่าภายใน เพราะเป็นรถยนต์ครอบครัวที่มีการรองรับสรีระเป็นเลิศ พอก้นอวบๆ สัมผัสกับเบาะ แล้วแผ่นหลังแตะกับพนักพิง มันสบายกว่าโซฟาตัวโปรดสีชมพูที่แม่ซื้อให้นั่งดูทีวี แม่หนูอดไม่ได้ ยกตัวขึ้นแล้วทิ้งก้นอวบๆ กระแทกลงที่เบาะ มันเด้งๆ นุ่มๆ ดี
“ชอบเหรอขนมชั้น”
เด็กมักจะไม่โกหก “ชอบค่ะ คุณลุงขา ถ้าขนมชั้นมีรถแบบนี้ขี่ไปซื้อขนมที่เซเว่นคงเท่น่าดู”
เด็กหญิงหมายถึงร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านด้านขวา หากเธอทำตัวดี น่ารัก แม่ลีจะให้รางวัลด้วยการพาขี่จักรยานไปที่นั่นเพื่อให้ขนมชั้นได้เลือกขนม และถัดจากเซเว่นเป็นร้านขายอุปกรณ์ทำขนมซึ่งแม่ลีต้องไปซื้อแป้ง น้ำตาล วัตถุดิบในการทำขนมไทยที่นั่นเสมอ
ขนมชั้นเคยเห็นเด็กๆ หลายคนในหมู่บ้านมีพ่อขับรถหรูๆ พาไปเดินซื้อขนมแล้วรู้สึกว่าเท่ แต่ก็ไม่เคยร้องโยเยเพราะรู้ดีว่าเธอกับแม่ต้องเก็บเงินไว้เรียนหนังสือ เธอกับแม่อยู่ในวัยกำลังเรียน ถ้าเธอกับแม่เรียนจบคงจะมีรถหรูเอง แม่เคยบอกอย่างนั้น
“งั้นเราไปเซเว่นกันก่อนค่อยกลับบ้านดีไหม” พชรออกปากตามสไตล์ผู้ใหญ่ใจดี มีรถขับพาเด็กเที่ยวอีกต่างหาก
“ไม่ค่ะ”
วราลีแทรกมากลางอากาศ พชรจึงเหลียวกลับไปมอง “ใครถาม” แล้วหันกลับมามองแม่จอมแสบที่นั่งข้างๆ กำลังเอานิ้วจิ้มโน่นจิ้มนี่ แต่ไม่ดุสักคำ
เขาเคยไปส่งวราลีที่บ้านของเธอหลายครั้งจึงรู้จักเส้นทางอย่างดี และแล้วพชรกับแม่หนูคู่หูคนใหม่ที่นั่งหน้าแป้นราวกับเป็นเจ้าของรถก็ไม่มีใครหันไปสนใจคนปั้นหน้าลำบากใจที่เบาะหลังอีก รถคันหรูขับผ่านซอยแปดไปอย่างนั้น เช่นเดียวกับขนมชั้นที่ปรบมือแปะๆ
“คุณลุงใจดี๊ ใจดี เดี๋ยวเย็นนี้ ขนมชั้นจะปั้นลูกชุบให้กินสิบลูกเลยค่ะ”
“ลูกชุบเหรอ” พชรมองหน้าแม่คนช่างคุยอย่างสนใจ “ขนมชั้นทำเป็นด้วยเหรอครับ”
แม่หนูยิ้มหวานจ๋อยเห็นฟันขาว “ทำเป็นสิคะ ทำสวยด้วย ขนมชั้นทำลูกชุบส่งแม่ลีเรียนหนังสือด้วยนะคะ”
“อะไรนะ” พชรคิดว่าเขาฟังผิด
“ขนมชั้น แม่บอกให้หยุดพูด นั่งเงียบๆ ไปเลย” วราลีร้อนตัวขึ้นมา เมื่อลูกสาวโยนระเบิดใส่เธอไม่หยุด
พชรจำได้ว่าตอนที่เขาคบหากับวราลีช่วงสั้นๆ ตอนนั้น เธอฝึกงานอยู่ใกล้จะจบปริญญาตรีแล้วนี่นา
“ขนมชั้นพูดผิดใช่ไหมครับ ลุงว่าแม่ลีของหนูเรียนจบปริญญาตรีหลายปีแล้ว แม่ลีต่างหากทำขนมส่งขนมชั้นเรียน”
แม่หนูเงยหน้ามองเขาแล้วรีบค้านเพราะกลัวเขาไม่เชื่อ “จริงค่ะ ขนมชั้นทำขนมส่งแม่เรียนจริงๆ แม่ลีเคยพูดแบบนั้น ถามแม่ลีสิคะ”
วราลีที่นั่งตัวเกร็งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารร้อนๆ หนาวๆ อยากจะสั่งให้เขาจอดรถเดี๋ยวนี้ พชรเหลือบมองแม่ของขนมชั้นที่เบาะหลังด้วยสายตาเป็นคำถาม
“ผมไม่เข้าใจ ที่ขนมชั้นพูดหมายความว่าไง”
“คือ... คือฉัน... กำลังเรียนภาคสมทบให้จบปริญญาตรี และฉันกับลูกก็ช่วยกันทำขนมไทยขายเป็นค่าเทอม”
พชรเบรกรถกะทันหัน แต่ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างผลักให้เขารีบคว้าร่างป้อมๆ ที่จับคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว แต่ก็ห่วงจนต้องเอามือไปกันกลัวเธอจะกระแทกกับคอนโซล
