11. ท่านหมอเจ้าเล่ห์
“นั่นสิ หากเจ้าไม่ได้มีใจมาเยี่ยมข้ากับท่านพ่อ ก็อย่ามารบกวนคนที่นี่เลย” เสิ่นเทายืนเกาะประตูตำหนิลูกพี่ลูกน้องของตนซึ่งไร้มารยาทเช่นนี้ประจำ โดยเฉพาะกับใครก็ตามที่อยู่ใกล้ไป่ชวน นางจะแสดงอาการเช่นนี้เสมอ
“ก็นางบอกว่าตนเป็นภรรยาพี่ไป่ชวน จะเป็นไปได้เยี่ยงไรโกหกชัด ๆ” ยังมิวายต่อว่าสตรีงามที่ยืนอยู่ข้างกายท่านหมอ
“ฟูหรงคือเมียข้า นางไปโกหกเจ้าเมื่อใดกัน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขาพึ่งจะได้นอนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับเรื่องวุ่นวายมาทั้งวัน อยู่ดีดีก็มีคนมาทำเสียงดัง จนต้องตื่นขึ้นมาสงบศึก
“เมีย! นางจะเป็นเมียพี่ได้เยี่ยงไร” ชิงสุ่ยยังไม่ยอม เพราะนางเฝ้าตามสืบเรื่องของท่านหมออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาไม่เคยมองสตรีใดเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เคยพึงใจใครด้วย จู่ ๆ จะบอกว่านางผู้นี้เป็นภรรยา ชิงสุ่ยไม่มีทางเชื่อเขาเด็ดขาด
“นางเข้าหาพี่ใช่หรือไม่ ข้าจะไปแจ้งทางการ เราควรส่งนางกลับไปหาครอบครัว ทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้น่ารังเกียจยิ่งนัก” คนผิดหวังยังมิวายหาเรื่องต่อว่าอีกฝ่าย เพราะมีมารดาคอยให้ท้ายไม่ยอมห้ามบุตรสาวตนที่กำลังยุ่มย่ามเรื่องของผู้อื่น
“ออกไป!! อย่าได้เข้ามาในเรือนของข้าอีก เจ็บป่วยเมื่อใดหาหมอที่อื่นมารักษา ออกไป!!” เหลืออดเต็มที ไป่ชวนจึงไม่ทนอีก สตรีเหล่านี้สร้างความวุ่นวายมาให้เขาหลายปีแล้ว คนหนึ่งแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วก็ยังมีคนใหม่มาก่อกวนอีก
ด้านชิงเยว่มองแล้วก็ยิ้มแหย พร้อมกับนึกในใจ ‘จะสงสารใครดี ดูจากท่าทางของเด็กสาวผู้นี้คงชอบท่านหมอมาก โดนดุไปขนาดนี้คงอายมากแน่ แต่ก็อย่างว่าเขาคงทนมานานมากแล้วจริง ๆ ถึงได้ตบะแตกด่าไม่ยั้งเช่นนี้’
“ไป่ชวนมันจะมากไปแล้วนะ นี่เจ้ากล้าไล่พวกเรากระนั้นหรือ เจ้าอย่าลืมสิว่าก่อนพ่อแม่เจ้าตาย เคยสัญญาไว้ว่าจะเกี่ยวดองกัน สกุลถงถึงได้คอยช่วยเหลือเกื้อกูลเจ้าเรื่อยมา เพราะหมายจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่มายามนี้เจ้ากลับแต่งสตรีอื่นเข้าเรือนมันควรแล้วหรือ” มารดาของชิงสุ่ยต่อว่าทันที
“เอาเถอะ ถึงไป่ชวนจะแต่งภรรยาแล้ว ก็ใช่ว่าจะแต่งภรรยาอีกไม่ได้ ให้เป็นเมียเอกทั้งคู่ภายหน้าก็ช่วยกันดูแลเรือน แบบนี้ก็ได้แล้วไม่เห็นจะยากเลย” ผู้ที่เอ่ยคือบิดาของชิงสุ่ย บุตรสาวจึงได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม้ภายในใจจะขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย นางขอแค่ตนได้แต่งเข้ามาก่อนค่อยกำจัดสตรีผู้นี้ไปก็ได้
ชิงเยว่ตาโตเมื่อได้ยิน นึกไม่ถึงว่าครอบครัวนี้จะอยากได้ท่านหมอมาก จนยอมให้บุตรของตนแต่งเข้ามาเป็นเมียอีกคนของเขา ดูท่าหมอผู้นี้คงไม่ได้มีดีแค่รูปโฉมแล้วกระมัง
“ออกไป!!” เสียงกดต่ำรอดไรฟันเปล่งออกมาอย่างเหลืออดแล้วจริง ๆ ดวงตาเขาแดงก่ำตั้งแต่อีกฝ่ายยกอ้างบุญคุณ ตั้งแต่สิบปีก่อนบิดามารดาเขาจะเสีย มันไม่ได้มีอันใดมากมายเลย
นอกจากการแนะนำที่ดินสำหรับเพาะปลูก ส่วนนั้นพวกเขาก็จ่ายเงินตอบแทนให้ แต่อีกฝ่ายก็พูดถึงไม่เลิกลาเสียที
“ท่านพี่ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ น้องจัดการเองนะ” ชิงเยว่ขยับเข้ามายืนต่อหน้าเขา วางมือลูบแผงอกสามีอย่างอ่อนโยนนัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้างามที่เผยยิ้มบางให้ตนเอง แววตาที่เคยแข็งกร้าวจึงอ่อนลงราวกับกำลังต้องมนต์
หลังจากกล่อมคนตัวโตให้เย็นลงแล้วนางก็หันกลับมาหาสามพ่อแม่ลูก รวมถึงญาติ ๆ อีกเกือบสิบ ที่ตั้งใจมาเยี่ยมคนเจ็บที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ในเรือน
“หากพวกท่านไม่ได้อยากมาเยี่ยมลุงหยางกับเสิ่นเทาก็กลับไปเสีย อีกอย่างอย่าเอาสตรีอื่นมายัดเยียดให้สามีข้า เพราะข้าไม่มีวันยอมให้เขามีหญิงอื่นไม่ว่าจะเป็นอนุหรือสตรีอุ่นเตียง ตราบที่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ สามีข้าต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว ใครคิดจะมาแย่งก็ต้องผ่านด่านข้าให้ได้ก่อน” บอกเสียงเย็นน่ากลัว ต่างจากใบหน้างามที่กำลังเผยยิ้มในยามนี้ยิ่งนัก
ไป่ชวนเอียงคอมองภรรยาตัวน้อยของตนพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก ‘หึหึ ตัวแค่นี้พูดจาโอหังโอ้อวดราวกับตนเป็นผู้สำเร็จวิชาการต่อสู้มา หากชิงสุ่ยปรี่เข้ามาจริง ๆ คิดหรือว่าตนจะรับมือไหว ตัวเท่ามดยังมีหน้าคุยโว้ให้คนอื่นผ่านด่านตนให้ได้อีก แค่เขาออกแรงผลักก็ล้มทั้งยืนแล้วกระมัง’ นึกปรามาสภรรยากำมะลอของตนที่ทำหน้าตาขึงขังจริงจังอย่างมาก
“พี่ใหญ่หากท่านไม่ได้หมายจะมาเยี่ยมสามีข้าก็กลับไปเถอะ อย่าสร้างเรื่องให้ท่านหมอต้องลำบากใจเลย ข้าขอล่ะ” มารดาเสิ่นเทาเอ่ยเสียงเครือ นึกเกรงใจผู้ที่ช่วยทั้งสามีและบุตรตนเหลือเกิน ยามนี้ญาติพี่น้องตนยังมาสร้างความวุ่นวายให้อีก
“พาข้ากลับไปรักษาที่หมู่บ้านเถอะ อยู่ที่นี่ข้าเกรงใจท่านหมอและภรรยายิ่งนัก” คนเจ็บเอ่ยเสียงแหบพร่า ลุงหยางแกพยายามเดินออกมาจากด้านในด้วยตนเอง ตั้งแต่เกิดเรื่องแกก็ยังไม่ได้สติ กระทั่งเสียงเอะอะนี้ดังขึ้นมารบกวนทำให้รู้สึกตัว พอรู้ว่าญาติพี่น้องมาสร้างเรื่องวุ่นวาย แกก็นึกเกรงใจเจ้าของเรือนจนต้องพยุงกายตนเองออกมาอย่างที่เห็น
“ลุงหยาง” หลานชายที่มาด้วยกันรีบตรงเข้าไปพยุงคนละข้างกับญาติอีกคน พวกเขาตั้งใจจะมาเยี่ยมจริง ๆ และนึกไม่ถึง ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้
ชิงเยว่มองภาพตรงหน้าก็แอบถอนหายใจเล็กน้อย ความต่างของคนชนชั้นนี้มันไม่เหมือนในเมืองจริง ๆ
“ลุงหยางอย่าพึ่งขยับจะดีกว่าบาดแผลยังใหม่อยู่ อาจไม่เป็นผลดีหากยังฝึน พาแกไปนอนที่เตียง ส่วนคนที่ข้าไม่ต้องการให้อยู่ ก็ออกไปเสีย อย่าให้ต้องพูดซ้ำ” น้ำเสียงแข็งกร้าวเปล่งออกมาอีกรอบ พร้อมกับนัยน์ตาคมดุที่จ้องมองสามพ่อแม่ลูกอย่างเอาเรื่อง เพราะวันนี้มันเกินขีดจำกัดเขาแล้วจริง ๆ
ชิงเยว่เห็นแล้วก็นึกหวั่น ไม่คิดว่าคนอ่อนโยนเช่นเขา ยามโกรธขึ้นมาจะน่ากลัวพอ ๆ กับหมาป่ายามที่มันจ้องตระครุบเหยื่อ หากไม่ทำอะไรสักอย่างดูท่าเขาต้องตบะแตกกว่านี้แน่
“ท่านพี่เข้าไปดูลุงหยางเถอะนะเจ้าคะ” บอกพร้อมกับลูบแขนแกร่งแผ่วเบา ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มส่งให้อย่างอ่อนโยน
สร้างความแค้นให้หญิงสาวที่หมายปองท่านหมอมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นสายตาของไป่ชวนอ่อนลง ทว่านางมิอาจทำอันใดได้ ในเมื่อเจ้าของเรือนไล่แล้วก็ต้องออกไป
“ข้าไม่มีวันยอมหรอก” เมื่อเดินออกมาถึงหน้าประตูก็ยังมิวายกล่าวทิ้งท้ายไว้อีก ทำเอาญาติพี่น้องที่มาด้วยต่างก็ถอนใจ
“ก่อนนี้ท่านหมอก็บอกแล้วว่าไม่ได้ชอบ ไยถึงดื้อด้านนัก” ญาติผู้พี่เอ่ยตำหนิทันที ก่อนจะปิดประตูเมื่อสามพ่อแม่ลูกออกไปพ้นแล้ว ไม่มีใครใส่ใจเสียงที่แผดอยู่หน้าเรือนสักนิด
“ข้าไม่เคยเห็นท่านหมอโกรธเพียงนี้ คงเหลืออดแล้วจริง ๆ กระมัง” อีกคนสำทับคำ ก่อนจะเดินเข้าไปเพื่อเยี่ยมคนเจ็บ ซึ่งยามนี้ท่านหมอกำลังใส่ยาให้ท่านลุงหยาง
“ช่วงนี้ยังไม่อาจเคลื่อนย้ายท่านลุงได้ เพราะบาดแผลยังใหม่และใหญ่มาก จำต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ก่อนนะ”
“เช่นนั้นป้าขออยู่ดูแลสองพ่อลูกที่นี่นะไป่ชวน สองคนนี้จะได้ไม่เป็นภาระให้เจ้ามากจนเกินไป” บอกอย่างเกรงใจ
“ได้สิท่านป้า แต่ท่านป้าคงต้องพักอยู่กับท่านลุงนะ เรือนข้ามีห้องพักไม่มาก คับแคบหน่อยนะขอรับ” น้ำเสียงเขาต่างจากเมื่อครู่ยิ่งนัก ชิงเยว่จึงได้แต่ยิ้มเอ็นดูสามีปลอม ๆ ของตน
‘หรือเป็นเพราะเขาดีเช่นนี้ คนในเมืองถึงอยากได้เป็นเขยนัก หรือมีอย่างอื่นที่ดึงความสนใจของผู้คนอีก ชักอยากรู้แล้วสิ เหตุใดสตรีในเมืองนี้ถึงได้คลั่งไคล้เขานัก นอกจากรูปงามและจิตใจดี ท่านยังมีสิ่งใดดึงดูดผู้คนได้อีกหรือท่านหมอไป่ชวน’ นึกในใจเมื่อเห็นท่าทางอ่อนโยนของเขา
