ตอนที่3.
“เอาเข้าไปแม่ลูกคู่นี้ยอกันเอง ผมว่าคืนนี้นางฟ้าของผมคงนอนยิ้มหวานทั้งคืน” อเนกไม่วายหยอดมุขแซวภรรยา ก่อนโอบเอวอีกฝ่ายมาแนบตัวอย่างเอาใจ
โชคมองท่าทางของคู่สนทนาอย่างเงียบๆ ก่อนหันไปจับสังเกตชายหนุ่มลูกชายของสองสามีภรรยา รักษ์ส่งสายตายั่วเย้ามาให้ลูกสาวของเขา ทำให้ลูกสาวเขาแอบค้อนให้ โชควางใจได้ระดับหนึ่งว่าสัมพันธภาพของสองหนุ่มสาวคงไม่ก้าวหน้าไปถึงไหน เขาเชื่อว่าอัปสรสุดาไม่มีวันติดใจลูกชายของอเนกแน่ ด้วยรูปลักษณ์ของชายหนุ่ม อาจทำให้หญิงสาวหลายคนต้องตาต้องใจ แต่อัปสรสุดาลูกสาวของเขาไม่ได้มองเห็นตรงนั้น ดูได้จากอาการที่เธอแสดงออกกับอีกฝ่าย ลูกสาวเขาไม่โง่หลงรูปกายภายนอกของรักษ์ เหมือนใครบางคนในอดีตเคยหลงรูปของผู้เป็นพ่อของชายหนุ่ม จนทิ้งขว้างความรักความจริงใจที่เขามีให้
คิดถึงตอนนี้แล้วหัวใจของชายวัยใกล้ฝั่งร้าวลึก เจ็บกายหายได้โดยอาศัยเวลา หากเจ็บใจเวลามิช่วยอะไรเลย ความเจ็บยิ่งแทรกลึกฝังติดแน่นในหัวใจยากจะถอดถอน อะไรจะช่วยให้ความเจ็บนี้คลายได้นอกจาก
‘ความเจ็บปวดของคนที่เป็นต้นเหตุ’
“คุณแน่ใจแล้วหรือคะคุณอเนก ที่จะลงทุนกับคุณโชค” พรรณรายเอ่ยถาม หลังจากสามีพบกับโชค
ในการนัดพบเพื่อเจรจาทางธุรกิจครั้งนี้ โชคเสนอให้อเนกร่วมลงทุนสร้างรีสอร์ทแห่งใหม่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยโชคจะถือหุ้นรองให้อเนกเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โชคให้เหตุผลว่าเขายังหน้าใหม่เกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมในประเทศ หากได้อเนกออกหน้าย่อมเป็นผลดีกว่า อเนกยอมรับว่าเขากล้าเสี่ยงลงทุน กับโครงการที่มีเม็ดเงินในการลงทุนจำนวนมาก โชคเสนอจะเป็นเพียงหุ้นส่วนรองถือสิทธิ์รองจากอเนก
“คุณพรรณผมแน่ใจในการตัดสินใจครั้งนี้ที่สุด คุณโชคเขาให้เกียรติเรายอมให้เราถือหุ้นมากกว่า ทั้งที่โครงการนี้มีคนสนใจมาก การที่เขาเลือกเราแปลว่าเขาเห็นความสำคัญของเรา”
อเนกร่ายยาวท่าทางปลื้มอกปลื้มใจ กับการได้ร่วมลงทุนกับโชคในครั้งนี้มาก
“คุณจะให้ใครช่วยดูแลให้ แค่งานทางนี้ก็มากเกินจะดูแลแล้ว ตฤณเขาก็งานล้นมือส่วนคุณก็สุขภาพไม่ค่อยดี” พรรณรายอดห่วงไม่ได้
อเนกยิ้มกว้าง ท่าทางไม่ได้ทุกข์ร้อนสักนิด “คุณพรรณเรามีลูกชายตั้งสองคน” เขาเอ่ย
“โอ๊ย คุณจะให้ลูกไปทำงานไกลถึงเชียงใหม่ ฉันไม่ยอมหรอกค่ะ” พรรณรายโวยวาย
“ทำไมล่ะคุณพรรณ? ” อเนกมองหน้ายุ่งๆของภรรยา “ตารักษ์เขาเก่ง งานแบบนี้เขาถนัด ไม่เห็นต้องน่าเป็นห่วงเลย”
พรรณรายค้อนสามีวงใหญ่ รู้ทั้งรู้ว่าเธอห่วงใยลูกชายคนนี้มาก ก็ยังจะส่งให้ไปทำงานไกลๆ อีก รักษ์เป็นลูกชายที่ได้ดั่งใจทุกอย่าง คอยเอาอกเอาใจแม่สารพัดดูแลทั้งเรื่องอาหารการกิน แม้แต่คอยบีบนวดให้ยามปวดเมื่อย พรรณรายรักและห่วงใยรักษ์มาก กับตฤณเธอก็รัก แต่กับรักษ์พรรณรายยอมรับว่าเธอลำเอียง ให้ความรักมากกว่าลูกชายบุญธรรมอีกคน อเนกรู้แต่เขาก็เฉยเสียเขารักตฤณมากกว่ารักษ์ จึงเป็นการลำเอียงแบบลงตัว ตฤณลูกพ่อ รักษ์ลูกแม่ ไม่มีใครน้อยใจใคร
“ส่งคนอื่นไปแทนก็ได้นี่คะ ในบริษัทเรามีพนักงานเก่งๆตั้งเยอะแยะ”
อเนกส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของภรรยา “ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกคุณพรรณ”
“ทำไมจะทำไม่ได้คะ! ” พรรณรายเริ่มอารมณ์เสีย มองสามีตาขุ่น
“คุณโชคเขาจะว่าเอาได้ว่าเราไม่ให้เกียรติเขา ทางเขาส่งลูกสาวไปดูแลงานเองเลยนะ”
เหตุผลของสามีทำให้พรรณรายยอมจำนน แต่ก็อดห่วงใยลูกชายสุดสวาทไม่ได้
“แล้วตารักษ์แกจะทำไหวหรือคะคุณ เห็นคุณโชคว่าที่ที่จะสร้างโครงการอยู่ไกลในป่าในเขาโน่น ฉันล่ะเป็นห่วงลูกจริงๆ”
“ทางโน้นเขายังส่งลูกสาวไปเลย ลูกเราเป็นผู้ชายจะทำไม่ไหวก็ให้มันรู้ไป! ” อเนกเอ่ยตัดความ เขาอ่อนใจกับภรรยาเหลือทน
“ฉันไม่พูดกับคุณแล้วคนอะไรเจ้าอารมณ์! ”
พรรณรายพูดแล้วสะบัดหน้าใส่สามี เดินหนีไปเฉยๆ
อเนกส่ายหน้าอย่างระอา ผู้หญิงยากแท้หยั่งถึง บทจะงอนขึ้นมาก็ตั้งรับแทบไม่ทัน พูดกันอยู่ดีๆก็งอนหนีไปเสียแล้ว ใครเจ้าอารมณ์กันแน่!
แนวเขาเรียงรายสูงบ้างเตี้ยบ้างมีให้เห็นตลอดทาง รถตู้โดยสารขับไปตามทางคดเคี้ยว บางครั้งคนที่นั่งอยู่ในรถเอียงไปเอนมา เพราะมีโค้งหลายโค้งติดต่อกันชวนเวียนหัว หากชายหนุ่มที่อยู่ติดริมหน้าต่างกลับรู้สึกสนุกสนานเป็นพิเศษ นอกจากทิวทัศน์สองข้างทางจะสวยแปลกตาแล้ว หญิงสาวที่นั่งข้างๆก็พาให้อารมณ์ดีหนัก เธอคอยหลบเมื่อเขาเอนตัวตามการขับขี่ของโชเฟอร์ หญิงสาวทำหน้าตาบึ้งตึงปากบางเม้มอย่างอึดอัด
ใครเป็นคนออกความคิดให้เธอมานั่งข้างๆเขา รักษ์อยากจะขอบคุณสักร้อยครั้ง แม่นางฟ้าแสนงอนยามทำหน้าบึ้งแบบนี้ช่างน่ารักเสียจริง เขาอยากแกล้งเธอเล่นนานๆหน่อย แต่พอเห็นท่าทางเกร็งจัดของเธอแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ชายหนุ่มเลยแกล้งหลับให้อีกฝ่ายสบายใจ
เมื่อเห็นชายหนุ่มพิงศีรษะกับกระจกรถพร้อมกับหลับตาลง อัปสรสุดาก็ผ่อนตัวไม่เกร็งขืนเหมือนคราวแรก สงสัยนายตัวดีจะเมารถหลับไปแล้ว คนกรุงพอมาเจอทางคดเคี้ยวของแนวเขาหลายๆ ลูกแบบนี้ ต่อให้อึดแค่ไหนก็ทนไม่ไหวหรอก ขนาดเธอเดินทางมาหลายครั้งยังแทบแย่
สายตาอดลอบมองอีกฝ่ายไม่ได้ ยามนอนหลับแบบนี้ไม่เหลือเค้าชายหนุ่มจอมกวนเลย ผมรุ่ยลงมาปรกหน้าผากแลดูเหมือนหนุ่มน้อยหน้าใสไร้พิษสง คิ้วดำดกหนาได้รูปช่วยส่งให้หน้าขาวๆ ไม่ดูจืดชืดเกินไป มองเลยไปที่ปากแล้วอดยิ้มไม่ได้ ผู้ชายอะไรปากบางแดงเรื่อเหมือนปากผู้หญิง ใบหน้าอาจจะสวยกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ อัปสรสุดาเผลอยิ้มให้คู่อริแล้วหลับตาบ้าง หญิงสาวรู้สึกคลายใจเมื่อเห็นคนที่นั่งติดกันหลับไปแล้ว
“คุณ...ถึงแล้ว”
เ สียงกระซิบเบาๆ ดังข้างหู ลมหายใจอุ่นกระทบแก้มนวลแผ่วๆ ปลุกให้คนที่อยู่ในห้วงนิทรารมย์อันแสนสุขตื่นขึ้น ในนาทีแรกหญิงสาวสัมผัสถึงความอบอุ่นโอบล้อมตัวเอง ความง่วงทำให้ไม่เฉลียวใจ ซุกตัวแอบอิงกับความอบอุ่นนั้นต่อ เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นใกล้หู ทำให้อาการง่วงหายไป
อัปสรสุดาลืมตาขึ้นมองแล้วอุทานลั่น
“คนบ้ามากอดฉันทำไม! ”
มือน้อยผลักร่างแนบชิดออกห่าง ตาขุ่นเขียว
“คุณผู้หญิงครับกรุณาดูดีๆสิครับ ว่าใครกอดใคร” รักษ์อมยิ้มพลางโต้กลับ
อัปสรสุดาแทบแทรกแผ่นดินหนี เธอขึ้นไปนั่งบนตักชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แถมยังซุกร่างแนบชิดกับเขาอีก หญิงสาวขยับตัวถอยห่างออกมาแก้มนวลเปลี่ยนสี หน้าร้อนวูบวาบหลบสายตาคนจ้องมอง จะมีอะไรน่าอายเท่านี้อีกไหม ปากบอกว่าเกลียดเขาแต่กลับไปนั่งกอดเขาอยู่ตั้งนานสองนาน
“ถึงแล้วใช่ไหม ฉันขอตัวก่อน”
อัปสรสุดารีบลงมาจากรถแล้วเดินหนีไปไกลจากคู่อริ ไม่มีอะไรดีกว่าการไปให้พ้นๆจากสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้ ผู้คนซึ่งร่วมขบวนมาด้วย ลงมาสำรวจพื้นที่กระจายกันอยู่ทั่วไปหมด หญิงสาวเดินเข้าไปหาวิศวกรผู้คุมการก่อสร้างที่กำลังกางแผนงานคุยกับทีมงานสองสามคน
“คุณสุชาติลงมาไม่ปลุกฟ้าเลยนะคะ” หญิงสาวต่อว่าน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
สุชาติยิ้มตาใสปรายตามองชายหนุ่มที่ยืนพิงรถอยู่ ก่อนจะตอบคำถามของนายจ้างสาว
“แฟนคุณฟ้าเขาบอกว่าเดี๋ยวจะปลุกเอง เห็นว่าท่าทางคุณฟ้าเพลียมาก ผมเลยปล่อยให้เขาดูแลคุณ”
คำตอบของลูกน้องทำเอานายจ้างสาวหน้าแดงกล่ำหูอื้อ นายตัวแสบบังอาจอ้างว่าเป็นแฟนของเธอ ช่างร้ายกาจอะไรเช่นนี้ ที่สำคัญเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็ดันไปนอนกอดเขาให้คนอื่นเข้าใจผิด จะแก้ตัวก็รังแต่จะเข้าเนื้อเปล่าๆ
