บทที่ 4
“พี่คะ ใจเย็นๆ ก่อนสิคะ” หญิงสาวคนที่ภวัตรซื้อตัวมาเอ่ยห้าม เพราะชายหนุ่มไม่พูดพล่ามทำเพลง พอขึ้นมาบนห้องได้ก็จับเธอถอดเสื้อ ถอดผ้าออก
“ไม่ต้องพูดมาก” น้ำเสียงของคนที่กำลังเมาได้ที่เอ่ยบอก ก่อนจะจับหญิงสาวที่ตอนนี้เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ลงนอนบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง จากนั้นก็จัดการปลดเข็มขัด รูดซิปกางเกงออก รั้งกางเกงพร้อมอันเดอร์แวร์ให้ลงไปกองที่หัวเข่า ชายเสื้อเชิ้ตหมิ่นเหม่ปิดของสำคัญ ที่ทำเอาสาวเจ้าซึ่งนอนตาวาวบนเตียงเร่าร้อนได้ไม่ยาก
“ถุงยาง” ภวัตรแบมือขออุปกรณ์ป้องกัน คุณโสหน้าสวยเพราะเครื่องสำอางจึงขยับร่างกายอวบอัดขึ้นไปหยิบให้ ถุงฟอยด์สีเงินถูกฉีกออกก่อนจะหยิบสิ่งของภายในออกมาสวมใส่ป้องกัน เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ถึงเวลารุกล้ำ
ภวัตรแทรกตัวอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของหญิงสาวนิรนามที่ซื้อมาด้วยราคาไม่ถึงพัน รูปร่างหน้าตาของเธอก็ถือว่าสวยใช้ได้ ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะเริ่มบรรเลงจังหวะราคะแบบไม่ต้องโลมเลียให้เสียเวลา แต่ถึงอย่างนั้นภายในร่างกายของหญิงสาวก็พรั่งพร้อมรับมือ ความคับแน่นในครั้งแรกจางหายเมื่อมีความเสียวซ่านเข้ามาครอบงำแทนที่
หน้าอกอวบหยุ่นเต่งตึงดั่งวัยสาว กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการรุกล้ำเข้าออกของชายหนุ่มที่อยู่ด้านบน ยั่วยวนให้ภวัตรโน้มใบหน้าลงไปสัมผัสซุกไซ้ด้วยกึ่งปากกึ่งจมูก ก่อนจะอ้าปากรับเม็ดยอดสีน้ำตาลที่กำลังตึง แข็งเป็นไตเข้าไปหยอกเย้า ดูดดุนด้วยลิ้น ร่างบางเปลือยเปล่าบิดเร่า ส่งเสียงคราญครางปานจะขาดใจ บิดส่ายไปมาอย่างเชิญชวนและเรียกร้อง
“คุณนี่สุดยอดจริงๆ ” น้ำเสียงสยิวของสาวเจ้าดังขึ้น นานแล้วที่เธอไม่เคยเจอใครเร่าร้อนเท่าชายหนุ่มคนนี้มาก่อน อาวุธของเขาก็ร้ายกาจแม้ขนาดของมันจะไม่ใหญ่ยาวมากเท่าที่หวังก็ตามที แต่ลีลาก็ถือว่ากินขาดจนทำให้เธอสำเร็จความต้องการไปหลายต่อหลายครั้ง
ภวัตรมีเรี่ยวแรงดั่งม้าศึก ชายหนุ่มถาโถมเข้าหาผู้หญิงตรงหน้าแบบไม่ปราณี เพราะมั่นใจว่าเธอรับมือได้สบายๆ ยิ่งเธอครางปานจะขาดใจแบบนี้ก็ยิ่งชอบ จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นให้เธอมาเป็นคนคุมเกมเสียบ้าง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ทำให้ลูกค้ารายล่าสุดผิดหวังแม้แต่น้อย เธองัดเอาลีลา ท่วงท่าทุกอย่างมามัดใจภวัตร เพราะหวังจะให้ชายหนุ่มกลับมาใช้บริการเธออีก แต่จังหวะที่กำลังจะโน้มตัวลงไปจูบปาก ภวัตรกลับเบือนใบหน้าหนีไปอีกทาง
“ฉันไม่ชอบจูบ”
“ได้สิคะ ฉันตามใจคุณอยู่แล้ว” ในเมื่อลูกค้าไม่ชอบเรื่องจูบ เธอก็ไม่ขัดใจอยู่แล้ว เพราะต่อให้ไม่ได้จูบปากแลกลิ้นกัน เธอก็มีความสุขได้ไม่ยากเย็นนักในเมื่อจูบปากไม่ได้ หญิงสาวจึงไซ้ใบหน้าไปตามลำคอ ต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าอกของชายหนุ่ม เพราะเสื้อเชิ้ตที่เขาไม่ทำแม้จะปลดกระดุม ตอนนี้เธอเป็นคนปลดมันออกจนหมดสิ้น ขณะที่สะโพกก็ยังคงเคลื่อนไหวขึ้นลง รับความเป็นชายของภวัตรให้เข้าไปอยู่ในร่างกายไม่ได้หยุดหย่อน
หลังผ่านไปเกือบๆ หนึ่งชั่วโมง เกมราคะที่เกิดขึ้นก็จบลง ภวัตรยืนหันข้างแต่งตัวให้หญิงสาวบนเตียง ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเอาผ้าห่มคลุมกาย ก่อนจะหยิบเงินส่งให้พร้อมทิปอีกหน่อย จากนั้นก็เดินก็กลับออกไปจากห้องแคบๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น
“ว่างๆ ก็มาใช้บริการฉันอีกนะคะ” ประโยคของคนบนเตียงเอ่ยตามหลัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภวัตรหันไปสนใจแต่อย่างใด แต่อยู่ๆ ความคิดบางสิ่งบางอย่างก็ผุดขึ้นในสมอง นั่นคือของที่จะใช้พนันกับปกเกล้าครั้งต่อไป ภวัตรคิดออกแล้วว่าจะใช้อะไร หึหึ...
รอยยิ้มของชายหนุ่มผุดขึ้นที่มุมปากทันที
วันที่ภู่แก้วเดินทางมาถึงเมืองไทย ภวัตรขับรถไปรอรับน้องสาวคนนี้ที่สนามบินก่อนเวลาเสียอีก ชายหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับแผนการบางอย่างในหัว ถ้าไม่มีภู่แก้วสักคนเขาก็ยังคงเป็นที่หนึ่งเสมอ ก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูสดใสเมื่อเห็นภู่แก้วเดินออกมาจากอาคารผู้โดยสาร
“พี่กร” ภู่แก้วอาแขนกว้างก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งภวัตรก็อ้าแขนรับ กอดตอบน้องสาวคนนี้ไปเช่นเดียวกัน ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“เป็นไง นั่งเครื่องเหนื่อยไหม”
“ไม่เหนื่อยค่ะ” เหตุผลที่เป็นแบบนั้น เพราะจิตใจของภู่แก้วจดจ่อกับการมาเมืองไทย เธอจะได้เจอมารดาเจอพี่ชาย หลังจากนี้ก็จะอยู่ด้วยกัน ไม่จากไปไหนไกลๆ อีกแล้ว เพราะเธอเรียนจบแล้วนั่นเอง พอรู้ว่าตัวเองเรียนจบ เธอก็กระโดดโลดเต้นราวกับเด็กๆ
“งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ ถ้าแม่รู้ว่าแก้วกลับมาแบบนี้ คงดีใจมากแน่ๆ”
“ค่ะ” ภู่แก้วเอ่ยรับเสียงสดใส ภวัตรเดินมาเข็นรถขนกระเป๋าให้ สองพี่น้องเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามสนามบิน ยิ่งคิดว่าอีกอึดใจเดียวจะได้เจอหน้ามารดา ภู่แก้วก็ยิ่งตื่นเต้น จนมือไม้เย็นไปหมด ชักอยากจะเห็นหน้ามารดาแล้วสิ ว่าจะเป็นยังไงถ้าหากเห็นเธออยู่หน้าบ้าน
ภวัตรเก็บกระเป๋าใส่ท้ายรถให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับขึ้นไปนั่งข้างๆ ภู่แก้ว แต่ก่อนจะสตาร์ทรถชายหนุ่มก็หยิบน้ำผลไม้เย็นๆ ที่เตรียมไว้ มายื่นให้น้องสาว
“มาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อน”
“ขอบคุณค่ะ” ความที่เชื่อใจและไว้ใจ ทำให้ภู่แก้วรับน้ำผลไม้นั้นมาถือไว้ ก่อนจะยกขึ้นดื่ม รสชาติของมันอร่อย ดับกระหาย จนเธอดื่มไปเกือบหมดขวด
“น้ำอะไรคะเนี่ย อร่อยมากเลย”
“น้ำฝรั่งสีชมพูนะ พี่มั่นใจว่ามีกินที่เมืองไทยที่เดียวแน่” ภวัตรเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ พร้อมกับรออะไรบางอย่างให้ออกฤทธิ์
“ใช่ค่ะ ที่อังกฤษไม่มีแน่” คนพูดยิ้มหวาน แต่ไม่นานหลังจากดื่มน้ำผลไม้ในมือหมด ภู่แก้วกลับรู้สึกง่วงขึ้นมาดื้อๆ เธอพยายามฝืนลืมตาไว้แต่กลับทำไม่ได้ “พี่กร แก้วง่วงจัง” พูดจบกล่องน้ำผลไม้ในมือก็ร่วง ภู่แก้วคอพับหลับไม่ได้สติไปเสียแล้ว
ภวัตรยิ้มเหยียดที่มุมปาก มองหน้าน้องสาวที่เขาจำต้องแสดงออกว่ารัก ว่าเอ็นดู มาตั้งแต่ที่ภู่แก้วลืมตามองโลกใบนี้ ที่เสแสร้งแกล้งทำแบบนั้นก็เพื่อให้บิดาและมารดายังรักและสนใจเขาอยู่ ลับหลังเมื่อไหร่ หากกลั่นแกล้งภู่แก้วได้เขาก็จะทำ น่าแปลกที่เธอไม่เคยเอาเรื่องนี้ไปฟ้องบิดากับมารดาเลยสักครั้ง ซึ่งก็ดีสำหรับภวัตรไม่น้อย
