ตอนที่ ๒ ความห่วงใยที่ไร้ผล 3
“โอ้ย! พีชเจ็บนะอาแวน” เรเน่อุทานลั่น เมื่อแรงจากมือหนาทำเอาปวดต้นแขนไปหมด “อาแวนมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับพีชคะ พีชออกมาเที่ยวกับแฟน ทำไมอาแวนจะต้องตามมาลากพีชกลับบ้านด้วย ขนาดคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ทำกับพีชแบบนี้เลย”
“อาไม่ได้ตามมาลากพีชกลับ แต่อามาเที่ยวแล้วบังเอิญอยากลากกลับต่างหาก!” ชายหนุ่มเถียงเสียงแข็ง
“ไม่ว่ายังไงอาแวนก็ทำแบบนี้ไม่ได้ จอดรถนะคะ พีชอยากอยู่เที่ยวต่อ” เธอจงใจยั่วให้เขาโมโห หวังอย่างยิ่งว่ามันจะเป็นการยั่วที่ทำให้เห็นเสียทีว่าเขาแค่หวงหลานสาว หรือหวงเธอในแบบอื่นกันแน่
“ไม่อนุญาต” เสียงเข้มเอ่ยหนักแน่น
“พีชไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครค่ะ พีชยังสนุกอยู่เลย ความจริงแฟนสุดที่รักของพีชว่าจะพาพีชไปต่อที่อื่นด้วยนะคะ เราตกลงกันว่า...เราจะไปตามลำพังเท่านั้น” คนตัวเล็กยื่นหน้ามาใกล้เพื่อเน้นย้ำคำพูดท้ายประโยคให้ชัดเจนเต็มสองหู แวนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า อยากกระชากร่างเล็กบอบบางนั่นให้เอนตัวนอนลงบนตัก แล้วฟาดก้นให้ระบมจนสาแก่ใจ แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น ที่ผ่านมาเขาไม่เคยลงโทษเธอให้เจ็บช้ำเลยสักครั้ง
“ปากคอร้ายกาจชะมัด เด็กบ้า!”
“อาแวนพูดแบบนี้ได้ยังไง!”
“แล้วจะทำไมฮะ!”
“นี่อาแวนตะคอกพีชเหรอคะ” เรเน่หันมามองเขาด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง ไม่เคยเห็นแวนโมโหแบบนี้มาก่อน นอกจากเมื่อตอนที่เธอให้เพื่อนผู้ชายมารับออกจากบ้านในคืนวันฝนตก มันเป็นคืนเดียวกับที่เขาปฏิเสธความรักอันบริสุทธิ์ของเธอ “จอดค่ะ พีชจะลง พีชไม่อยากนั่งรถไปกับคนใจร้าย” เสียงหวานฟังดูเกรี้ยวกราดน้อยลง
“อาเนี่ยนะใจร้าย ถ้าอาใจร้ายไอ้หมอนั่นมันไม่โดนไปแค่หมัดเดียวหรอก” เขาเถียง
“อาแวนไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นนะคะ! พี่เชนท์เป็นแฟนพีช อาแวนไม่ควรไปทำร้ายเขา ลืมไปแล้วเหรอคะว่าอาแวนก็เป็นแค่คนอื่น เราไม่ใช่ญาติกันด้วยซ้ำ อีกอย่างพีชมีคุณพ่อคุณแม่คอยบอกสอนอยู่แล้วค่ะ อาแวนไม่จำเป็นต้องมาทำตัวเป็นพ่อคนที่สองของพีชหรอก พีชไม่ต้องการ!” คำพูดร้ายกาจพวกนี้ทำเอาแวนถึงกับพูดไม่ออก เขานิ่งไปถนัดตา สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจ
“อา...” เขาพึมพำหลังจากนำรถไปจอดริมถนนเรียบร้อยแล้ว “อาขอโทษที่ไปก้าวก่ายชีวิตของพีชมากเกินไป แต่ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นโนอาห์หรือพี่ษา อาเชื่อว่าพวกเขาจะต้องทำแบบเดียวกันกับที่อาทำแน่ ไม่มีใครทนเห็นลูกหลานของตัวเองทำตัวแบบนั้นได้หรอก เอาเถอะ...สรุปว่าอาผิดเองก็แล้วกัน อาสัญญาว่าต่อไปจะไม่ยุ่งกับพีชอีกแล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูลงจากรถไป ทิ้งให้เรเน่นั่งนิ่งด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอพูดอะไรออกไปโดยขาดการยั้งคิด
ท้องฟ้าในยามนี้มืดหม่นและมีเค้าว่าฝนกำลังจะตก ถ้าหากมันตกลงมาจริงๆ เขาคงมีสภาพที่ไม่น่าดูนัก แต่อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งไปในรถคันเดียวกับคนปากร้ายอย่างเรเน่ เธอจะรู้บ้างไหมว่าคำพูดของเธอบาดลึกลงในจิตใจของเขามากเหลือเกิน มันมากจนทำให้เขาต้องนึกถึงภาพใบหน้าผอมเกร็งของมารดาผู้ให้กำเนิด
ผู้หญิงใจร้ายคนนั้น...
เพียงแค่ไม่กี่นาทีหลังจากที่แวนลงเดินไปตามริมถนน ฝนก็ตกหนักราวกับฟ้ารั่ว ชายหนุ่มเดินตัวตรงเต็มความสูง ไม่สนใจวิ่งหาที่กำบังหรือแม้แต่จะหยุดโบกมือเรียกรถแท็กซี่ ในหัวครุ่นคิดถึงเรื่องราวในวันนี้แล้วก็ยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง เขาทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน นอนน้อยมากเพราะแบบจิวเวลลี่ล็อตใหม่กำลังรีบเร่ง ต้องจัดการให้ทันกำหนดงานเปิดตัวที่บราซิล
เขาต้องประสานงานกับทุกฝ่าย ตรวจสอบทุกรายละเอียดด้วยตัวเอง หลังเลิกงานคิดว่าคงได้ล้มตัวนอนพักผ่อนให้เต็มที่ แต่ดันกลายเป็นว่าต้องแบกร่างออกมาไนต์คลับเพื่อตามเป็นห่วงหลานสาว ซึ่งสุดท้ายมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากความหวังดีพวกนั้นถูกมองเป็นแค่เรื่องน่ารำคาญแล้ว เขายังถูกย้ำให้ช้ำใจอีกว่าเขามันก็เป็นแค่คนอื่น
เรเน่นั่งทบทวนอยู่ในรถนานหลายนาที เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอเอง เธอจงใจยั่วให้เขาโกรธ พอได้ตามที่ต้องการแล้วกลับไปต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่ไหนแต่ไรมาเธอกับเชนท์ไม่เคยแตะต้องกันมากกว่ากอดและหอมแก้มเลย มีหลายครั้งที่เขาพยายามจูบเธอ แต่เธอก็หาเรื่องบ่ายเบี่ยงได้ตลอด ต่างจากคืนนี้ที่มันเกิดขึ้นง่ายแสนง่าย เพียงเพราะเธอไม่พอใจที่เห็นแวนมากับผู้หญิงคนอื่น แวนไม่มีความผิดใดเลยนอกจากแค่ยังคงรักและเป็นห่วงเธอเสมอ
คิดได้แบบนั้นเรเน่ก็เปิดประตูลงไปนั่งทางด้านคนขับ รีบสตาร์ทรถขับตรงไปข้างหน้า สายตามองหาร่างสูงใหญ่ของคุณอา เกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา ตอนนี้ฝันตกหนักมาก แวนเดินอยู่ข้างนอกย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ ดูจากท่าทางและสีหน้าแล้ว เขาคงเหนื่อยมาทั้งวัน ถ้าไปเดินตากฝนอีกอาจจะไม่สบายเอาได้
ขับรถไปได้สักพักก็มองเห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินทอดน่องอยู่ตรงริมฟุตปาธ หญิงสาวรีบลดกระจกลงแล้วตะโกนเรียกให้รีบขึ้นมาบนรถ แต่เขาไม่สนใจฟัง ไม่ยอมหันหน้ามามอง เอาแต่เหม่อลอยจดจ้องอยู่เบื้องหน้า เรเน่สบถอย่างฉุนเฉียว รีบตีไฟเลี้ยวนำรถไปจอดข้างทาง แล้วเปิดประตูลงมาเผชิญหน้ากับเขา
“ขึ้นรถเถอะค่ะอาแวน!” เธอตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่เทกระหน่ำลงมา
“อาเดินกลับเองได้” แวนบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“บ้านเราไม่ได้อยู่ใกล้ๆ นะคะ”
“ช่างเถอะ อาเดินได้”
“ไม่ได้ค่ะ อาแวนรีบขึ้นรถเถอะนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบาย...นะคะ” มือเล็กคว้ามือใหญ่เอาไว้ หวังจะดึงให้ตรงไปขึ้นรถ แต่เขาดึงมือกลับไปอย่างนุ่มนวล เรเน่หันไปมองสบตา หวังจะดูจากสีหน้าว่าเขาโกรธเกลียดเธอมากแค่ไหน แต่มันกลับไม่บ่งบอกถึงสิ่งใดเลย แวนแสดงออกอย่างว่างเปล่าจนน่าใจหาย
“ขึ้นรถไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” แม้บอกตัวเองว่าห้ามไปวุ่นวายอีก แต่เขาก็อดห่วงไม่ได้
“อาแวน...” ถึงตอนนี้เองที่เรเน่น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับก๊อกแตก แยกไม่ออกเลยทีเดียวว่าน้ำตาหรือสายฝนกันแน่ แวนตกใจมากเมื่อเห็นว่าจู่ๆ หญิงสาวก็ร้องไห้โฮ พร้อมกับโผเข้ากอดเขาเสียแน่น “พีชขอโทษที่ปากพล่อยค่ะ พีชเสียใจที่พูดแบบนั้นกับอาแวน พีช...พีชแค่โกรธอย่างไม่มีเหตุผลเท่านั้นเอง อาแวนยกโทษให้พีชนะคะ สำหรับพีชอาแวนคือผู้ชายที่พีชรักที่สุดเสมอ อาแวนคือน้องชายของคุณพ่อ แล้วก็ยังคงเป็นอาสุดที่รักของพีชเสมอ” ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาฟังดูสั่นเครือและกระท่อนกระแท่น แต่แวนก็ได้ยินมันชัดเจน เขายกมือขึ้นลูบหัวเล็กได้รูปที่เอนซบอยู่ตรงอก กอดเธอแนบแน่นด้วยความรักทั้งหมดที่มี
“ได้โปรด...อย่ามายุ่งกับอาอีกเลย”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เรเน่ได้ยิน ก่อนที่แวนจะผละออกห่างแล้วตรงไปโบกมือเรียกรถแท็กซี่ ปล่อยให้เธอยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น รู้สึกราวกับว่าความสุขในชีวิตได้ลอยหายไปจนหมดสิ้น ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของแวน แต่มันเป็นความผิดของเธอแต่เพียงผู้เดียว
