บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๒ ความห่วงใยที่ไร้ผล 2

“เยี่ยมเลย ถ้างั้นรินออกมาเลยก็ได้นะ ผมคงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพอดีตอนที่รินมาถึง”

“ได้ค่ะ รินจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย ว่าแต่เราจะไปไนต์คลับไหนดีล่ะ” หญิงสาวถาม

“เซ็กซี่ไนต์คลับ...” ในที่สุดสาวใช้กับคนขับรถที่แอบฟังอยู่เงียบๆ ก็ได้คำตอบ ที่แท้แวนก็ยอมสละเวลาพักผ่อนของตัวเองเพื่อตามหลานสาวคนสวยไปนี่เอง ดูท่าแล้วคงจะเป็นห่วงมาก ซึ่งมันก็ไม่แปลกเลย เพราะเมื่อก่อนทั้งคู่ติดกันหนึบทีเดียว เพิ่งมาห่างกันก็ตอนที่หญิงสาวยอมไปเรียนต่อต่างประเทศ

เมื่อก่อนภาระการดูแลเรเน่ก็เป็นของแวนเสมอ เพราะโนอาห์กับอุษาต้องไปเจรจาธุรกิจที่ต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ ไหนจะต้องไปตรวจสอบดูแลสาขาย่อยที่เปิดร้านขายจิวเวลลี่ขนาดย่อมอีกหลายสิบที่ แวนเคยอาสาจะไปดูงานพวกนั้นแทน แต่พี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่ยอม เพราะบอกว่าขืนทำแบบนั้นแวนคงเหนื่อยจนขาดใจตายกันก่อนพอดี

แม้ปัจจุบันจะมีคนที่ไว้วางใจได้คอยทำงานให้แล้ว แต่สองสามีภรรยาก็ยังอยากเดินทางไปดูงานด้วยตัวเอง บอกว่าถ้าต้องจับเจ่าอยู่แต่ในบ้านและเข้าบริษัทบ้างเป็นบางวัน มันก็คงน่าเบื่อสุดบรรยาย การเดินทางไปจังหวัดบ่อยๆ มันเปรียบเสมือนการได้เที่ยวเปิดหูเปิดตาไปด้วยในตัว เหตุผลนี้แหละที่ทำให้โนอาห์และอุษาไม่ยอมยกหน้าที่นี้ให้กับคนอื่น

เรเน่เองเรียนจบมาแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะยอมหางานทำ หากมีโอกาสเขาจะลองคุยเรื่องนี้ดู อยากน้อยเธอก็ควรไปเรียนรู้งานที่เลอฟรองด์จิวเวลลี่ดู ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลที่ต้องรับช่วงต่อในอนาคต ได้แต่หวังว่าเธอคงจะยอมเชื่อฟังเขาอยู่บ้าง

เซ็กซี่ไนต์คลับ

ร่างสะโอดสะองในชุดเดรสสีทองคอคว้านลึกรัดรูปที่สั้นกุดเพียงต้นขา กำลังโยกย้ายเรือนร่างเย้ายวนอยู่ท่ามกลางหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในไนต์คลับย่านดังกลางเมือง วาดลีลาการเต้นยักย้ายส่ายสะโพกสะกดทุกสายตาให้หยุดนิ่งดั่งต้องมนต์ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสะบัดคลอเคลียอยู่ตรงไหล่บาง ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อแยกยิ้มหว่านเสน่ห์ แต่ทันทีที่ชายหนุ่มหน้ามนเจ้าของดวงตาเรียวยาวเดินตรงมาดึงเธอเข้าไปกอด ชายคนอื่นก็พากันสบถด้วยความเสียดาย

เรเน่ พีชยา เลอฟรองด์ หัวเราะน่ารักอย่างพอใจที่ได้เห็นความผิดหวังบนใบหน้าของหนุ่มๆ ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตข้างแก้มเชนท์ ศิริกีรกุล หนุ่มหน้าหล่อทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลที่เพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส หลังจากถูกบิดาสั่งให้ไปดูแลงานที่นั่นนานหลายปี ตอนนี้ได้ตามแฟนสาวกลับยังเมืองไทย เหตุผลเดียวกันกับที่เขาต้องมาประจำบริษัทแม่ด้วยเช่นกัน

ภาพตรงหน้าทำเอาคนที่เพิ่งมาใหม่ถึงกับหน้าชาดิกไปทั้งแถบ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นหลานสาวสุดที่รักจุมพิตข้างแก้มแฟนหนุ่มอย่างไม่แคร์สายตาใคร แวนกำหมัดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เลือดในกายสูบฉีดพลุ่งพล่านอย่างไม่สบอารมณ์ เรเน่เคยอยู่ในกรอบตามแบบที่อุษาปลูกฝังมาตลอด เมื่อเห็นเธอทำอย่างนี้เขาก็ย่อมอดไม่ได้ที่จะเคืองโกรธขึ้นมา

แม้เขาจะไม่ใช่คนไทย ไม่มีสายเลือดชาวไทยอยู่ในตัวเลยแม้แต่หยดเดียว แต่มุมมองและอุปนิสัยส่วนหนึ่งของเขาก็กลายเป็นคนไทยไปแล้วเต็มตัว ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองว่าเขาเป็นพวกฝรั่งหัวโบราณหรือทำตัวล้าสมัย เพราะอย่างน้อยมันก็น่าภูมิใจ

“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ” บาร์เทนเดอร์สาวที่แต่งตัวเปรี้ยวจัดชะโงกหน้าเข้ามาถามด้วยภาษาสากล รอยยิ้มและสายตายั่วยวนที่ส่งมาไม่ได้ทำให้แวนใจเย็นลง ตรงกันข้ามยิ่งทำให้เขานึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ชายหนุ่มไม่ได้ยิ้มตอบ แต่ใช้ดวงตาสีฟ้างดงามจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา จนรินรตาต้องเอื้อมมือมาแตะไหล่เบาๆ

“เป็นอะไรไปแวน”

“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ ผมเหนื่อยนิดหน่อย” เขาหันมายิ้มให้เพื่อนสาว

“ว้าว! ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะพูดภาษาไทยได้ชัดเจนขนาดนี้ ชัดมากไม่ต่างจากคนไทยแท้ๆ เลย” บาร์เทนเดอร์ทำเสียงตื่นเต้น “ฉันเดาว่าคุณคงไม่ใช่คนไทยแน่เลยใช่ไหมคะ หมายถึงไม่มีเชื้อสายไทยอย่างแน่นอน แต่น่าแปลกนะคะที่พูดภาษาไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ นี่คงอยู่เมืองไทยมานานมากแล้วใช่ไหม” เจ้าหล่อนสอบสัมภาษณ์ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่สักนิด

“ผมอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้วครับ และถ้าคุณไม่ว่าอะไร...” แวนเว้นระยะพูดเล็กน้อย “ผมขอเบอร์เบิ้นสักแก้ว ส่วนคุณผู้หญิงคนนี้เอาเป็นบลูมาร์การิต้าครับ” ชายหนุ่มสั่งเครื่องดื่มสำหรับตัวเองและถือวิสาสะสั่งให้รินรตาด้วยเสียเลย เพราะทุกครั้งที่ออกไปดื่มด้วยกัน เขาไม่เคยเห็นเธอโปรดปรานอย่างอื่นนอกจากบลูมาร์การิต้า

“รู้ใจเสมอเลยนะคะ” หญิงสาวเอียงคอแล้วส่งยิ้มหวานหยด

“แน่นอนอยู่แล้ว คุณเป็นเพื่อนรักของผมนี่” ประโยคนี้ทำเอาบาร์เทนเดอร์สาวหูผึ่ง แอบพอใจอยู่ลึกๆ ที่รู้ว่าผู้หญิงที่มากับหนุ่มหล่อตาสวยคนนี้ เป็นเพียงเพื่อนสนิทไม่ใช่คนรัก ทั้งสองคนนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่สายตาของแวนมักจะเหลือบมองไปทางหลานสาวอยู่เป็นระยะ

ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเรเน่กับแฟนหนุ่มเท่านั้นที่กำลังหัวเราะร่วนกันอยู่ตรงโต๊ะที่ห่างออกไปไม่มาก แต่มีเพื่อนสาวและเพื่อนชายอีกราวสี่ห้าคนเข้ามาร่วมด้วย ยิ่งเห็นแขนกำยำล่ำสันนั้นโอบเอวเพรียวบางไว้ หัวใจของแวนก็ยิ่งกระตุกถี่รัว ยามที่เรเน่หันไปกระซิบชิดหูอีกฝ่าย สองแขนเรียวโอบกอดรอบต้นคอ เขาก็แทบห้ามตัวเองไม่อยู่ กลัวเหลือเกินว่าจะเผลอลุกไปกระชากหลานสาวตัวแสบ แล้วพากลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลย

แวนหันมามองทันทีที่แก้วเครื่องดื่มถูกเลื่อนส่งมาให้ เมื่อมือเรียวยาวเลื่อนไปกุมแก้วไว้ในมือ บาร์เทนเดอร์ช่างยั่วก็อาศัยจังหวะนั้นลูบไล้หลังมือเขาอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มมองสบตาด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร น่าเสียดายที่เขาเป็นพวกไม่ชอบเล่นกับความสัมพันธ์ชั่วคืน ฉะนั้นจึงทำได้แค่พยายามส่งยิ้มให้ แล้วยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันบรรจุอยู่เกือบเต็มขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ความแสบร้อนลามเลียจากลำคอลงสู่ช่องท้องที่ว่างเปล่า รู้สึกอุ่นซ่านขึ้นแทบจะในทันที

“เติมอีกเลยครับ” ไม่บ่อยนักที่เขาจะดื่มเหล้าแทนน้ำแบบนี้

“คุณมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่าแวน บอกรินได้นะคะ” รินรตาสังเกตเห็นความผิดปกติเข้าอย่างจัง เพราะถ้าปกติดีแล้วล่ะก็ เขาจะต้องร่าเริงและยิ้มบ่อยกว่านี้มาก

เธอรู้จักกับแวนมาหลายปีแล้ว เริ่มแรกก็คบหากันแบบคนรัก แต่หลายปีให้หลังทั้งคู่ก็ตัดสินใจจะหยุดความสัมพันธ์เหลือเพียงแค่เพื่อนที่ดี เพราะแวนไม่พร้อมสำหรับอะไรเลยสักอย่าง ในขณะที่รินรตานั้นต้องการครอบครัวและมีชีวิตการแต่งงานที่สมบูรณ์พร้อม เธออายุน้อยกว่าแวนสามปี แต่นั่นก็ถือว่ามากแล้วสำหรับผู้หญิง หากยังดื้อด้านรอคอยต่อไป มีหวังได้ขึ้นคานอย่างถาวรแน่

“ผมไม่เป็นไร ว่าแต่รินเถอะครับ ใกล้จะแต่งงานแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม” แวนเลี่ยงคำตอบแล้วเป็นฝ่ายสร้างคำถามเสียเอง “ผมไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ผมอยากจะบอกว่าผมดีใจนะที่เราเลิกกัน อย่างน้อยมันก็ทำให้ผู้หญิงที่แสนดีอย่างคุณไปพบเจอกับคนที่ดีกว่า คุณต้องจำไว้นะว่าถ้ามีปัญหาอะไร ผมจะอยู่ตรงนี้เสมอ”

“ขอบคุณมากนะคะ รินเองก็จะยังอยู่ตรงนี้กับแวนเหมือนกัน รินรู้จักแวนดีพอ เพราะฉะนั้นจะไม่บอกหน่อยเหรอคะว่าอะไรที่ทำให้แวนดูเครียดขนาดนี้ เรื่องงานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือว่ามีเรื่องทะเลาะกันกับหลานสาวของคุณอีกคะ” หญิงสาวไม่ล้มเลิกที่จะถามถึงประเด็นเดิม แน่นอนว่ามันทำให้แวนยอมแพ้ เขามีเพื่อนฝูงมากมายก็จริง แต่มีรินรตาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมากที่สุด สามารถระบายความในใจกับเธอได้ทุกอย่างเลยทีเดียว

“คือผม...” ชายหนุ่มเม้มปากแน่น แล้วพยักพเยิดไปทางที่เรเน่ยืนเต้นเคล้าคลึงอยู่กับแฟนหนุ่ม “นั่นไงคือปัญหาที่ผมกำลังหนักใจอยู่ เธอคือหลานสาวตัวแสบที่ผมเคยพูดถึงบ่อยๆ แล้วไอ้...เอ่อ ส่วนผู้ชายคนนั้นก็แฟนของเธอ อย่างที่คุณรู้นั่นแหละริน ผมค่อนข้างหวงหลาน แล้วก็ไม่ชอบให้เธอเป็นแบบนี้” คนพูดทำหน้าเครียดหนัก ขณะคว้าแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวพร่องไปเกือบครึ่ง

“นั่นเองเหรอคะเรเน่ สวยเหลือเกิน สวยมากๆ เลย” แม้จะเป็นเพศเดียวกัน แต่หญิงสาวก็อดชื่นชมในความงดงามปานเทพธิดาของอีกฝ่ายไม่ได้ “แวนต้องทำความเข้าใจหน่อยสิคะว่าเรเน่ไปอยู่เมืองนอกมานาน อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด แค่โอบกอดกันตามประสาแฟน เมื่อตอนที่เราคบกัน เราสองคนยังแทบจะ...” เธอไม่กล้าพูดต่อ

“แทบจะจูบกันต่อหน้าสาธารณชน” เป็นครั้งแรกของคืนนี้ที่แวนหัวเราะออกมาเบาๆ

“นั่นแหละค่ะ เรเน่โตเป็นสาวสวยขนาดนี้ ต่อให้หวงแค่ไหน คุณอาก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามไม่ให้เธอมีแฟนหรอกนะ ทางเดียวที่คุณจะจัดการกับความรู้สึกพวกนี้ได้คือปล่อยวางค่ะแวน” รินรตาวางมือทาบทับลงบนมือใหญ่อย่างให้กำลังใจ เธอรู้ดีว่าแวนรักและหวงหลานสาวมากมายแค่ไหน แต่การกันท่ามันไม่ใช่ทางเลือกที่ควรทำเลยแม้แต่น้อย “นี่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครนะคะ รินรู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน แต่ยังไม่เห็นหน้าชัดๆ เสียที”

“เห็นเรเน่บอกว่าหมอนั่นเพิ่งกลับจากดูงานที่ฝรั่งเศสน่ะครับ” เขาบอกตามที่รู้มาจากหลานสาว ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับแก้วเครื่องดื่มตรงหน้าต่อไป พร้อมพึมพำอย่างพยายามปล่อยวางตามที่อดีตคนรักแนะนำ “เราดื่มกันดีกว่าริน ผมคงเมาแน่คืนนี้ คุณต้องพาผมไปส่งที่คอนโดด้วยนะ ผมไม่ได้กลับคฤหาสน์เลอฟรองด์มาหลายวันแล้ว”

“อย่าบอกนะคะว่าไม่กลับเพราะหลบหน้าหลานสาว ถ้าใช่ รินว่าคุณอย่าทำแบบนั้นเลยแวน คุณห่วงก็ควรแสดงออกว่าห่วง รักก็บอกเธอไปเลยว่าคุณรัก มันไม่ยากอะไรนี่คะ”

“ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าความรักของผมกับเธอมัน...ต่างกัน”

“รินรู้ค่ะว่าหลายปีก่อนเธอเคยหลงรักคุณมากกว่าในแบบอาหลาน แต่นั่นมันคงเป็นช่วงหวั่นไหวของวัยรุ่นเท่านั้นเองค่ะแวน เธออาจจะสับสนระหว่างความรู้สึกของตัวเองกับความรักมากมายที่คุณแสดงออก เลยคิดมากไปกันใหญ่ ตอนนี้หลานสาวคนสวยของคุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ที่สำคัญเธอก็มีคนรักแล้วด้วย ถ้าเธอยังคิดอะไรแบบนั้นกับคุณอยู่ เธอคงไม่ยอมมีแฟนหรอกค่ะ” เหตุผลของหญิงสาวเปรียบเสมือนมือลึกลับนับสิบที่รุมตบมาบนใบหน้าเขาอย่างไม่ยั้ง

รินรตาพูดถูกต้องทุกอย่าง เรเน่ไม่น่าจะคิดอะไรเหมือนเมื่อตอนยังเด็กแล้ว คนที่คิดมากคงมีแค่เขาเพียงคนเดียว ลงทุนหลบหน้าเธอมานานเสียหลายวัน ทั้งที่คิดถึงใจแทบขาด สุดท้ายกลายเป็นว่ามันไม่ได้มีผลอะไรกับแม่หลานสาวตัวดีเลย เธอยังคงออกมาเที่ยวเฮฮากับเพื่อนไปตามปกติ ไม่ได้มานั่งจับเจ่าคิดถึงเขาเสียหน่อย

“นั่นสินะ” น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความขมขื่นที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้สึก มีเพียงคนข้างกายเท่านั้นที่ลอบมองด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าสุดท้ายจะกลายเป็นแวนเสียเองที่ไปเผลอตัวเผลอใจคิดเกินเลยกับเรเน่ ในเมื่อตอนนี้เธอทั้งสวยทั้งดึงดูด ผู้ชายเกือบทุกคนในไนต์คลับนี้พากันมองเธอแบบไม่วางตา เดาว่าแวนเองก็น่าจะสังเกตเห็นอยู่ก่อนแล้วเหมือนกัน

“คุณแน่ใจนะคะว่าไม่ได้เป็นฝ่ายคิดเกินเลยเสียเอง” รินรตาตัดสินใจถามตามตรง

“ไม่มีทาง แม้แต่คิดผมยังไม่เคยเลยริน!” เขาค้านเสียงดังทีเดียว “ให้ตายเถอะ...ได้โปรดอย่ามองผมด้วยสายตาคาใจแบบนั้นเลย ผมสาบานเลยนะว่าผมรักเรเน่ในฐานะหลานสาวเท่านั้น ที่ผมหวงเธอจนออกนอกหน้าน่ะผมยอมรับเลย แต่มันไม่ใช่เพราะผมคิดอะไรทุเรศๆ นะ ผมก็แค่...ยังคงเห็นเธอเป็นเหมือนหลานสาวตัวน้อยๆ ของผมอยู่เสมอ มันเหมือนกับที่พ่อแม่มักจะมองเห็นลูกของตัวเองยังเป็นเด็กตลอดเวลา แม้ว่าจะเติบโตแค่ไหนแล้วก็ตาม คุณเข้าใจผมใช่ไหมริน?” ทั้งหมดคือความจริงที่เขากลั่นกรองออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

“รินเข้าใจแล้วค่ะแวน” รินรตายิ้มโล่งอก เลื่อนไปลูบหลังเขาเบาๆ หวังจะให้คลายกังวลและเลิกทำหน้าตึงเครียดเหมือนไปฆ่าใครตายเสียที

จังหวะนั้นเองที่เรเน่ตวัดสายตาผ่านมาเห็นเข้า แม้จะเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง แต่ก็รู้ได้ในทันทีว่านั่นคือแวน ดวงตาสีเทาหม่นฉายแววกระด้างทันทีที่เห็นว่าเขามากับผู้หญิงสวยคนหนึ่ง ท่าทางที่สนิทสนมกันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัว ริมฝีปากบางเม้มแน่นเข้าหากัน มือทั้งสองบีบแก้วเครื่องดื่มจนปลายนิ้วขาวซีด ถ้าเลือกได้เธออยากจะเดินปรี่เข้าไปหา ดึงคุณอาสุดที่รักให้ออกห่างจากผู้หญิงคนนั้น แล้วอาจจะสั่งสอนที่บังอาจมาเกาะแกะกับเขาด้วยการตบหน้าสักฉาด

โดยปกติแล้วเรเน่ไม่ใช่คนที่มีอารมณ์รุนแรง ไม่มีความคิดก้าวร้าว แต่ถ้ามันเป็นอะไรที่เกี่ยวกับแวน ความรู้สึกของเธอจะถูกเงามืดบางอย่างบดบังจนกระทั่งสิ้นไร้แสงสว่างของเหตุผล ต่อให้อยากพุ่งตัวเข้าไปหาชายหนุ่มมากแค่ไหน เธอก็รู้ดีว่านั่นจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้น นอกจากถูกมองว่าเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตเสียที

เมื่อเห็นแวนกำลังจะหันมองมาทางที่เธอยืนแนบชิดอยู่กับเชนท์ อารมณ์ไม่พอใจก็ทำให้ตัดสินใจเลือกทำบางอย่างที่แม้แต่เพื่อนในกลุ่มก็ยังคาดไม่ถึง แน่นอนว่าอย่างน้อยมันก็คงป่วนความรู้สึกของผู้เป็นอาได้เป็นอย่างมาก ถือเสียว่าเอาคืนที่เขาทำเธอหัวเสียในคืนนี้ก็แล้วกัน

แวนตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อหันไปเห็นหลานสาวแนบริมฝีปากเข้าหาแฟนหนุ่มอย่างเร่าร้อน ทั้งสองคนกอดกันแน่นและบดเบียดริมฝีปากเข้าหากันชนิดไม่มีใครยอมพ่ายแพ้ให้แก่ใคร อาหนุ่มกำหมัดและขบกรามแน่นจนมองเห็นสันกรามกระด้างนูนขึ้นมา หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พยายามนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ หากอีกฝ่ายยอมแยกจากกัน เขาก็จะทำเหมือนมองไม่เห็น แต่ถ้าไม่ เขาจะไม่ยอมนั่งทนแล้วปล่อยวางตามที่รินรตาบอกแน่

สุดท้ายความอดทนของแวนก็สิ้นสุดลง...

ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะลุกจากเก้าอี้บาร์ตัวสูงแล้วก้าวอาดๆ ตรงเข้าไปหาเรเน่ที่ยังกอดจูบกับแฟนหนุ่มไม่เลิก แรกทีเดียวเพื่อนๆ ของเธอก็พากันยิ้มเลื่อนลอยเมื่อเห็นหนุ่มหล่อตรงเดินดิ่งเข้ามาใกล้ แต่ทันทีที่แวนกระชากไหล่หนาของเชนท์ให้ผละออกห่าง แล้วส่งหมัดลุ่นๆ กระแทกเข้าเต็มแก้มขวา จากสายตาชื่นชมก็แปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก

“อาแวน!” เสียงเรียกของเรเน่ทำให้เพื่อนๆ รู้ทันทีว่าเขานี่เองคืออาหนุ่มสุดหล่อของเธอ

“กลับบ้าน!” แวนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ยอมเสียเวลาทนอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ทำลงไปมันไม่สมเหตุผล เรเน่มีสิทธิ์กอดจูบกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าแฟน เพราะไม่ถือว่ามันเป็นสิ่งเลวร้ายนักสำหรับสถานที่แห่งนี้ อีกอย่างเธอก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว

ถามว่าแวนสนใจเหตุผลพวกนั้นไหม ตอบเลยว่าไม่สักนิด ต่อให้เธออายุมากกว่านี้อีกสักสิบปี แต่กล้ามากอดจูบกับผู้ชายหน้าไหนต่อหน้าเขา ทำเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกของเขา ไม่ใช่สิ...ความรู้สึกของอา เขาก็จะซัดไม่เลี้ยงเหมือนวันนี้โดยไม่ต้องไตร่ตรองให้เสียเวลาด้วยซ้ำ

มือหนาบีบข้อมือบอบบางของหลานสาวไว้แน่น ฉุดกระชากให้เธอเดินฝ่าฝูงคนตามเขาออกไปข้างนอก รินรตาคงไม่ว่าอะไรที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เพราะคงเห็นอยู่แล้วว่าสิ่งที่หลานสาวของเขาทำนั้นมันสุดจะทนจริงๆ ต่อให้ตรงนี้ไม่ใช่เขายืนอยู่ แต่เป็นโนอาห์กับอุษา เขาก็เชื่อว่าเรเน่จะต้องถูกลากกลับบ้านมาแบบนี้เหมือนกัน แน่นอนว่านั่นเป็นแค่วิธีคิดที่แวนใช้เข้าข้างตัวเอง ความจริงจะไม่มีใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของหญิงสาวทั้งนั้น

แวนมองหารถคันสวยที่โนอาห์เพิ่งซื้อให้ลูกสาว เมื่อไม่กี่วันก่อนรู้ว่าเธอจะกลับมาเมืองไทย พอเห็นมันจอดนิ่งอยู่ตรงลานจอดรถ ชายหนุ่มก็หันมาถามหากุญแจ ทว่าแม่ตัวดีกลับเชิดหน้าใส่อย่างท้าทาย ทำให้เขาต้องกระชากกระเป๋าถือที่เดาว่าเธอคงคว้าออกมาด้วยทันไปค้นหาเสียเอง พอพบกุญแจรถก็โยนกระเป๋าคืนส่งให้ตามเดิม พร้อมกันนั้นก็ดันร่างแน่งน้อยเข้าไปนั่งเคียงข้างตำแหน่งคนขับด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel