บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๑ พบกันอีกครั้ง 3

“เอ่อ ขอโทษที พีชโตขึ้นมากน่ะ อาเลยจำไม่ได้” แวนกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก รู้สึกว่าตอนนี้มือไม้มันเกะกะไปหมด ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดี จึงเลือกที่จะซุกมันลงในกระเป๋ากางเกง ก้มหน้าลงมองพื้นครู่หนึ่งพร้อมกระแอมเบาๆ ก่อนจะถามต่อ “ทำไมถึงมาเร็วนักล่ะ ไหนพ่อกับแม่บอกว่า...”

“พีชโกหกเรื่องเวลามาถึงค่ะ เพราะอยากจะมาเซอร์ไพรส์คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านเลย” เธอตอบสวนมาโดยไม่รอให้เขาถามจนจบประโยค “แหม นี่ดีนะคะที่พีชมาทันอาแวนพอดี เดาได้เลยว่าวันนี้อาแวนจะต้องไม่ได้ตั้งใจอยู่รอเจอพีชแน่ ใช่ไหมคะ?” หญิงสาวยังพูดจาแดกดันเสมอ

“ไม่นี่ ไม่ใช่นะ อากำลังจะออกไปเคลียร์งานน่ะ ตั้งใจว่าเย็นนี้จะรีบกลับมาเจออยู่พอดี” ชายหนุ่มแก้ตัวแล้วยิ้มที่มุมปาก

เรเน่เกิดอาการลมหายใจสะดุดคล้ายจะขาดห้วงขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะพูด ยิ้ม หรือทำหน้าแบบไหนก็ช่างดูงดงามไปหมด เธอคิดว่าตัวเองคงเลือกผิดแน่ที่กลับมาเมืองไทย แล้วอยู่ร่วมบ้านกับผู้ชายที่ไม่เคยเลือนหายไปจากหัวใจอีกครั้ง

หลังจากเรียนจบปริญญาโทไปเมื่อสามเดือนก่อน เธอควรจะหางานทำที่ฝรั่งเศสไปเสียเลยจะดีที่สุด แต่ช่างมันปะไร...ถึงอย่างไรก็ตัดสินใจกลับมาแล้ว แค่ทำทุกอย่างให้เป็นปกติก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร จากวันนี้จะท่องจำให้ขึ้นใจเลยทีเดียวว่าผู้ชายตรงหน้าคืออาของเธอ เขาเป็นเพียงแค่น้องชายของบิดา ไม่สำคัญว่าจะสายเลือดเดียวกันหรือไม่ แค่จำไว้ว่าเขาจะเป็นได้เพียงแค่อาของเธอเท่านั้นก็พอ

“หลานสาวกลับมาเมืองไทยทั้งที ใจคอจะยืนนิ่งอยู่แบบนั้นเหรอคะ” หญิงสาวหมายถึงเขาควรจะมาช่วยยกกระเป๋า แล้วปล่อยให้คนขับรถแท็กซี่ที่นั่งมองค่าโดยสารเพิ่มขึ้นอย่างใจเย็นนั่นไปที่อื่นเสียที ทว่าแวนกลับทำตรงกันข้าม ร่างกำยำสูงโปร่งดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะก้าวอาดๆ ตรงเข้ามาหาแล้วคว้าคนร่างเล็กเข้าไปกอดแนบอก

เรเน่นิ่งอึ้งและตัวแข็งทันทีที่ถูกดึงเข้าสู่อ้อมอก ดวงตาสีเทาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่กล้าขยับตัวหรือแม้แต่หายใจแรง ทำได้แค่เพียงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นแรงรัวเร็วพอกันกับของเธอ หลับตาพริ้มลงซึมซับความอบอุ่นที่ห่างหายไปนานถึงเจ็ดปี กลิ่นน้ำหอมที่เย้ายวนตามแบบบุรุษทำให้รู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อ กล้ามเนื้อตรงแผงอกกว้างแข็งตึงและทำให้มั่นใจได้ว่าเขาจะสามารถคุ้มภัยให้กับเธอได้เสมอ

“อาดีใจนะที่เห็นพีชเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ” เสียงทุ้มนุ่มลึกกระซิบบอกตรงข้างหู เรเน่เกือบน้ำตาคลอไปกับความอ่อนโยนที่แฝงมาในน้ำเสียงนั้น แต่ทันทีที่นึกถึงคำพูดร้ายกาจว่าเธอเป็นตัวน่ารำคาญ ทิฐิก็ทำให้ร่างเล็กรีบผละออกห่าง ไม่ยอมมองสบตาด้วย แต่ก็ยังดีที่มีแก่ใจเอ่ยขอบคุณ

“ขอบคุณค่ะที่ยังสนใจพีชอยู่” หญิงสาวว่าแล้วพยักพเยิดไปทางข้างหลังรถแท็กซี่ “ช่วยไปส่งพีชที่บ้านหน่อยนะคะ คิดดูแล้วถ้าไปแท็กซี่คงสะดุดตาน่าดูเลย พีชมีกระเป๋ามาใบเดียวค่ะ อยู่ที่เบาะหลัง” จังหวะนั้นเองที่ทำให้แวนสังเกตเห็นว่าบนลำคอขาวผ่องยังคงมีสร้อยรูปหัวใจที่เขามอบให้สวมเอาไว้อยู่ มันเป็นสิ่งที่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อคลอเคลียอยู่กับผิวพรรณขาวผุดผาดของเธอ

“อาแวนคะ?” เสียงหวานนุ่มหูเรียกซ้ำอีกหน เมื่อเห็นเขาเอาแต่ยืนอมยิ้มไปขยับเขยื้อน

“อ่า...อะไรนะ เมื่อกี้ว่าไงนะพีช”

“พีชบอกว่าถ้าไปแท็กซี่มันจะสะดุดตาเกินไปค่ะ อาแวนช่วยกลับไปส่งพีชหน่อยนะคะ กระเป๋าพีชอยู่เบาะหลังค่ะ มีมาแค่ใบเดียว” หญิงสาวพูดซ้ำด้วยสีหน้าระอาเต็มทน

ทั้งระอากับอาการเหม่อลอยของอาหนุ่มสุดหล่อ รวมทั้งยังระอากับความคิดตัวเองที่กลับมาฝันลมๆ แล้งๆ อีกครั้ง เห็นเขามองมาเหมือนมีความหมายแอบแฝง มันก็อดคิดไม่ได้ทุกทีว่าการที่เธอโตเป็นสาวสะพรั่ง ซ้ำยังมีทรวดทรงเย้ายวนน่ากินขนาดนี้ อาจจะทำให้เขาเปลี่ยนใจอยากลองมารักเธอในแบบที่มากกว่าหลานสาวดูบ้าง

“ได้สิ พีชไปรอในรถเถอะ แดดเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวอาจัดการเรื่องค่าแท็กซี่กับกระเป๋าให้เอง” แวนอาสาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เรเน่ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเหลือบตามอง แล้วเดินตรงไปเปิดประตูรถของเขา วาดขาขึ้นไปนั่งเบาะหน้าเคียงข้างตำแหน่งพลขับ ขณะที่สายตามองออกมาสำรวจชายหนุ่มชนิดไม่วางตา

แน่ล่ะ...เธอทนคิดถึงเขามาตั้งเจ็ดปี จะไม่ให้มองให้เต็มตาได้อย่างไรกันเล่า ที่ผ่านมาเธอไม่ยอมติดต่อหาเขา ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองหลุดปากถามข่าวคราวเขา ได้แต่หวังว่าในทุกครั้งที่คุยกับบุพการี พวกท่านจะเป็นฝ่ายเอ่ยถึงแวนเสียเอง ไม่มีสิ่งใดเลยที่ทำให้เธอเบาใจได้ในทุกปี นอกจากความจริงที่โนอาห์มักพูดเสมอว่าแวนไม่ยอมจริงจังกับผู้หญิงคนไหน หนำซ้ำยังไม่มีแผนจะแต่งงานในเร็วๆ นี้อีก

เมื่อตอนที่เรียนอยู่ฝรั่งเศส ใช่ว่าเรเน่ไม่พยายามเลิกคิดถึงเขา เธอลองคบหากับผู้ชายที่มีดีเทียบเท่า อาจจะหล่อและเพอร์เฟ็กต์น้อยกว่าบ้าง แต่ก็มีหลายคนที่ทำให้เธอมีความสุขได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ ไม่ว่าจะก่อนเข้านอนหรือวันว่างที่ไม่มีอะไรให้ทำฆ่าเวลา ภาพรอยยิ้มกับแววตาสีฟ้ากระจ่างของแวนก็มักจะลอยเข้ามาในหัว มันทำให้เธอต้องออกไปเปิดหูเปิดตา

จากเด็กที่อยู่ในกรอบกลายเป็นวัยรุ่นที่ดื่มจัดและเที่ยวหนักจนเสียการเรียน หลังจากทางมหาวิทยาลัยโทรไปแจ้งข่าวเรื่องที่เธอทำตัวเหลวไหลให้ผู้ปกครองทราบ ผู้เป็นแม่ก็ร้องไห้ผิดหวังในตัวเธอเสียจนรู้สึกผิด ซึ่งความรู้สึกผิดพวกนั้นเองที่ฉุดดึงเธอให้กลับมาอยู่ในกรอบได้อีกครั้ง และไม่เคยทำให้บุพการีผิดหวังอีกเลย

“คิดอะไรอยู่น่ะ เหม่อเชียว” เสียงของแวนดึงสติให้กลับคืนมาสู่ปัจจุบัน

“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ” เรเน่หันมามองสบตาเขาอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ “คิดถึงแฟนน่ะค่ะอาแวน เขาเป็นคนไทยที่ไปทำธุรกิจที่ฝรั่งเศส อายุมากกว่าพีชประมาณห้าหกปี เขาน่ารักมากเลยนะคะ ช่างเอาใจแล้วก็รักพีชมากด้วย” พูดจบก็แอบเหลือบตามอง รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ที่เขาไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย นอกจากแยกยิ้มมีเสน่ห์ให้เธอใจแกว่งเล่น

“ทุกวันนี้เทคโนโลยีมันไปไกลแล้วนี่ คิดถึงกันก็คุยกันได้ เห็นหน้ากันได้ด้วย” แวนพูดไปอย่างนั้นเอง ความจริงเขาอยากดีดหน้าผากเนียนเรียบนั่นแรงๆ สักสองทีเลย ติดอยู่ก็ตรงความจริงที่ว่าเรเน่โตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะมีคนรักได้แล้ว เธออายุยี่สิบห้าปีแล้ว ไม่ใช่เด็กสาวอายุสิบแปดปีเหมือนครั้งอดีต

“นั่นสินะคะ” คนตอบทำเสียงแข็งอย่างไม่สบอารมณ์

“แต่อาวาน่าจะเลิกกันไปเลยดีกว่านะ เขาอยู่ฝรั่งเศส พีชอยู่ไทย ยังไงระยะทางก็เป็นปัญหาอยู่ดี” ทั้งที่ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของหลานสาวแล้วแท้ๆ เชียว แต่มันอดได้เสียที่ไหนกัน

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ เพราะเขาบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะตามพีชกลับมาเมืองไทยแล้ว”

“อะไรกัน วิ่งไล่ตามผู้หญิงแบบนี้มันนิสัยเด็กชัดๆ จะทิ้งงานเพื่อตามพีชมาเนี่ยนะ” แวนทำหน้าเหลือเชื่อ แอบจิกกัดผู้ชายที่หลานสาวบอกว่าเป็นแฟนอยู่ในใจ หมั่นไส้จนอยากเห็นหน้าเสียวันนี้เลย อยากรู้นักว่ามีดีตรงไหน เรเน่ถึงได้ดูชื่นชมเสียจนออกนอกหน้าแบบนี้

“เขาไม่ได้ตามพีชมาหรอกค่ะ แต่เขากลับมาดูแลธุรกิจที่เมืองไทยต่อจากคุณพ่อของเขา ส่วนที่ฝรั่งเศสจะให้น้องชายที่เพิ่งเรียนจบไปดูแลต่อแทน” หญิงสาวยิ้มหวานหยดเลยทีเดียว จงใจแสดงออกให้รู้ว่าเธอปลาบปลื้มแค่ไหน “มันเป็นความบังเอิญที่วิเศษมากเลยจริงไหมคะ เหมือนเราเกิดมาคู่กัน อาแวนเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม พีชว่ามันมีจริงนะคะ”

“ไร้สาระน่า มันก็แค่ความบังเอิญเท่านั้นเองแหละ” ชายหนุ่มตอบปัดไปอย่างนั้นเอง

ความจริงเขาเป็นคนเชื่อเรื่องพรหมลิขิตอย่างมากเลยทีเดียว เชื่อมาตั้งแต่วันแรกที่เรเน่ลืมตาดูโลกแล้วด้วยซ้ำ เขาบอกกับตัวเองเสมอว่าเธอคือของขวัญจากพระเจ้า เป็นสิ่งแสนวิเศษที่ทำให้เขาอยากมีชีวิตอยู่เพื่อใครสักคน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะคิดกับเธอมากเกินกว่าหลาน เขาไม่มีทางคิดอะไรต่ำช้าแบบนั้นได้ลงคอแน่ การทรยศต่อความไว้วางใจของโนอาห์และอุษา เป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด

“อาแวนชอบคิดแบบคนแก่ จริงสิคะ...อาแวนแก่แล้วนี่นา อายุเยอะกว่าพีชตั้งสิบปี” เรเน่อยากพูดต่อเหลือเกินว่าถึงเขาจะอายุสามสิบห้าแล้ว แต่ก็หล่อเฟี้ยวน่ากอดยิ่งกว่าผู้ชายที่อ่อนกว่าเสียอีก หากไม่รู้จักกันมาก่อน เธอคงเดาว่าเขาไม่มีทางอายุถึงเลขสามแน่

“แก่แต่เจ๋งนะ เพราะฉะนั้นอย่าวัดกันที่อายุ” แวนเลิกคิ้วแล้วกระตุกยิ้มมีเลศนัย

“รีบๆ ขับเถอะค่ะ นี่พีชเดินไปยังถึงเร็วกว่าอีกนะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องทันที รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าเขาทำเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา แต่เอาเป็นว่าคุณอาของเธอมีอิทธิพลต่อหัวใจอย่างร้ายกาจเลยทีเดียว ถ้าไม่อยากหัวใจวายตายไปกับความดึงดูดของเขา เธอก็ไม่ควรอยู่ตามลำพังกับเขาให้มันบ่อยนัก

แวนไม่ได้พูดอะไรขึ้นอีก นอกจากทำหน้าที่สารถีไปเงียบๆ จนกระทั่งพารถคันหรูเลี้ยวเข้าไปจอดตรงบริเวณหน้ามุขของคฤหาสน์เลอฟรองด์ บัวรีบวิ่งออกมาดูเผื่อว่าจะเป็นแขกคนสำคัญของเจ้านาย แต่เมื่อพบว่าเป็นรถของแวน เธอก็พยายามจะชะโงกดูให้ได้ว่าใครกันที่นั่งเคียงคู่มาด้วยกัน ทว่าแวนอาศัยความว่องไวกว่ารีบลงจากรถ แล้วมายืนบังกระจกด้านที่เรเน่นั่งเอาไว้จนมิด

“คุณแวนพาใครมาด้วยคะ” บัวอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเจ้านายเสมอ

“ยุ่งน่าบัว ไปตามโนอาห์กับพี่ษาให้ออกมาหน่อย ฉันมีธุระด่วน”

“อ้าว แล้วทำไมคุณแวนไม่เข้าไปล่ะคะ”

“ฉันสั่งยังไงก็รีบทำตามเถอะน่า เร็วเข้าสิ ถ้าช้าฉันจะให้พี่ษาหักเงินเดือนเธอ!” ชายหนุ่มแสร้งทำเสียงเข้มข่มขู่ แน่นอนว่ามันได้ผลเสมอ เพราะบัวไม่มีคำถามใดให้มากความอีก แต่รีบวิ่งกุลีกุจอหายเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นเองที่เรเน่เปิดประตูรถลงมา หัวเราะคิกคักกับท่าทางน่าขันของคนคุ้นเคยอย่างบัว

“บัวนี่ชอบทำหน้าตลกไม่เปลี่ยนเลยนะคะ ยังตัวเล็กผอมแห้งเหมือนเดิมเลย” เธอพูดอยู่ข้างหลังเขา

“ลงมาทำไมเล่า ไหนอยากเซอร์ไพรส์ไง ทำไมไม่หลบอยู่ในรถ” อาหนุ่มหันมากระซิบถาม

“อาแวนบังพีชมิดเสียยิ่งกว่ามิดอีกค่ะ เพราะฉะนั้น...” มือเล็กเลื่อนขึ้นทาบตรงแผ่นหลังกว้างกำยำ แล้วดันให้หันกลับไปแบบเดิม “ยืนหันหลังให้พีชแบบนี้ดีแล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่มาค่อยถอยห่างออกไป โอเคนะคะ” หญิงสาวกำชับขณะที่มือข้างหนึ่งยังคงแนบอยู่กับกล้ามเนื้อแผ่นหลังที่อุ่นวาบทะลุเสื้อเชิ้ตสีครีมออกมา ไม่อยากละมือออกห่างตัวเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว อยากกอดอยากหอมเหมือนที่เคยทำ แต่ก็ต้องหักห้ามใจ เพราะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว เธอไม่อยากให้ความรู้สึกของเธอทำให้เขารู้สึกอึดอัดเหมือนที่ผ่านมาอีก

“มีอะไรด่วนเหรอเอ็นโซ ทำไมถึงย้อนกลับมาล่ะ เพิ่งออกไปไม่นานเอง” อุษาเดินมาถามอย่างร้อนรน

“นั่นสิ ไหนบอกว่าวันนี้จะไปค้างที่คอนโดฯ นี่นา อะไรทำให้เปลี่ยนใจกลับมาได้ล่ะเนี่ย” คำถามของโนอาห์ทำให้นิ้วเรียวหยิกหมับเข้าที่เอวด้านหลังของอาหนุ่ม โทษฐานที่กล้าโกหกว่าไม่ได้คิดจะหลบหน้า แวนทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ไม่ได้ตอบคำถามของผู้สูงวัยกว่าทั้งสอง แต่เบี่ยงตัวไปอีกด้านเพื่อเผยให้เห็นสาวงามที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง

“น้องพีช!” อุษาทำตาโตแล้วยกมือขึ้นปิดปากด้วยความคาดไม่ถึง

“เรเน่!” แต่ช้ากว่าโนอาห์ที่อุทานชื่อลูกสาว แล้วก้าวปราดเดียวเข้าไปสวมกอดแนบแน่นเป็นคนแรก เขาจุมพิตที่ข้างแก้มเนียนนุ่ม ก่อนจะผละออกเพื่อให้ภรรยาได้ดึงยอดดวงใจมากกกอดแนบอกบ้าง สองแม่ลูกกอดกันแน่นโดยไม่มีคำพูดใด กว่าจะยอมแยกห่างจากกันก็ตอนที่มือของโนอาห์แตะเข้าที่ไหล่เบาๆ

“นี่ลูกหลอกเราสองคนเหรอตัวแสบ”

“นั่นสิ แม่ดีใจจนพูดไม่ออกเลยนะพีช ลูกรู้ไหมว่าวันนี้แม่นั่งนับเวลารอเพื่อจะไปรับลูกที่สนามบินมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว แต่มันไม่สำคัญแล้วจ้ะ แค่ได้เห็นหน้าลูก ได้กอดลูกอีกครั้ง แม่ก็ดีใจที่สุดแล้ว” อุษาน้ำตาคลอ ยกมือที่เริ่มยับย่นขึ้นตามวัยขึ้นแตะแก้มลูกสาว “ลูกสาวของแม่สวยน่ารักเหลือเกิน นานสองปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน แม่คิดถึงลูกใจแทบขาด” พูดจบก็ดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมอกอีกครั้ง

ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อประเทศฝรั่งเศส อุษากับโนอาห์บินตามไปเยี่ยมเยียนอยู่ทุกปี แต่สองปีให้หลังเมื่อเรเน่ตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโท เธอได้บอกกับบุพการีว่าไม่ต้องเสียเวลาตามไปหาอีก เพราะสิ้นเปลืองทั้งค่าใช้จ่ายและเสียเวลาทำงาน

แม้รู้ดีว่าครอบครัวเธอมีเงินมากมายมหาศาล แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนสิ้นเปลืองหรือเห็นเงินเป็นเพียงวัตถุที่ใช้แลกกับความสุขความสบาย ทว่าเหตุผลประการสำคัญเหนือสิ่งใดนั่นคือเธออยากฝึกตัวเองให้เข้มแข็ง ให้รู้จักอดทนกับความคิดถึง เผื่อจะช่วยให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้น รวมทั้งเลิกตามติดคนอื่นเหมือนอย่างที่เคยทำกับแวนเสียที

“พีชก็คิดถึงทุกคนมากค่ะ คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ คิดถึงบ้านของเราเหลือเกิน”

“แล้วไม่คิดถึงเอ็นโซเลยเหรอจ๊ะ ระวังคุณอาจะน้อยใจเอานะ” อุษายอมปล่อยลูกสาวออกห่างตัวเสียที

“ก็มีบ้างค่ะ แต่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่มากกว่า” หญิงสาวยิ้มน่ารัก ปรายตามองคนตัวโตที่ยืนปั้นหน้านิ่งขรึมอยู่ข้างๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก หากต้องการควบคุมจิตใจตัวเองไม่ให้คิดเกินเลยเหมือนในอดีต การทำเป็นไม่สนใจน่าจะช่วยได้มากที่สุด ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า “เข้าบ้านกันเถอะค่ะ พีชมีเรื่องจะเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเยอะเลย โดยเฉพาะ...เรื่องของผู้ชายที่พีชรัก” ท้ายประโยคเธอเน้นเสียงดังฟังชัด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้แวนรับรู้ซ้ำๆ เสียทีว่าหัวใจเธอมีคนอื่นแล้ว ใช่ว่าเขาจะได้นั่งจองพื้นที่อยู่ตลอดเสียเมื่อไร

“อะไรกัน นี่พีชมีแฟนแล้วเหรอลูก?” อุษาทำหน้าแปลกใจ ต่างจากสามีที่เอาแต่ยืนยิ้มกริ่ม มองว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากนางฟ้าตัวน้อยของเขาจะมีใครสักคนเข้ามาแบ่งปันช่วงเวลาที่ดีในชีวิต ในเมื่อเธอสวยหยาดเยิ้มชนิดที่นางเอกละครยังต้องหลบขนาดนี้ ถ้ายังโสดไม่มีใครให้คบหาน่ะสิ ถึงจะเรียกว่าแปลกอย่างแท้จริง

“ใช่ค่ะคุณแม่ พีชมีแฟนแล้ว เรารักกันมากด้วย” แล้วเธอก็ปรายตามองคุณอาอีกครั้ง

“เอ่อ...จ้ะๆ ยังไงเราเข้าบ้านกันก่อนดีกว่าเนอะ พักให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยคุยกัน ว่าแต่ลูกอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมจ๊ะ แม่จะได้รีบจัดการให้” ผู้เป็นแม่ถามอย่างเอาใจ แต่ลูกสาวสั่นหน้าปฏิเสธ เพราะอากัปกิริยาที่แสดงออกอย่างปกติของแวน ทำให้เธอหงุดหงิดจนไม่อยากจะรับประทานอะไรทั้งนั้นในตอนนี้

“พีชทานอาหารบนเครื่องมาแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่หิวอะไรเลย”

“โอเคจ้ะ ถ้างั้นดื่มน้ำส้มคั้นสักแก้วนะจ๊ะ แม่เพิ่งคั้นเสร็จก่อนอาแวนจะพาลูกมาถึงนี่เอง” อุษาบอกแล้วหันไปส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “เข้าไปนั่งคุยกันสิเอ็นโซ พี่ว่าเธอไม่ต้องเข้าบริษัทแล้วล่ะ งานพวกนั้นไม่หนีไปไหนหรอก อยู่คุยกับพีชให้หายคิดถึงก่อนดีกว่า” คำเชิญชวนนี้ทำเอาคนถูกชวนอึกอัก มองสบตากับเจ้าของดวงตาสีเทาหม่นแล้วกำลังจะตอบตกลง ทว่าสิ่งที่เรเน่เอ่ยแทรกขึ้นมานั้นทำลายทุกอย่างลงไม่เป็นท่า

“อาแวนบอกว่ามีงานด่วนน่ะค่ะคุณแม่ ให้อาแวนไปทำงานดีกว่าค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวาน แต่ดวงตากลับดูกระด้างต่างกันโดยสิ้นเชิง “เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ พีชมีของฝากมาให้ด้วยนะคะ เดี๋ยวฝากบัวกับมุกช่วยหิ้วกระเป๋าให้ทีนะ ไม่หนักมากหรอก” แล้วเธอก็ควงแขนบิดามารดาเดินเข้าไปในข้างในบ้านทันที ทิ้งแวนให้มองตามแล้วยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

ดูท่าชีวิตที่เคยสงบจนเงียบเหงาของเขาจะถึงกาลอวสานแล้ว แค่มองผ่านก็รู้ได้ว่าเรเน่ยังโกรธเคืองเรื่องในอดีตไม่จางหาย คำพูดเหน็บแนมและสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจนั้น ทำให้เขาต้องยอมรับโดยดุษฎีว่าหลานสาวตัวน้อยที่เคยโอบอุ้มในวัยเยาว์ ตอนนี้ได้เติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เจ้าคิดเจ้าแค้นไปเสียแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel