ตอนที่ ๑ พบกันอีกครั้ง 2
“พอที! อย่ามาพูดให้อาได้ยินอีกนะว่าไอ้หมอนี่เป็นอะไรกับพีช เด็กอายุสิบแปดปีเป็นวัยที่ควรให้ความสนใจกับการเรียน ไม่ใช่วัยที่จะมามีความรักแบบนี้ กลับบ้านเดี๋ยวนี้พีช อาจะให้บรรจงไปซื้อน้ำมันมาให้นายภูอะไรนี่เอง แต่พีชต้องกลับบ้านกับอาเดี๋ยวนี้เลย” แล้วแวนก็ฉุดกระชากร่างผอมบางของหลานสาวไปขึ้นรถ
ระหว่างทางมีแต่เพียงความเงียบงันกับเสียงลมหายใจที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธของแวน ชายหนุ่มจอดรถไว้ตรงหน้าบ้าน ก่อนจะดึงมือเล็กให้เดินตามเข้ามาข้างใน เห็นเธอทำหน้าเศร้าก็อดใจอ่อนไม่ได้ แต่ถ้าจะให้มองผ่านเรื่องที่เธอทำ เขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน
“รู้ไหมว่าทำอะไรลงไป” อาหนุ่มเปิดฉากทันที
“ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะอาแวน พีชหนาว” เธออ้างพร้อมเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างไม่เกรงกลัว
“อาจะไม่ถามคำถามเมื่อกี้ซ้ำหรอกนะ” คราวนี้เสียงของเขาอ่อนลง แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์อยู่แล้ว เมื่อครู่ที่ทำกิริยาไม่ดีกับเพื่อนของหลานสาวไปก็เพราะควบคุมไม่อยู่จริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้น ความจริงน่าจะค่อยพูดค่อยจามากกว่า
“อาแวนคงไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ถ้าพีชจะเป็นปอดบวมตายไปต่อหน้า” หญิงสาวตัดพ้อแล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไป เธอรู้ดีว่าแวนเดินตามหลังมาด้วย จึงยอมตอบคำถามของเขาเพื่อตัดรำคาญ “พีชรู้ว่าพีชทำในสิ่งที่ไม่ควร แต่มันไม่ได้เสียหายอะไร เพราะภูเป็นแฟนของพีช เราแค่จะออกไปหาอะไรกินกันใกล้ๆ ทำไมอาแวนต้องทำให้เป็นเรื่องด้วย”
“หยุดพูดเสียทีว่าหมอนั่นเป็นแฟนของพีช พีชจะมีแฟนไม่ได้ ถ้าอาไม่อนุญาต” เขารั้งไหล่เธอไว้ให้หยุดเดิน
“ทำไมถึงมีไม่ได้ละคะ พีชสิบแปดแล้ว โตแล้ว ใครๆ เขาก็มีแฟนกันหมดแล้วด้วย”
“เขามีก็ช่างเขาสิ พีชอย่ามีก็พอ เราไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรตามกระแสหรอกนะ”
“พีชเปล่ามีแฟนตามกระแสนะคะ พีชมีเพราะอยากมี”
“มีไม่ได้! อาไม่อนุญาต อย่าว่าแต่อาเลย พ่อแม่ของพีชก็ต้องไม่ชอบใจแน่ถ้ารู้เรื่องนี้”
“ช่างสิคะ พีชต้องการใครสักคนที่รักพีชจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องผิด” เธอปัดมือเขาออกห่าง แล้วเดินหนีตรงไปที่ห้องของตัวเอง กำลังจะปิดประตูใส่หน้าอาหนุ่มจอมบงการ แต่เขายกมือขึ้นดันไว้ แน่นอนว่าเธอตัวนิดเดียวแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนไปต่อต้านเขา “พีชจะเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ อาแวนคงไม่ได้อยากเปลี่ยนให้หรอก...ใช่ไหมคะ” คำถามนี้ทำเอาชายหนุ่มถึงกับหน้าเสีย
“อย่าพูดจาทะเล้นไปหน่อยเลย”
“งั้นก็ถอยออกไปห่างๆ ค่ะ พีชก็แค่หลานสาวต่างสายเลือด ความจริงอาแวนไม่ต้องมาใส่ใจมากก็ได้ เอาเวลาไปใส่ใจงานกับเอาอกเอาใจผู้หญิงสวยๆ ที่อาแวนรักเถอะ” เสียงที่เปล่งออกมาสั่นเครือจนชายหนุ่มรู้สึกไม่ดี ตัดสินใจรีบแทรกตัวเข้าไปข้างใน แล้วรั้งร่างอรชรนั้นมากอดแนบอก
ช่วงหลังมานี่เขาเอาแต่ผลักไสเธอ พยายามเลิกให้ความสนใจกับเธอมากเหมือนเมื่อก่อน เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป แต่ทันทีที่เห็นดวงตาคู่สวยหม่นหมอง ความพยายามพวกนั้นก็จบเห่ ความจริงแล้วมันไม่ถูกต้องเลยที่เอาแต่ผลักไสเธอออกห่าง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งเขาและเธอต่างก็ตามติดกันประหนึ่งเงา หากให้แยกจากกันเอาตอนนี้ก็ถือว่าสายไปเสียแล้ว
“อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม อาไม่รู้นะว่าพีชเป็นอะไร แต่พีชน่าจะรู้นี่นาว่าอารักพีชมากแค่ไหน”
“ถ้ารักแล้วทำไมถึงอยากให้พีชไปเรียนไกลๆ ล่ะคะ ทำไมอาแวนถึงต้องรักคนอื่น ทำไมไม่รักพีชแค่คนเดียว” เรเน่หมายถึงพวกผู้หญิงหลายคนที่อาของเธอควงออกงานสังคมแบบไม่ซ้ำหน้า “พีชไม่ชอบที่อาแวนไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่น พีชไม่ชอบให้ใครมาควงแขนอาแวน ไม่ชอบให้อาแวนยิ้มให้ใครนอกจากพีช”
สิ่งที่หลานสาวเอ่ยออกมาทำเอาอาหนุ่มถึงกับคอแข็ง ใบหน้าร้อนผ่าวและเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง ความรู้สึกพวกนั้นมันไม่ควรเกิดขึ้นกับเธอเลย แม้จะยังไม่มั่นใจนัก แต่เขาก็คิดว่าควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม สำหรับเรื่องที่อาจจะนำมาซึ่งความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
“อาต้องมีชีวิตของอาบ้างสิ สักวันหนึ่งอาก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว พีชเองก็เหมือนกัน เราสองคนจะติดหนึบกันอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ แล้วที่อาอยากให้พีชไปเรียนต่อก็ไม่ใช่เพราะไม่รักพีช เพราะรักต่างหากอาถึงอยากให้พีชมีชีวิตที่ดี ได้เรียนในที่ดีๆ พีชเป็นหลานคนเดียวของอานะ อาจะไม่รักหลานสาวคนสวยของอาได้ยังไง” ถ้อยคำที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าเป็นได้แค่หลาน ทำให้เธอสะบัดตัวออกห่างจากอ้อมกอดของเขา ดวงตาสีเทาหม่นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ทำให้คนมองใจหาย
“แต่พีชไม่ได้รักอาแวนแบบอา พีชรักอาแวน...แบบที่ผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายคนหนึ่ง!” เรเน่สารภาพทั้งน้ำตา “ความจริงแล้วภูเป็นแค่เพื่อนสนิทของพีช แต่พีชโกหกว่าภูเป็นแฟน เพราะอยากรู้ว่าอาแวนจะหึงหวงพีชบ้างหรือเปล่า พีชออกไปข้างนอกคืนนี้ เพราะอยากประชดอาแวนที่เอาแต่ไล่ให้พีชไปเรียนไกลๆ พีชรักอาแวน! รักเหมือนที่แม่รักพ่อ รักแบบคนรักกัน!”
“พีช...” แวนหน้าชาไปหมด ทุกถ้อยคำที่อยากเอื้อนเอ่ยถูกกลืนหายลงไปในคอ เมื่อได้รู้เสียทีว่าต้นเหตุของการที่หลานสาวทำตัวเปลี่ยนไปนั้นเกิดจากอะไร ต้องยอมรับเลยทีเดียวว่าแรกๆ เขาแค่สงสัย แต่ก็สรุปว่าคงคิดมากไปเองกับการแสดงออกของเธอ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าสุดท้ายมันจะเป็นความจริง
เรเน่หลงรักเขาในแบบที่มันไม่อาจเกิดขึ้นได้ แม้เขากับเธอจะไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด แต่สำหรับเขาเธอก็เป็นได้แค่หลานสาวตัวน้อย เป็นได้แค่เจ้าหญิงตัวน้อยๆ ของเขาเท่านั้น อีกอย่างเขาจะไม่ยอมทำให้ครอบครัวเลอฟรองด์รู้สึกเสียใจแน่ที่รับเขามาดูแลไว้เมื่อหลายปีก่อน
เขาจะไม่ทรยศต่อความไว้ใจของโนอาห์และอุษาเด็ดขาด
“อาแวนรักพีชได้แค่แบบหลานสาวเหรอคะ รักพีชมากกว่านั้นไม่ได้เหรอ” เจ้าของร่างบางปราดเข้ามาสวมกอดอาหนุ่มแน่นอีกครั้ง เธอซบหน้าร้องไห้ลงบนอกกว้าง สองมือโอบรัดรอบเอวเพรียวสอบไว้แน่น ได้แต่หวังว่าเขาจะคิดในแบบเดียวกัน แวนเป็นคนดีพร้อมทุกอย่าง หากเขารักเธอจริงๆ เขาต้องทำให้ทุกคนยอมรับเรื่องนี้ได้แน่นอน
“พีชไม่ควรคิดแบบนี้กับอานะ เพราะอาไม่เคยเห็นพีชเป็นมากไปกว่าหลานสาวเลย อีกอย่าง...อากำลังมีแผนว่าจะแต่งงานในเร็วๆ นี้ อาไม่อยากให้ใครรู้ว่าพีชคิดแบบนี้กับอา เพราะฉะนั้นพีชไปเรียนต่อเถอะ ถ้าจะให้ดีก็ไปให้ไกลจากอามากหน่อย ไปเรียนต่างประเทศเลยก็ได้ บอกตามตรงนะว่าอาเหนื่อยมากแล้ว อาอยากใช้เวลากับผู้หญิงที่อารัก ไม่ใช่เป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่แบบทุกวันนี้” ถ้อยคำที่ฟังดูเหมือนเป็นคนใจร้ายทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้ง ถอยห่างออกไปเหมือนคนเลื่อนลอย แวนทำหน้านิ่งเฉยอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีฟ้ากระจ่างไม่มีแววหยอกล้อใดๆ ทั้งสิ้น
“พีชคงเป็นตัวถ่วงในชีวิตอาแวนมากเลยใช่ไหมคะ”
“อาเสียใจที่จะต้องตอบว่า...ใช่ พีชทำให้อาอึดอัดแล้วก็เหนื่อยเหลือเกิน” ชายหนุ่มยืนยันอย่างเลือดเย็น
มันคงไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่าการเลือกทำให้เธอเกลียดเขาอีกแล้ว ทั้งที่ตอนนี้เจ็บปวดแทบขาดใจที่ต้องทำเหมือนไม่ใยดีเธอ แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย ไม่อาจปลอบโยนด้วยถ้อยคำหวานหู หรือดึงร่างนุ่มนิ่มนั้นเข้ามากอดได้เหมือนที่ผ่านมาอีก
“จริงสินะคะ พีชมันน่ารำคาญ เอาแต่ติดอาแวนแจเลย” หญิงสาวหัวเราะทั้งน้ำตา ยกมือขึ้นลูบไล้สร้อยคอเส้นเล็กที่เป็นรูปหัวใจซ้อนทับกันสองดวง ที่แวนเคยเก็บเงินซื้อให้ตั้งแต่เธอแรกเกิด เดิมทีมันเป็นของขวัญที่ใหญ่เกินไปสำหรับทารก แต่พออายุครบห้าขวบ เธอก็สวมมันติดตัวไม่เคยห่าง ไม่เคยถอดออกแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ
“พีช อา...”
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะอาแวน แค่นี้พีชก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้พีชรู้แล้วค่ะว่าควรทำยังไง ไม่ต้องกังวลนะคะ ใช้ชีวิตในแบบที่อาแวนต้องการเถอะ พีชจะออกไปจากชีวิตอาแวน พีชจะไม่รักอาแวน...ไม่ว่าจะแบบอาหรือแบบไหนก็ตาม” พูดจบมือเล็กก็ดึงประตูห้องปิดลงเสียงดังสนั่น
แวนขยับจะเคาะประตูแล้วอธิบายให้เข้าใจเสียใหม่ว่าพูดออกไปเพราะอะไร แต่ก็ต้องยับยั้งใจตัวเองด้วยการหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้เธอร้องไห้และผิดหวังในตัวเขาอยู่อย่างนั้น จากนั้นอีกไม่กี่วันต่อมาเธอก็เป็นคนเอ่ยปากขอโนอาห์กับอุษาไปเรียนต่อที่บ้านเกิดของคุณปู่
แล้วก็ทำเหมือนว่าเขาไม่มีตัวตนนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา…
“แวน...เฮ้! นั่นนายเหม่ออะไรของนายน่ะ” เสียงของโนอาห์ดึงแวนให้หลุดจากภวังค์ครั้งอดีต
“เอ่อ ครับ...มีอะไรเหรอครับ”
“อุษาบอกว่านายควรไปด้วยกันนะ เรเน่จะได้ดีใจ” ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยซ้ำอีกรอบ นั่นถึงกับทำให้เขาหมดความอยากอาหารขึ้นมาทันที
ที่ผ่านมาเรเน่โทรศัพท์มาหาบุพการีอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่เคยถามถึงเขาหรืออยากติดต่อส่งข่าวเลยสักนิด เธอทำเหมือนเขากลายเป็นอากาศที่ไร้ตัวตนไปเสียแล้ว ต่อให้เวลาจะล่วงเลยมาถึงเจ็ดปีเต็ม นั่นคงไม่ได้ทำให้เขาได้หลานสาวคนเดิมกลับคืนมาเลย เรเน่ยังโกรธเกลียดกับเรื่องในคืนนั้นเสมอ
“ผมคงต้องขอตัวครับ มันจะดีกว่าถ้านางฟ้าของพวกพี่ไม่เจอหน้าผมทันทีที่ถึงเมืองไทย อย่าให้บรรยากาศครอบครัวกร่อยเลยจะดีที่สุด เอาเป็นว่าคืนนี้ผมจะไปค้างที่คอนโดฯ นะครับ ทุกคนจะได้ฉลองการกลับมาของนักเรียนนอกกันให้สนุก” ชายหนุ่มยิ้มมีเสน่ห์ ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วเดินอ้อมไปจุมพิตบางเบาที่ข้างแก้มอุษา ส่งยิ้มร่าเริงให้กับพี่ชายอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่ยอมเสียเวลาให้เกิดการโน้มน้าวขึ้นอีก
คืนนี้แวนจะไปค้างที่คอนโดมิเนียมราคาหลายสิบล้านที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ความจริงเขามีแผนจะซื้อบ้านสักหลังเอาไว้อยู่กับครอบครัวในอนาคต ครอบครัวที่มีภรรยาและลูกๆ ให้อุ่นใจ แต่คิดว่าคงไม่ง่ายที่จะมีโอกาสคว้าใครสักคนมาเป็นแม่ของลูก เลยเก็บความตั้งใจนั้นเอาไว้ แล้วเลือกซื้อคอนโดฯ ที่อยู่ใกล้กับบริษัทเอาไว้แทน
ตอนนี้เขาอายุสามสิบห้าแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะย่างเข้าสามสิบหก ทว่าก็ยังมัวแต่ลังเลกับการเลือกคบผู้หญิง จนกระทั่งกลายเป็นคนเจ้าชู้ในสายตาคนอื่น เหมือนเป็นผู้ชายไม่จริงใจ ควงสาวสวยไม่ซ้ำหน้า คบหากับใครได้ไม่ถึงปีก็เลิกรา จะว่าไปนี่ก็นานเกือบปีแล้วที่เขาไม่ได้ควงผู้หญิงคนใหม่มาเฉิดฉายให้เป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ ได้แต่หวังว่าสุดท้ายแล้วเขาจะไม่ถูกเหมารวมว่าเป็นพวกนิยมไม้ป่าเดียวกันหรอกนะ
รถเบนซ์สีน้ำเงินคันงามแล่นออกจากบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่าของตระกูลเลอฟรองด์ มุ่งหน้าไปยังถนนสายหลักเพื่อไปทำงานเช่นเคยทุกวัน มือเรียวงามแบบผู้ชายเอื้อมไปกดเปิดเพลงสากลที่ชื่นชอบ จังหวะที่ละสายตาไปจากเบื้องหน้าเพียงนิดเดียวทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น เมื่อมีรถแท็กซี่โผล่สวนออกมาจากหัวมุมถนน ชายหนุ่มอุทานลั่นพร้อมกับเหยียบเบรกเต็มกำลัง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าทั้งเขาและอีกฝ่ายหยุดรถได้ทันพอดี
แวนกุลีกุจอรีบเปิดประตูรถลงมา ตั้งใจจะขอโทษคนขับรถแท็กซี่ที่ประมาทเลินเล่อจนเกือบได้เรื่อง แต่ทันทีที่ผู้โดยสารสาวสวยก้าวลงมาด้วยสีหน้าเตรียมเอาเรื่องเต็มที่ ดวงตาสีฟ้ากระจ่างก็เบิกกว้าง จ้องมองใบหน้าขาวเนียนสวยของเธออย่างตกตะลึง นานมากทีเดียวที่เขาไม่ได้พบเจอใครที่งดงามดุจเทพเจ้าปั้นแต่งมา เพื่อให้มนุษย์ผู้ชายทั้งโลกต้องปั่นป่วนและเข่นฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงมาครอบครองแบบนี้
สุภาพสตรีเจ้าของร่างสูงโปรงกว่าหนึ่งร้อยหกสิบแปดเซนติเมตร ยืนสง่างามอยู่ภายใต้ชุดเดรสสีเขียวอ่อนที่อวดเรียวขาเพรียวสวย ดวงหน้ารูปไข่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจัดจ้านสวยเฉี่ยว ผมสีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติเป็นลอนทิ้งอยู่บนช่วงอกและไหล่ ดูน่ารักเย้ายวนจนหัวใจคนมองเต้นรัว
ทว่าเมื่อพินิจมองอย่างละเอียดมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาก็ถึงกับชาดิกไปทั้งแถบ เขาคิดว่าเขาต้องรู้จักเธอมาก่อนอย่างแน่นอน แวนขมวดคิ้วมุ่นและได้คำตอบทันทีที่เห็นสายตาสีเทาเย็นชานั่นมองมา ผู้หญิงที่เขาเผลอชื่นชมแบบไม่สนใจสายตาชาวบ้าน แท้ที่จริงก็คือคนที่เขาสร้างเรื่องไว้ด้วยเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง
“เรเน่...” ชายหนุ่มพึมพำ แต่อีกฝ่ายแยกยิ้มประชด
“ขอบคุณค่ะที่เพิ่งจำได้ หลังจากจ้องมองจนแทบจะไม่มีอะไรเหลือให้มอง” เรเน่แขวะแล้วเมินหน้าหนี ตรงกันข้ามกับหัวใจที่ตอนนี้เต้นแรงจนแทบระเบิดออกมานอกอก ทันทีที่เห็นเขาก้าวลงมาจากรถ เธอก็แทบอยากจะลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นนี่เสียเลย
ใครจะคิดเล่าว่าอาหนุ่มปากร้ายใจดำที่เคยปฏิเสธความรู้สึกดีๆ ของเธอไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ในตอนนี้จะหล่อลากเสียจนคิดว่าพระเอกหนังยุโรปหลุดออกมาจากโทรทัศน์ คิดแล้วก็แอบน้อยใจเหลือเกินที่เขามองมาเหมือนจำเธอไม่ได้ ต่างจากเธอที่จำเขาได้ทันทีที่ได้เห็น แวนไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย นอกจากมีใบหน้าที่คมชัดและหล่อจัดจนเหนือคำบรรยาย รวมทั้งรูปร่างที่กำยำล่ำสันเสียจนอดคิดไม่ได้ว่า กล้ามเนื้อพวกนั้นจะทำให้เธออุ่นได้มากแค่ไหนในเวลาที่ได้กอดกัน
บ้าจริง! เขาทำให้เธอเสียการควบคุมตัวเองอีกแล้ว…
