บทที่ 3 พบหน้าว่าที่สามี 2/2
เสิ่นลู่ซือที่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาของหวงเฟยหลง นางจึงได้เงยหน้าขึ้นไปมองบ้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นสายตาที่แทบจะกลืนกินมู่ซูเจียว
องค์รัชทายาทผู้นี้ช่างคลั่งรักมากไปหรือไม่ ขนาดอยู่ในงานเลี้ยงยังไม่มีการสงวนท่าทีเลย มิน่าเล่ามู่ซูเจียวของนางจึงได้ถูกผู้อื่นปองร้าย และริษยามากถึงขนาดนี้
แล้วองครักษ์ผู้หล่อเหลาของนางเล่า เขามาที่นี่ด้วยหรือไม่นะ
ด้วยความสงสัยเสิ่นลู่ซือจึงได้ย้ายสายตาของตนเองมองรอบกายของหวงเฟยหลง ก่อนจะสบสายตากับโม่โฉ่วที่มองมาทางนางพอดี
โฉมสะคราญแย้มยิ้มอย่างยินดี พลางยกจอกสุราผลท้อขึ้นมา หมายจะสื่อความนัยให้โม่โฉ่วได้รู้
‘สุราจอกนี้ ข้าขอดื่มให้ท่าน...ว่าที่สามีของข้า’
มุมปากเล็กยกโค้งดั่งพระจันทร์เสี้ยว ก่อนจะกระดกจอกสุราในมือจนหมดจอก
โม่โฉ่วที่มองเสิ่นลู่ซือพลันชะงักค้าง เขาเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพราะสายตาที่ดูไม่น่าไว้วางใจของนาง และไม่คิดว่าเขาผู้นี้กำลังถูกหญิงงามหยอกเย้า ยิ่งสายตาหวานที่มองมานั้นพาลให้เขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
หากเป็นน้องสาว เขาคงจะเอาไม้มาฟาดที่ก้นนางเสียเต็มแรง โทษฐานที่กล้าเกี้ยวพาบุรุษซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้!!
ทางด้านหญิงงามที่เย้าแหย่บุรุษจนพอใจแล้ว นางก็หันกลับมาพูดคุยกับสหายต่อ
“คุณหนูมู่เจ้าคะ น้ำชาเจ้าค่ะ”
นางกำนัลที่ยืนคอยรับใช้อยู่ไม่ห่าง ส่งถ้วยน้ำชาที่เพิ่งรินมาใหม่ให้กับมู่ซูเจียว
‘หืม...ทำไมถึงมีกลิ่นหอมรัญจวนใจ ชวนให้รู้สึกอยากเสียตัวนะ’
เสิ่นลู่ซือขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่ชอบมาพากล นางมองถ้วยน้ำชาของมู่ซูเจียวเขม็ง พลันนึกถึงเหตุการณ์สำคัญในนิยายได้
ในวันนี้เสิ่นลู่ซือคนเก่าได้วางแผนวางยากำหนัดให้กับมู่ซูเจียว หวังจะให้นางได้แสดงท่าทางที่น่ารังเกียจ แล้วถูกปลดจากตำแหน่งว่าที่พระชายา แต่ฮองเฮาที่ไม่อยากให้องค์รัชทายาทได้อำนาจหนุนหลังจากเสนาบดีมู่ พระนางจึงได้ซ้อนแผนของเสิ่นลู่ซือ จัดหาบุตรชายจากตระกูลทางฝั่งพระนาง เพื่อให้ตระกูลมู่มาอยู่ในกำมือ
แต่น่าเสียดายที่องค์รัชทายาทได้ให้การช่วยเหลือมู่ซูเจียวไว้ได้ทัน และผู้ที่ต้องรับโทษในครั้งนี้คือเสิ่นลู่ซือ แม้นางจะบอกปัดว่าไม่ได้ร่วมมือกับคุณชายผู้นั้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ สุดท้ายนางก็ถูกโบยห้าสิบไม้ และชื่อเสียงของจวนราชครูต้องมัวหมองเพราะเหตุการณ์นี้
หญิงสาวกัดฟันกรอด นางคงคิดน้อยไปสินะ ถึงนางไม่ได้เป็นผู้ลงมือแล้ว แต่ก็ยังมีผู้อื่นที่ยอมเป็นมือเป็นเท้าให้กับฮองเฮา
ดีล่ะ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็จะขอฉวยโอกาสนี้มาไว้ในกำมือเสียเอง
ภารกิจเอาโม่โฉ่วมาเป็นสามีจะได้สำเร็จเสียที
เสิ่นลู่ซือแสยะยิ้มร้ายกาจด้วยความสมใจ แผนการมากมายได้ถูกวาดไว้ในหัวทั้งหมดแล้ว
“อ๊ะ...ข้าขอดื่มชาของเจ้าบ้างสิซูเจียว”
“ได้สิ”
มู่ซูเจียวยื่นถ้วยน้ำชาของตนให้กับเสิ่นลู่ซือ แต่นางกำนัลผู้นั้นกลับเข้ามาขวางเอาไว้
“เอ่อ...ชาถ้วยนี้เป็นของคุณหนูมู่ หากคุณหนูเสิ่นอยากดื่ม บ่าวจะไปเอามาให้ใหม่เองเจ้าค่ะ” มือที่ถือกาน้ำชาสั่นระริกด้วยความกังวลใจ
หญิงงามตวัดสายตาดุมาให้นางกำนัลเมื่อถูกขัดใจ “ข้ากับซูเจียวคือสหายกัน ข้าอยากดื่มชาถ้วยนี้ นางกำนัลเช่นเจ้ากล้ามาสอดปากหรือ”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเอ่ยต่อว่านางกำนัลด้วยความไม่พอใจ สายตาคมหวานตวัดมองอย่างเกรี้ยวกราด
“เอ่อ...อย่าได้อารมณ์เสียเลยนะลู่ซือ”
มู่ซูเจียวพยายามไกล่เกลี่ย เมื่อเห็นเสิ่นลู่ซือกำลังมีโทสะ นางเกรงว่าเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้
“หึ ข้าเห็นแก่เจ้าหรอกนะซูเจียว ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้ งั้นเจ้าก็ไปเอาชากาใหม่มาให้ข้าซะสิ”
“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
นางกำนัลรีบก้มหัวขออภัยเสิ่นลู่ซือเป็นการใหญ่ นางลอบพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะหมุนกายเดินไปเอาน้ำชากาใหม่มาให้กับเสิ่นลู่ซือ
“เฮ้อ..แต่กว่านางจะมาข้าคงจะกระหายน้ำจนคอแห้งเป็นแน่”
“งั้นลู่ซือดื่มน้ำชาถ้วยของข้าก่อนก็ได้” นางเอ่ยอย่างใจดี
“ขอบคุณนะซูเจียว เจ้าช่างเป็นสหายที่มีน้ำใจจริง ๆ ไม่รู้ว่าข้าหลงผิดไปคิดร้ายกับเจ้าทำไมกันนะ”
เสิ่นลู่ซือแย้มยิ้มหวาน ก่อนจะรับถ้วยน้ำชามาดื่มจนหมด ส่วนกาน้ำชาที่สาวใช้วางไว้ นางก็แสร้งลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปสูดอากาศข้างนอก ปลายนิ้วเรียวภายใต้แขนเสื้อผลักกาน้ำชาจนหกกระเด็น ทำให้น้ำชาบางส่วนกระเด็นมาโดนแขนเสื้อของเสิ่นลู่ซือ และชายอาภรณ์ของมู่ซูเจียว
“อ๊ะ! นี่ข้าช่างซุ่มซ่ามนัก อาภรณ์ของเจ้าเลอะหมดเลย”
เพราะเสียงเอะอะทางด้านนี้ จึงทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของคนในงาน ฮองเฮาที่รอจังหวะอยู่แล้วจึงทรงตรัสถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“เกิดอะไรขึ้นหรือคุณหนูมู่ หรือว่าเจ้าถูกกลั่นแกล้งอีกแล้ว” ท้ายน้ำเสียงมีแววเย้ยหยันมู่ซูเจียว นางเป็นถึงว่าที่พระชายาแต่กลับยอมให้ถูกกลั่นแกล้งเสียได้ ช่างไม่เหมาะสมกับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้เลย
“หม่อมฉันซุ่มซ่ามเองเพคะฮองเฮา จึงทำให้อาภรณ์ของคุณหนูมู่เลอะน้ำชาไปด้วย ต้องขออภัยที่ทำให้เวลาแห่งความสำราญต้องมีเรื่องให้มาระคายพระทัยเพคะ”
เสิ่นลู่ซือลุกขึ้นยืนแล้วก้มศีรษะขอพระราชทานอภัย
“อ้อ...เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นคุณหนูมู่ก็รีบไปเปลี่ยนอาภรณ์เถิด ช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูหนาว หากเจ้าเกิดป่วยไข้ไปอีก องค์รัชทายาทจะเจ็บปวดเอาได้”
“ขอบพระทัยในความห่วงใยของฮองเฮาเพคะ”
มู่ซูเจียวยอบกายคารวะอ่อนช้อย ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับนางกำนัลซึ่งเป็นคนของฮองเฮา ส่วนเสิ่นลู่ซือเองก็ฉวยโอกาสที่ฮองเฮากำลังเสวนากับฮ่องเต้ ได้รีบปลีกตัวออกมาเช่นกัน ก่อนจากมาได้ลอบขยิบสายตาหนึ่งทีให้กับโม่โฉ่วที่มองนางโดยไม่ละสายตา
วันนี้นางจะทำให้แผนการของฮองเฮาต้องผิดพลาด และนางนี่แหละจะเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้
