บทที่2.ต่อ
“ลุงศักดิ์มาคุยกันก่อนเลย ห้ามเดินหนีป่านนะ...” ปานไพลินเดินมาขวางผู้เป็นลุงที่ทำท่าจะเดินหนีหน้าตนไว้ ลุงศักดิ์หลบตาท่าทางมีพิรุธ
“ไปรู้จักมักจี่จนเป็นแขกวีไอพีตอนไหนกัน” หญิงสาวเท้าสะเอวมองผู้เป็นลุงตาเขียว
“เออน่า รู้จักกันมาสักพักแล้ว”
“อย่าบอกนะว่าไปกู้เงินเขามาน่ะ”
“ไอ้หลานคนนี้นี่ เห็นลุงเป็นคนยังไง”
“ก็เห็นเป็นแบบนี้ล่ะ ว่าไงคะ ไปกู้เขามากี่บาท” ปานไพลินเสียงแข็งเป็นการเป็นงาน ลุงศักดิ์ไม่กล้าสบตา
“เรื่องหนี้คุณดอมเดี๋ยวลุงจัดการเองน่า” นั่นไง.. คิดผิดเสียที่ไหน ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้ ปานไพลินอุทานในใจอย่างอ่อนล้า
“ลุงคะ...” หญิงสาวลากเสียงอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“เออ.. ลุงรู้น่า และก็ไม่ได้จะขายรีสอร์ตใช้หนี้เขาหรอกน่า”
“เอาเป็นว่าแขกของลุงก็ดูแลกันเอาเองนะคะ ป่านไม่เอาด้วย”
“อ้าว ได้ไงล่ะป่าน เราเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของรีสอร์ตก็ต้องดูแลแขกที่มาพักสิ” ลุงศักดิ์ทำหน้ายุ่งเมื่อหล่อนไม่รับผิดชอบแขกวีไอพีคนนี้
“ไม่รู้ล่ะ ใครพามาก็ดูแลกันเอาเอง ป่านไม่สนใจหรอกว่าเขาจะยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่ที่นี่ป่านเป็นใหญ่และไม่ชอบขี้หน้าคุณดอมจอมโอหังของลุงด้วย”
ปานไพลินสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินหนีผู้เป็นลุงและบังเอิญว่าหล่อนก็หันมาเจอดอมที่ยืนล้วงกระเป๋าพิงผนังสบายด้วยท่าทางสบายๆ ดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรและมันดูยียวนมากๆ ในสายตาของหล่อน และปานไพลินก็ไม่สนใจด้วยว่าเขาจะได้ยินที่หล่อนว่าเขาหรือไม่ หญิงสาวสะบัดหน้าเดินผ่านเขาไปอย่างไม่สบอารมณ์...
“ถ้าลำบากใจผมกลับก็ได้นะคุณศักดิ์” ดอมเอ่ยขึ้นเรียบๆ เพื่อดูเชิงของอีกฝ่าย และนึกขันคำที่หล่อนเรียกเขาว่า คุณดอมจอมโอหัง ชื่อนี้ก็เท่ดีไม่หยอกนะ ชายหนุ่มคิดในใจอย่างรื่นรมย์...
“ไม่ลำบากเลยครับคุณดอม คุณพักที่นี่ได้นานเท่าที่อยากพักเลยครับ ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศ เป็นไงครับ ที่นี่สวยสู้ที่อื่นได้บ้างไหมครับ”
“ที่นี่สวยนะ ทุกอย่างโอเค และสวยกว่าหลายที่ที่ผมเคยพักที่เมืองไทยเลย นี่พูดจากใจจริงเลยนะครับ”
ปกติดอมจะไม่ค่อยได้พำนักอยู่ที่เมืองไทยนัก เพราะต้องทำงานเดินทางไปมาหลายประเทศ แต่เมื่องานทุกอย่างลงตัวเขาจึงพักอยู่ที่เมืองไทยเป็นหลักและบินกลับไปอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ประมาณสามถึงสี่เดือนช่วงฤดูใบไม้ผลิสำหรับดอมเขาชอบอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทยมากกว่าเพราะสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากว่าอากาศที่หนาวเย็น และอาหารที่เมืองไทยก็อร่อยถูกปากมากกว่า
อาจจะเป็นเพราะเขาเกิดและโตที่นี่ก่อนที่เขากับแม่จะย้ายไปอยู่กับพ่อที่สวิสฯ ตอนสิบขวบ ดอมเรียนและทำงานช่วยพ่อของเขาอยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่ จนเมื่อคุณตาเขาเสียชีวิตและยกมรดกกับธุรกิจของตระกูลให้เขากับแม่ดูแล ดอมจึงเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับสวิสฯ เป็นประจำ ดังนั้นเขาจึงต้องรับผิดชอบธุรกิจของครอบครัวที่เมืองไทยอย่างเต็มตัว ส่วน คุณแดน หรือ แดเนียล พ่อของเขานั้นท่านก็อยู่ที่สวิสฯ และเดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อมาอยู่กับเขาและแม่ปีละสองถึงสามครั้งและอีกไม่นานท่านก็จะมาเมืองไทย
ดอมมีธุรกิจในมือหลายอย่างและหนึ่งในนั้นก็คือธุรกิจการท่องเที่ยว และการโรงแรม แน่นอนว่าประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมากสำหรับชาวต่างชาติ เขาจึงมองหาที่สวยๆ และทำเลดีๆ ที่เหมาะกับการลงทุนทุกรูปแบบไว้ และหนึ่งในนั้นก็คือที่นี่ รีสอร์ตเล็กๆ ที่เจ้าของก็ตัวเล็กๆ แต่ปากกล้านัก กล้าไล่เขาอย่างไม่ไว้หน้าเมื่อเขามาขอซื้อที่นี่เพราะเห็นว่าอย่างไรเสียปานไพลินก็ไม่มีทางจะบริหารหรือประคับประคองที่นี่ต่อไปได้ และอีกอย่างก็คือคู่แข่งของเขาซึ่งก็คือเสี่ยป้อมก็เล็งที่นี่ไว้เช่นกัน ไม่ใช่แค่ตัวรีสอร์ตและที่ผืนนี้เท่านั้น แต่เล็งไปถึงตัวเจ้าของผู้ทระนงอย่างปานไพลินด้วย แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยให้เสี่ยป้อมได้ครอบครองสิ่งที่เขาปรารถนาจะได้ไปอย่างแน่นอน...
“ถ้างั้นก็อยู่นานๆ เลยก็ได้ครับ ผมจะคุยกับยายป่านเอง ยายป่านก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ คงระแวงว่าคุณจะมาขอซื้อที่นี่อีก ยายป่านน่ะรักที่นี่มาก ผมเองก็รักมันมากเหมือนกัน” น้ำเสียงของลุงศักดิ์แผ่วพร่าไปในตอนท้าย
“คุณแน่ใจนะว่า คุณมีสิทธิ์และเป็นเจ้าของที่นี่ครึ่งหนึ่งและโฉนดก็ยังอยู่ในมือคุณไม่ได้ให้เสี่ยป้อมไป”
“ผมไม่โกหกหรอกครับ ถึงผมจะหลงผิดติดการพนันแต่ผมไม่ใช่คนโกหก”
“ก็ดี.. ผมไว้ใจคุณเรื่องนี้.. เอาเป็นว่าเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ตอนนี้ผมหิวแล้ว”
“อ๋อ.. งั้นรอสักครูนะครับ ผมจะให้ยายป่านทำอาหารให้ บังเอิญเหลือเกินว่าวันนี้พนักงานอีกสองคนลาพร้อมกัน ยังดีที่นายต่อยังอยู่ช่วยยกกระเป๋า”
ลุงศักดิ์พูดเชิงบอกเล่าก่อนจะเดินจากไป ดอมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินไปที่ลานระเบียงกว้างมองสระว่ายน้ำใสแจ๋วเลยไปยังสวนสวยที่ปลูกประดับตัวอาคารอย่างลงตัว
ชายหนุ่มเห็นแผ่นหลังของคนที่ตั้งฉายาให้เขาแล้วก็นึกขันไม่หาย คุณดอมจอมโอหัง อย่างนั้นหรือ.. เจ้าหล่อนช่างปากกล้าเสียจริง และยัง หวาน ด้วย.. เรียวปากหยักยกยิ้มน้อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาชนิดที่ว่าเป็นพระเอกระดับฮอลลีวูดได้สบายๆ เกลื่อนด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงความหวานของเรียวปากแสนร้ายกาจของปานไพลิน...
ปานไพลินบ่นปอดแปดเมื่อในที่สุดหล่อนก็ต้องเป็นคนที่ทำอาหารเย็นให้แขกวีไอพีของผู้เป็นลุง และยังเป็นคนที่ยกอาหารมาให้เขาที่เรือนพักอีกด้วยเพราะลุงศักดิ์อยู่ดีๆ ก็ลื่นล้มและข้อเท้าแพลง ส่วนพี่ต่อนั้นก็เลิกงานและกลับบ้านไปแล้ว มีเพียงลุงยามคนเดียวเท่านั้นที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยตอนกลางคืน จะให้แกมาดูแลแขกก็ไม่ได้ดังนั้นปานไพลินจึงต้องทำงานที่ต้องจำใจเอง
