
บทย่อ
เพราะเขาหลงรักหล่อนจนโงหัวไม่ขึ้น แต่เจ้าหล่อนก็แสนดื้อและพยศ จนเขาต้องวางแผนจับหล่อนมาเป็นเมีย แต่ จะบอกตรงๆ ก็กลัวเสียฟอร์ม เลยต้องยอม เป็นผัวจำแลง ของหล่อนไปก่อน แต่ถึงอย่างไร หล่อนก็ไม่อาจจะรอดพ้นเงื้อมมือของผู้ชายคลั่งรักอย่างเขาไปได้หรอก
บทนำ
“ลุงศักดิ์.. อีกแล้วนะคะ ไหนบอกว่าเลิกเล่นแล้ว.. ไหนเราสัญญากันแล้วว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก..”
ปานไพลิน เท้าสะเอวมอง ลุงศักดิ์ หรือ ปานศักดิ์ ลุงแท้ๆ ของตนอย่างไม่ชอบใจ ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่หล่อนกับลุงมักมีปากเสียงกันด้วยเรื่องนี้ เรื่องที่ลุงของหล่อนแอบไปเล่นการพนันในบ่อนของ เสี่ยป้อม เสี่ยใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง ติดหนี้พนันมาทีไร หล่อนก็ต้องหาเงินให้ไปใช้หนี้ทุกครั้ง แต่ด้วยเพราะตั้งแต่เล็กจนโตหลังจากที่พ่อแม่ของหล่อนเสียชีวิตตั้งแต่หล่อนอายุ 5 ขวบ ลุงศักดิ์ซึ่งไม่มีลูกไม่มีเมียก็เป็นผู้เลี้ยงดูหล่อนด้วยความรักจนเติบโตมาจนอายุ 24 ปี ลุงศักดิ์นั้นเป็นทั้งลุง ทั้งพ่อ ทั้งแม่และเป็นทั้งเพื่อนของหล่อน
“อย่าบ่นนักเลยน่า แกเป็นหลานนะไม่ใช่แม่ฉัน”
“ถ้าป่านเป็นแม่ลุงศักดิ์นะ จะเอาไม้ตีกบาลแยกเลยล่ะไม่ว่า.. ไหนเราสัญญากันแล้วไงคะลุง เงินก้อนสุดท้ายป่านให้ลุงไปหมดแล้วนะ ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังแย่นะคะลุง ลูกค้ามาพักน้อยไหนจะเรื่องโรคระบาดอีก มีเงินเราก็ต้องเก็บไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นนะคะ” ปานไพลินบ่นยืดยาว แล้วถอนใจหนักๆ
“เออ.. ลุงรู้ ก็ลุงพยายามจะช่วยอยู่นี่ไง”
“แล้วผลเป็นยังไงล่ะคะ ไม่มีใครรวยเพราะการพนันหรอกนะคะ มีแต่เจ้าของบ่อนรวย.. แล้วนี่ติดเขาเท่าไหร่”
ปานไพลินกอดอกมองผู้เป็นลุงเหมือนมองเด็กชายปานศักดิ์วัยห้าขวบมากกว่า ชายวัยห้าสิบหกปีที่ผมขาวโพลนไปทั้งศีรษะ แต่ลุงศักดิ์ของหล่อนก็ยังดูหนุ่มแน่นและแข็งแรงกว่าคนในวัยเดียวกัน เพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่มีช่วงหลังๆ ปีสองปีมานี้ลุงเริ่มอ่อนแอลงและไม่แข็งแรงดังเดิมก็ยังถือว่าดูดีอยู่ในระดับหนึ่ง
“ก็... เอ่อ..”
“พูดความจริงกับป่านะคะ”
“เก้าหมื่นกว่า”
“เก้าหมื่น..” ปานไพลินเสียงสูงแทบเป็นลมเมื่อได้ยิน เก้าหมื่นมันไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยในยามที่ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ตอนนี้หันไปทางไหนก็แย่ไปหมด ลูกค้าหาย ของก็ขายยาก อะไรๆ ก็ติดขัดไปหมด หากเป็นเมื่อก่อนเงินเก้าหมื่นหล่อนหาไม่นานก็คงหาได้ แต่ตอนนี้ แม้จะมีเงินแสนในมือ แต่มันต้องใช้จ่ายอย่างอื่น ไหนจะค่าดูแลบำรุงรักษารีสอร์ตและจ่ายเงินเดินพนักงานที่ตอนนี้เหลืออยู่แค่สี่คน แต่หล่อนก็ต้องดูแลพวกเขาอย่างดี เพราะลำพังหล่อนคนเดียวก็คงดูแลไม่ไหว ตอนนี้หล่อนก็ทำหน้าที่ทุกอย่างในรีสอร์ตแล้ว ทั้งล้างห้องน้ำ ซักผ้าปูเตียง ทำความสะอาด หรือแม้แต่กระทั่งรดน้ำต้นไม้ถางหญ้าพรวนดิน เพราะหล่อนไม่มีเงินจ้างพนักงานหลายคนเหมือนแต่ก่อนที่มีพนักงานสิบกว่าคน
“ก็ เออ.. ลุงก็คิดว่าจะได้นี่นา.. แต่นี่ยายป่าน เสี่ยป้อมเค้าจะซื้อรีสอร์ตเรานะ ให้ราคาดีด้วย หลายสิบล้านเลย เราขายดีมั้ย ขายๆ ไปเถอะ รีสอร์ตมันก็ไม่มีคนมาพักอยู่แล้ว ขายเอาเงินไว้ใช้ดีกว่าไหม”
ใบหน้าของผู้เป็นลุงดูสดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น แววตาที่เคยอ่อนโยนสดใจใจดี ไม่มีให้เห็นจนปานไพลินใจหาย ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ลุงของหล่อนโดนผีพนันเข้าสิงแล้วหรือไร ถึงได้พูดเรื่องนี้ทั้งที่ลุงศักดิ์นั้นรักที่นี่มากพอๆ กับหล่อน
“ลุงศักดิ์..” ปานไพลินเรียกผู้เป็นลุงเสียงสูง ใบหน้างามบึ้งตึงทั้งโกรธและเสียใจ
“ลุงพูดแบบนี้ได้ยังไง ลุงเป็นบ้าไปแล้ว..”
พูดจบปานไพลินก็เดินหนี้ผู้เป็นลุงไปอย่างโมโห หญิงสาวน้ำตาร่วงทั้งโกรธทั้งโมโห โดยมีผู้เป็นลุงมองตามด้วยยิ้มแห้งๆ และรู้สึกผิดที่พูดเรื่องนี้...
ปานไพลินมาหลบมุมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวใต้ต้นคูนชมพูที่กำลังออกดอก หญิงสาวนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวสีขาวที่หล่อนโปรดปราน หญิงสาวเอนกายพิงพนักม้านั่งพิงศีรษะกับลำต้นใหญ่โตของมันแล้วหลับตาลงอย่างปวดร้าว
ลุงศักดิ์เลี้ยงดูหล่อนมาอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง จนเมื่อหลายปีมานี้หล่อนสังเกตว่าลุงแปลกๆ ไป ชอบหายไปทีละหลายวัน พอหล่อนถามก็บอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อน แรกๆ ก็กลับมาด้วยท่าทางผ่องใสกระหยิ่มยิ้มย่อง และเคยให้เงินหล่อนเก็บไว้ทีละหลายแสน แต่หลังๆ มานี้ ลุงศักดิ์หายไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วกลับมาก็มีท่าทางอิดโรยเคร่งเครียด บางทีก็อารมณ์เสียใส่หล่อน จนปานไพลินได้รู้ความจริงว่า ตลอดสามปีที่ผ่านมาลุงของหล่อนติดการพนันจนถอนตัวไม่ขึ้น และยังเป็นหนี้เจ้าของบ่อนอีกด้วย
ตอนนี้กิจการรีสอร์ตของหล่อน กำลังอยู่ในช่วงซบเซาเพราะพิษเศรษฐกิจ แต่ก็ยังพออยู่ได้จากการขายผลงานสิ่งประดิษฐ์จากฝีมือของหล่อนเองนั่นก็คือสินค้าที่ตัดเย็บจากผ้าปริ้นต์ลายจากการวาดและออกแบบของหล่อนซึ่งเป็นงานอดิเรกที่ทำให้เงินหล่อนพอสมควรในช่วงหนึ่ง แต่ช่วงนี้ก็ซบเซาไป อีกทั้งปานไพลินยังพอมีรายได้จากการตกแต่งสวนและแต่งบ้านหรือคอนโด ซึ่งงานอย่างหลังนี้หล่อนรับงานแบบฟรีแลนซ์ และลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้ากลุ่มที่เคยมาพักที่รีสอร์ตของหล่อน แต่ก็อย่างว่านั่นล่ะ เมื่อก่อนอาจจะมีหลายงานเข้ามา มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ตอนนี้ลูกค้าก็ไม่ค่อยมีเรียกใช้บริการเพราะเศรษฐกิจที่มันซบเซา
รีสอร์ตปานไพลิน เป็นรีสอร์ตขนาดกลางๆ มีห้องพักแยกเป็นสองส่วนคือ โซนที่เป็นตึกสามชั้น มีห้องพักอยู่ 20 ห้อง รวมถึงมีห้องประชุมและจัดเลี้ยงที่สามารถจัดประชุมสัมนาและจัดงานเลี้ยงงานแต่งงานได้ มีโซนห้องรับประทานอาหาร และสระว่ายน้ำ กับโซนที่เป็นบ้านพักส่วนตัว ซึ่งมีอยู่ห้าหลัง ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ทำเทียมขึ้นมาและปลูกต้นไม้แซมป่าดั้งเดิม ที่ตรงนี้เป็นที่มรดกที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด และบังเอิญว่าทำเลดีวิวสวยเพราะติดภูเขาและลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกบนเขา เมื่อก่อนพ่อแม่ของหล่อนก็เจ้าของร่วมกับลุงศักดิ์และพวกท่านก็ทำหน้าที่ผู้จัดการดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง ส่วนลุงศักดิ์นั้นถนัดเรื่องการต้อนรับแขก จึงอาสาทำหน้าที่บริการแขกที่มาพัก ด้วยเป็นคนชอบสนุกสนานเฮฮาและเอนเตอร์เทน เรื่องงานบันเทิงนี่ต้องยกให้แก ลุงศักดิ์มีพรสรรค์ด้านการจัดการบริหารการจัดเลี้ยงมากกว่าสิ่งอื่นใด
จนเมื่อพ่อแม่ของหล่อนเสียชีวิตในขณะที่หล่อนอายุแค่ห้าขวบ ชีวิตเด็กหญิงผู้อาภัพก็มีเพียงลุงแท้ๆ ซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดกับ แม่ปานวาด ของหล่อนดูแลเลี้ยงดูมาโดยตลอด
ลุงศักดิ์ไม่ยอมแต่งงานเพราะกลัวว่าผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตจะไม่รักหล่อน ตั้งแต่เล็กจนโตลุงศักดิ์คือฮีโร่ของหล่อนเลยทีเดียว หล่อนรักลุงของตนมากเพราะท่านคือพ่อแม่คนที่สองก็ว่าได้ แต่ตอนนี้หล่อนจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ลุงศักดิ์คนเดิมกลับมา หล่อนไม่อยากเสียงแกให้กับผีพนันไป... ปานไพลินครุ่นคิดด้วยความหนักอึ้งในอก...
