ตอนที่ 5 ขอแค่เศษเสี้ยวความเห็นใจ
บ้านกลางเก่ากลางใหม่ที่ตั้งอยู่ในซอยไม่ลึกมากนัก สถานที่ๆ สองพ่อลูกพากันมาเพื่อตกลงและรับผิดชอบในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฝ่ายหญิงจะต้องไม่เสียหาย ซึ่งกว่าชายสูงวัยจะลากลูกชายหัวรั้นมาด้วยได้ก็ต้องใช้ไม้แข็งถือเป็นการยื่นคำขาด
“คุณวิน คุณท่าน มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ประกิตถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจที่เห็นเจ้านายคนปัจจุบันและอดีตเจ้านายมาถึงที่บ้านตนเองพร้อมกัน
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยประกิต”
“ครับท่าน เชิญเลยครับ ท่านคงไม่รังเกียจบ้านหลังเล็กๆ ของผมนะครับ” เจ้าของบ้านเชิญแขกคนสำคัญด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ
“จะรังเกียจทำไมกัน”
ทั้งหมดพากันเดินเข้ามาบริเวณโซฟาเล็กๆ ภายในบ้านซึ่งเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนของครอบครัว ชายสูงวัยรีบเดินไปจัดแจงพื้นที่ก่อนเชื้อเชิญผู้เป็นนายนั่งลงบนโซฟาอย่างเป็นงานเป็นการ
“ฉันไม่อ้อมค้อมนะประกิต โตๆ กันแล้ว ฉันจะมาสู่ขอหนูแนนให้ลูกชาย” คำบอกเล่าของคนตรงหน้าทำเอาชายสูงวัยขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจระคนตกใจ
“ผมไม่ได้ขัดข้องอะไรครับท่าน ผมแค่แปลกใจว่ายัยแนนกับคุณวินไปรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกอย่างตอนนี้ลูกผมก็เอ่อ...” พูดได้แค่นั้นเจ้าตัวก็นิ่งไป ความโกรธจู่โจมเข้ามาในใจอีกครั้ง
“หนูแนนท้องกับวิน”
“อะไรนะครับ ยัยแนนท้องกับคุณวิน ทำไมยัยแนนไม่บอกผมตั้งแต่แรก ยังไงถ้ารักกันผมก็ไม่ขัดข้องอยู่แล้ว” ชายสูงวัยถามราวกับไม่แน่ใจ เพราะตนเองก็ไม่เคยเห็นทั้งคู่มีสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน ถ้าแอบคบก็ต้องระแคะระคายบ้าง แต่นี่แทบไม่เคยได้ข่าวคราวอะไรเลย จะว่าไปแล้วถ้าเป็นผู้ชายตรงหน้าเขาก็ยินดี ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เงิน แต่จากที่ทำงานรับใช้มาและเห็นว่าอีกฝ่ายมีความรับผิดชอบพอสมควร
จะไปรักกันตอนไหนล่ะ แค่สนุกด้วยชั่วครั้งชั่วคราว ไม่คิดว่าจะบานปลายมาขนาดนี้ ธีรวัฒน์คิดในใจด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งสงสัยอะไรตอนนี้เลย หนูแนนอยู่หรือเปล่า” ธีระทำลายบรรยากาศตึงเครียดลงเมื่อหันไปเห็นสีหน้าของบุตรชาย
“ครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปตามยัยแนนมาให้” ประกิตพยักหน้ารับคำ ก่อนจะลุกขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนของลูกสาว
“ช่วยทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยไอ้วิน” ชายสูงวัยหันไปสั่งลูกชายเสียงเข้มเมื่อเห็นใบหน้าบอกบุญไม่รับ
“ผมไม่เต็มใจ พ่อน่าจะรู้” ธีรวัฒน์ตอบบิดา ดวงตาคมเข้มเหลือบไปเห็นร่างบางที่เดินเคียงคู่มาพร้อมกับผู้ให้กำเนิด ยิ่งสร้างความไม่พอใจเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว ยิ่งเห็นหน้าเธอยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“สวัสดีค่ะคุณลุง” ภัทรสรกระพุ่มมือไหว้ชายสูงวัยตรงหน้าด้วยความนอบน้อมในสายตาคนมอง ดวงตากลมโตชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นสีหน้าถมึงทึงของชายอีกคน
“นั่งลงก่อนสิหนูแนน”
“ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมกับหย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงกันข้ามกับท่าน
“หนูจะขัดข้องไหมถ้าลุงจะสู่ขอหนูมาเป็นลูกสะใภ้ ลุงรู้แล้วว่าหนูท้องกับลูกชายของลุง” น้ำเสียงอ่อนโยนจากชายสูงวัยตรงหน้าทำเอาคนฟ้งก้มหน้าซ่อนความอาย ซึ่งท่าทางดังกล่าวส่งผลให้คนที่นั่งจ้องหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเพิ่มความไม่พอใจเป็นเท่าตัว
“เอ่อ...คุณลุงรู้ได้ยังไงคะ?” เธอไม่เคยบอกใครเรื่องนี้ และคิดว่าผู้ชายคนนี้คงไม่มีทางปริปากเช่นกัน
“ลุงจะรู้ได้ยังไงไม่สำคัญหรอกนะ แต่เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เด็กในท้องหนูต้องมีพ่อ”
“คือ...แนนไม่ได้ขัดข้องค่ะคุณลุง แนนแล้วแต่คุณพ่อ” ภัทรสรตอบเสียงเบา ตัวเล็กลีบลงเพราะรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตจากคนบางคน
“ถ้าหนูแนนไม่ขัดข้อง ลุงขอคุยกับพ่อหนูตามลำพังนะ”
“ค่ะคุณลุง” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้พร้อมกับเดินลุกออกจากไปจากบริเวณดังกล่าว ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของผู้ใหญ่
ภัทรสรได้แต่เหม่อลอยไปเบื้องหน้า ไม่รับรู้การมาถึงของอีกคน ยอมรับว่ายังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“กำลังดีใจจนเนื้อเต้นเลยใช่ไหมที่จะได้เป็นเมียฉัน” น้ำเสียงเย้ยหยันจากทางด้านหลังเรียกให้คนที่กำลังจมอยู่ในภวังค์ได้สติขึ้นมา
“แนนไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้เลยนะคะ” เธอปฏิเสธออกไป รู้ดีว่าเขารังเกียจแค่ไหน
“จะเล่นบทนางเอกน่าสงสารอยู่ทำไม ไหนๆ เธอก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วนี่” วาจาร้ายกาจยังคงพ่นออกมาจากปากผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกในท้อง
“แนนจะทำยังไงให้คุณเข้าใจคะว่าแนนไม่ได้อยากให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้” ภัทรสรพ่นลมหายใจออกมา พยายามอธิบาย ไม่ใช่เพราะเขาหรอกหรือที่บังคับขืนใจเธอ ยัดเยียดตราบาปนี้มาให้ทั้งๆ ที่ไม่เคยต้องการ
“ฮึ! แล้วเธออยากให้เป็นแบบไหนล่ะ แต่งงานกับฉันจนมีลูกเป็นโหลๆ งั้นเหรอ?” ธีรวัฒน์ยังไม่วายเหน็บแนมออกมาด้วยถ้อยคำที่ทำเอาคนฟังเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ
“คุณวิน”
“จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ถึงฉันจะแต่งงานกับเธอ แต่จะไม่มีวันแตะต้องผู้หญิงอย่างเธอเด็ดขาด” ชายหนุ่มประกาศกร้าว โดยไม่สนใจว่าคำพูดของตนจะไปกระทบกระเทือนจิตใจอันบอบบางของคนฟังแค่ไหน
“คุณโทษแนนคนเดียวก็ไม่ถูกนะคะ ถ้าคุณไม่อยากยุ่งกับแนนจริงๆ ทำไมวันนั้นแนนห้ามคุณถึงไม่ฟัง แต่ตอนนี้กลับโยนความผิดมาให้” หญิงสาวโต้กลับไปด้วยแรงอารมณ์ไม่แพ้กัน เขาทำเหมือนทุกอย่างเธอเป็นคนก่อ ทั้งที่เหตุการณ์วันนั้นตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“อย่ามาปากดีกับฉันนะ” มือหนาเอื้อมไปบีบปลายคางมนชนิดไม่ปราณีปราศรัยเมื่อสิ่งที่เธอพูดจี้ใจดำเข้าเต็มๆ
ภัทรสรนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แต่ก็ยังพยายามข่มเอาไว้ภายใน เธอจะไม่มีวันร้องขอความเมตตาจากผู้ชายใจร้ายคนนี้ ดวงตากลมจ้องกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้และไม่หลบสายตาเช่นกัน
“เก่งให้ได้ตลอดนะ แล้วฉันจะคอยดู!” ธีรวัฒน์คำรามเสียงลอดไรฟัน แล้วดันร่างบางให้ออกห่างจนเซไปหลายก้าวเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ชายหนุ่มก็ไม่นึกสงสารหรือสนใจสักนิดนอกจากจะหันหลังเดินกลับเข้าไปภายในบ้าน
“ไม่รักแนน...แนนไม่เคยว่า แต่ทำไมต้องใจร้ายกับแนนขนาดนี้ด้วย” คนน่าสงสารพึมพำตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยอาการเสียใจ ไม่เข้าใจที่เขาโยนความผิดมาให้ทั้งๆ ที่ไม่เคยเอ่ยปากขอร้องให้มารับผิดชอบตนและลูกเลยสักครั้ง
