ตอนที่ 3 ผู้ชายสารเลว
ภัทรสรร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจยามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หัวใจเจ็บทุกครั้งราวกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทง เสียแรงที่เคยแอบชื่นชมและไว้ใจ เคารพในฐานะที่เป็นเจ้านายของบิดา แต่สิ่งที่ถูกตอบแทนมาให้ทำให้เธอได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ต่างไปจากผีห่าซาตานเลยสักนิด
เสียงสมาร์ตโฟนปลุกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ เบอร์ที่โชว์บนหน้าจอทำให้ตัดสินใจกดปุ่มรับสาย
“แนน แกเป็นไงบ้าง ทำอะไรอยู่” คำถามห่วงใยจากปลายสายหลังรับรู้ถึงปัญหาที่เพื่อนสนิทต้องเผชิญตอนนี้ ถือว่าหนักเอาการสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
“อยู่บ้านจ้ะพิมพ์ ไม่ได้ทำอะไร”
“งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปหาที่บ้านนะ พอดีวันนี้ปิดร้านเร็ว”
“อื้อ...ไว้เจอกัน” ภัทรสรรับคำแล้วกดปุ่มวางสายไป
เก้าอี้ตัวยาวบริเวณหน้าบ้านถูกใช้เป็นสถานที่ปรับทุกข์ของเพื่อนที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรักที่แทบจะไม่เคยมีเรื่องอะไรปิดบังกันแม้แต่เรื่องเดียว
“แนน แกบอกฉันมาเถอะว่าพ่อของลูกแกเป็นใคร” ศศิพิมพ์ถามชนิดไม่อ้อมค้อม ไม่ได้ตั้งใจจะซ้ำเติมแผลในใจเพื่อน เพียงแต่อยากรู้ว่าผู้ชายไร้ความผิดชอบคนนั้นคือใคร
“ถ้าฉันบอกแกไปแล้ว แกสัญญานะพิมพ์ว่าจะไม่บอกใคร แม้แต่นพ” ว่าที่คุณแม่ขอร้องเพื่อนสาว กับเพื่อนคนนี้เธอไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว
“อืม...ฉันไม่พูดหรอก สัญญา” เจ้าตัวพยักหน้าพร้อมทำสัญญาณมือเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางแพร่งพรายออกจากปากเด็ดขาด
“ฉันท้องกับคุณวิน”
“คุณวิน เจ้านายพ่อแกอ่ะนะ” ความจริงจากริมฝีปากเล็กที่เปล่งออกมาทำเอาคนฟังตาโต ยิ่งรู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ ด้วยรู้กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของชายหนุ่มดี
“พี่แนนท้องกับคุณวิน เป็นไปได้ยังไงครับ” บุคคลที่สามซึ่งเพิ่งเดินเข้ามายังบริเวณที่ทั้งคู่นั่งอยู่ได้ยินบทสนทนาดังกล่าวเต็มๆ ไม่นึกไม่ฝันว่าคนที่ย่ำยีจิตใจพี่สาวจะเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้
“นพ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ร่างบางลุกพรวดขึ้น เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจไม่น้อย เมื่อความลับของเธอกำลังจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“มาทันได้ยินพี่แนนบอกพี่พิมพ์ว่าพ่อของลูกพี่แนนเป็นใครไงครับ” สายตาผิดหวังและเจ็บร้าวทอดมองไปยังพี่สาวคนเดียวด้วยความเสียใจที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่ไว้ใจหากตนได้รับรู้ความจริงอันน่าอดสูนี้
“นพ...อย่าบอกพ่อนะ พี่ขอร้อง” ดวงหน้าเรียวสวยนองไปด้วยหยาดน้ำตา ปากก็เปล่งเสียงอ้อนวอนผู้เป็นน้องชายไปด้วย
“ผมไม่บอกพ่อหรอกครับพี่แนน แต่ผมจะไปบอกมัน มันทำกับพี่ไว้ มันก็ต้องมารับผิดชอบ” สิ้นเสียงร่างสูงก็หันหลังเดินออกจากบ้านไป ไม่สนใจเสียงเรียกของผู้เป็นพี่สาวที่ดังตามหลังมาอีก ลูกผู้ชายในเมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ารับ
“คุณคะ...ต้องการมาพบใครคะ?” เลขาสาวหน้าห้องถลาเข้าหาแขกผู้มาเยือนที่กำลังเปิดประตูเข้าไปในห้องของผู้เป็นเจ้านายอย่างถือวิสาสะ ไม่ฟังแม้เสียงทัดทานสักนิด
“มีอะไรคุณดา” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าเมื่อได้ยินเสียงดังพร้อมๆ กับบุคคลที่เพิ่งเดินเข้ามา
“คือจู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็บุกเข้ามาค่ะ ดาห้ามยังไงก็ไม่ฟัง” นาถลดาชี้แจงทุกอย่างให้เจ้านายหนุ่มฟัง ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความกลัวว่าจะถูกดุโทษฐานที่ปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาโดยพละการ
“ไปทำงานต่อเถอะ ผมจัดการเอง”
“ค่ะ” เจ้าตัวตอบรับแล้วหันหลังกลับเดินออกไปจากห้อง
“นายคือลูกชายของประกิตใช่ไหม?” ธีรวัฒน์ทักเนื่องจากเคยเห็นอีกฝ่ายอยู่ครั้งสองครั้งตอนมาส่งผู้ให้กำเนิดที่หน้าบริษัท
“รู้จักฉันดีนี่ แล้วแกรู้จักพี่สาวฉันไหม”
คำว่า ‘พี่สาว’ ทำเอาคนฟังนิ่งไป ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติและทำราวกับว่าคำถามนั้นเป็นคำถามที่ไม่น่าฟังสำหรับตน
“ฉันไม่รู้จักพี่สาวนายเป็นการส่วนตัว เคยเห็นหน้าตอนที่พ่อนายพามาช่วยงาน” คำตอบนั้นเรียบเรื่อย ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนใดๆ ผิดกับคนตรงหน้าที่เดือดเป็นไฟกับคำตอบอันแสนทุเรศนั่น
“ไอ้สารเลว มึงโกหก” ศิวะสบถถ้อยคำรุนแรงออกมา ร่างสูงตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้า
“ปล่อย! แล้วบอกเหตุผลที่มาเป็นหมาที่นี่ ไม่งั้นฉันจะเรียกรปภ.มาลากตัวออกไป” ธีรวัฒน์ปัดมือที่กำคอเสื้อของตนออกอย่างไม่ไยดี มันคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าทำกับตนแบบนี้
“มึงอยากได้เหตุผลเหรอ? พี่สาวกูท้องไง แค่นี้พอไหมสำหรับเหตุผล ห๊ะ!” ศิวะตะคอกใส่หน้าด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด แต่คำบอกเล่านั้นกลับไม่สะดุ้งสะเทือนคนฟังแม้แต่นิดเดียว
“พี่สาวท้องแล้วมาบอกฉันทำไม ถึงพ่อนายจะเป็นลูกน้องแต่จะให้ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทุกเรื่องคงไม่ได้หรอกนะ”
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย” จบคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า สติของศิวะก็ขาดผึงลงทันที กำปั้นหนักๆ ซัดลงไปบนใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรงราวกับต้องการแก้แค้นให้พี่สาวที่ต้องมาเจอกับผู้ชายไร้ความผิดชอบคนนี้
“นี่มันอะไรกันน่ะ” เวรุกาปรี่เข้ามาหาร่างน้องชายที่ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยอาการตกใจเมื่อเห็นเลือดกบอยู่บริเวณมุมปากหยัก
“ถามไอ้เวรนี่ดูว่ามันทำอะไรไว้” คนกระทำหันไปบอกหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วยอารมณ์ที่เดือดดาลไม่หาย
“มีอะไรกันวิน” เวรุกาถามน้องชายด้วยความสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะไม่พอใจลึกๆ ที่น้องชายถูกกระทำรุนแรง แต่พอเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องราวคงจะไม่ธรรมดาแน่นอน
“ผมจัดการเองครับพี่วีวี่” มือหนาเช็ดเลือดบริเวณมุมปากแล้วลุกขึ้นยืน ถามถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่าย
“ออกไปจากห้องทำงานกู ไม่งั้นมึงได้กระเด็นแน่”
“กูไปแน่ แต่มึงระวังตัวไว้ไอ้วิน มึงทำพี่สาวกูท้อง มึงทำลายพี่สาวกู” ศิวะชี้หน้าคาดโทษด้วยแรงอารมณ์ที่ยังไม่จางหาย
“เฮอะ! แน่ใจเหรอว่าท้องกับกูจริง ถ้าใช่ลูกกู กูยอมรับ แต่แม่...กูไม่เอา” ธีรวัฒน์เน้นเสียง เรื่องอะไรจะให้ยอมรับผู้หญิงจืดชืดแบบนั้นมาเป็นเมีย เขามีคนรักอยู่แล้ว วาจาดังกล่าวทำเอาศิวะทำท่าจะถลาเข้ามาอีกรอบ ร้อนจนเจ้าของร่างบางต้องรีบเข้ามาขวางเอาไว้ “หยุดนะ”
“วิน พี่อยากเข้าข้างวินนะ แต่ครั้งนี้วินทำเกินไป พี่ยอมไม่ได้” เวรุกามองหน้าน้องชายด้วยความผิดหวังเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปาก เธอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายและลูกผู้หญิงด้วยกันดี น้องชายจะทำอะไรแย่ๆ เธอไม่สนถ้ารู้จักป้องกัน แต่ถึงขนาดทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ เธอยอมไม่ได้
“แล้วพี่วีวี่จะให้ผมทำยังไง ให้ผมแต่งงานกับเธองั้นเหรอ” ชายหนุ่มประชดผู้เป็นพี่สาว
“ใช่ มันคือสิ่งที่ถูกต้องและวินต้องทำด้วย ไว้พี่จะไปคุยกับพ่อเอง” หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่มีแววแห่งความล้อเล่นอีกต่อไป เรื่องนี้คือเรื่องใหญ่สำหรับเธอ
“ไม่มีวัน ผมจะแต่งงานกับลูกพีชคนเดียวเท่านั้น” ธีรวัฒน์ประกาศกร้าวก่อนจะหุนหันออกไป ไม่แม้แต่จะสนใจเสียงเรียกของพี่สาวที่ดังตามหลังมา
“ฉันขอโทษแทนวินด้วย” เวรุกากล่าวคำขอโทษชายตรงหน้า นึกโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรรุนแรงไปกว่านั้น เพราะความโกรธจึงพอเข้าใจดีว่าทำไมถึงใช้กำลังตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้น
“ไม่จำเป็น บอกให้น้องชายคุณรับผิดชอบพี่สาวผมซะถ้ามันยังอยากมีชีวิตอยู่ ระวังมันจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งข้อหาโดนฆาตกรรม” สิ้นเสียงเจ้าของร่างสูงก็เดินออกจากห้องไป ไม่สนใจรับคำขอโทษของเธอ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาบอกให้รู้ว่าคนอย่างเขาพูดจริงทำจริงแน่
ธีรวัฒน์เหยียบคันเร่งมาด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่ต่างจากพายุทอร์นาโด จุดมุ่งหมายคือบ้านของชายสูงวัยผู้มีตำแหน่งเป็นลูกน้อง นี่คงแจ้นไปฟ้องน้องชายให้มาเอาเรื่องตน อย่าหวังเลยว่าจะจับเขาได้ง่ายๆ ต้องสอนบทเรียนให้ได้รู้ซะบ้าง มือหนาเขย่าประตูรั้วบ้านเต็มแรง เพราะความจะพังแหล่ไม่พังแหล่ทำให้เสียงดังจนคนในบ้านได้ยิน
“คุณวิน” เจ้าของร่างบางที่รีบวิ่งมาดูบริเวณหน้าบ้านเรียกชื่อแขกผู้มาเยือนเสียงเบาจนแทบจะอยู่ในลำคอ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาถึงที่นี่ได้ ใบหน้าบึ้งตึงบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
“เปิดประตู ถ้าไม่เปิดฉันจะพังรั้วบ้านเธอเดี๋ยวนี้” คนบ้าดีเดือดสั่งเสียงต่ำจนเจ้าตัวรีบลนลานทำตาม พอเดินเข้ามาถึงข้างในเขาก็เปิดฉากต่อว่าทันที “สมใจเธอแล้วสินะ จับฉันได้ แต่มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ท้องกับใครมาแล้วจะมายัดเยียดเด็กนั่นให้ฉันรับผิดชอบ”
“แนนไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นนะคะ” หญิงสาวปฏิเสธด้วยอาการงุนงง ไม่เข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงเรื่องอะไร
“คิดมากกว่านั้นสิไม่ว่า ถ้าท้องแล้วจนปัญญาจนหาพ่อให้ลูกไม่ได้ล่ะก็ ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ ฉันจะให้เธอหนึ่งล้าน ไปจัดการกับชีวิตเธอและลูก แล้วอย่าได้คิดมาวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก ไม่งั้นเธอได้เดือดร้อนแน่” ชายหนุ่มต่อว่าพร้อมกับยัดเช็คเงินสดที่เพิ่งเขียนมาในรถหมาดๆ ใส่มือด้วยแรงอารมณ์ ซึ่งนอกจากจะไม่รับแล้วมือเล็กยังปล่อยทิ้งลงสู่พื้น เธอไม่มีวันรับเงินให้เขามาดูถูกเด็ดขาด
“คุณวินจะให้แนนทำลายลูกเหรอคะ” น้ำเสียงหวานอ่อนระโหย ทำไมให้เธอทำแบบนั้นได้ลงคอ
“ฉันไม่รู้ มันเป็นเรื่องของเธอ แต่อย่าเอามายัดเยียดให้ฉัน” ธีรวัฒน์กระชากเสียงไม่ไยดี มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยหรือกับการที่นอนด้วยกันเพียงครั้งเดียว แล้วมาบอกว่าท้องกับตนเอง
“เด็กในท้องเป็นลูกคุณจริงๆ นะคะ แนนไม่ได้โกหก” หยาดน้ำใสกลิ้งลงมาไม่ขาดสายเพราะความเสียใจที่เขาไม่เชื่อ
“หุบปาก! แล้วเลิกบีบน้ำตาของเธอสักที มันน่าสมเพช” ชายหนุ่มตะคอกกลับเสียงเข้ม โมโหที่เธอบังอาจอาจต่อล้อต่อเถียงไม่หยุด
“คุณไม่รักแกแนนไม่ว่าค่ะ เราสองคนไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก”
“ถ้ามันง่ายอย่างที่เธอพูดก็ดีสิ เธอเองไม่ใช่เหรอที่ให้น้องชายไปอาละวาดต่อยหน้าฉันถึงที่ทำงาน” ผู้หญิงปลิ้นปล้อน ตีหน้าใส่ซื่อทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว คงคิดว่าคนอย่างเขาตามเกมไม่ทัน
“โธ่นพ” ภัทรสรนึกถึงน้องชายที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงยามได้รับรู้ความจริงจนต้องไปทวงความยุติธรรมมาให้ อีกฝ่ายถึงได้รีบตามเอาเงินมาฟาดหัวถึงบ้าน
“ไม่ต้องตีหน้าใสซื่อใส่ฉัน เห็นแล้วสะอิดสะเอียน เธอวางแผนกับน้องหวังตกถังข้าวสารอยู่แล้วนี่ อ้อ...แล้วไม่ต้องคิดนะว่าการที่ไม่ยอมรับเงินแล้วฉันจะรู้สึกดี ผู้หญิงอย่างเธอคงจะอดเปรี้ยวไว้กินหวานมากกว่า” ชายหนุ่มพูดเองเออเองเสร็จสรรพจนคนฟังอ่อนใจ ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว
“แนนไม่เคยเห็นแก่เงินของคุณนะคะ คุณไม่อยากได้แกก็ไม่เป็นไรค่ะ ลูกคนเดียวแนนเลี้ยงเองได้” ภัทรสรหวังให้อีกฝ่ายเลิกต่อว่าเธอเสียๆ หายๆ สักที
“ถ้าเป็นลูกฉันจริง ฉันจะรับไว้ แต่เธอ...ฉันไม่ต้องการ แม่ของลูกฉันคือลูกพีชคนเดียวเท่านั้น ส่วนเธอจะจับตัวเองใส่ตะกร้าล้างน้ำไปให้ผู้ชายหน้าไหน ฉันก็ไม่สน” สิ้นวาจาดูถูกดังกล่าว มือหนาก็เอื้อมไปบีบไหล่กลมมนแน่นก่อนจะผลักออก แม้ไม่แรงมากแต่ก็ทำให้ผู้หญิงที่กำลังอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจล้มลงไปกองกับพื้น ในขณะที่คนกระทำไม่คิดจะหันกลับมาสนใจ นอกจากเดินออกไปขึ้นรถยนต์ของตนเองด้วยความชิงชังที่ไม่มีวันจางหาย
“ฮือ...ฮือ...ฮือ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้กับแนน แนนไปทำอะไรให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจนักหนา” สองมือเล็กพยุงตนเองลุกขึ้น มองตามรถยนต์คันหรูที่เพิ่งแล่นออกไปด้วยความเสียใจ ไม่เข้าใจกับการกระทำอันป่าเถื่อนของผู้ชายที่ได้หัวใจเธอไป...ทั้งดวง
