บทที่ 6
ไม่มีเหตุผลที่ต้องขัดใจสุภาพสตรี นัทชาเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มองเท่าไรก็ไม่เคยเบื่อ ยิ่งเวลาเธอยิ้มหวานจนเห็นลักยิ้ม นั่นยิ่งละสายตาแทบไม่ได้ ผิวพรรณของเธอนั้นขาวผุดผาด แม้จะดูตัวเล็กและผอมบางไปบ้าง แต่เธอก็มีทรวดทรงที่งดงามตรึงใจ มันทำให้เขาเผลอจินตนาการอยู่เรื่อยว่าหากไร้อาภรณ์ที่สวมใส่ เธอจะเร้าอารมณ์ของเขาได้มากแค่ไหน
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะค่ะ น่านมีร้านอาหารร้านโปรดอยู่ในใจแล้ว” หญิงสาวกระตุกแขนเร่งเร้า แน่นอนว่าเอกพลรีบทำตามอย่างว่าง่าย
ง่ายยิ่งกว่าจูงจมูกควายเสียอีก!
เมื่อมาถึงร้านเวดดิ้งสองหนุ่มสาวก็เข้าไปเลือกชุดของตัวเอง เอกพลเลือกชุดที่แพงที่สุดและทันสมัยที่สุด เมื่อในส่วนของตัวเองเรียบร้อย เขาก็เริ่มมาวุ่นวายช่วยนัทชาเลือกชุดโดยไม่ได้ร้องขอ แต่ล่ะชุดที่เอกพลเลือกมีแต่อวดหน้าอกเน้นสัดส่วนทั้งนั้น ซึ่งนัทชาต้องปฏิเสธอย่างสุภาพว่านั่นไม่ใช่สไตล์ของเธอ
พอเจอเสียงใสออดอ้อนกับดวงตากลมโตหวานซึ้งมองมาอย่างเว้าวอน เขาก็ยอมตามใจปล่อยให้ว่าที่เจ้าสาวได้เลือกชุดที่ชอบเอง ซึ่งเธอก็เลือกชุดที่สะดวกสบายในการเดินเหิน ไม่รุ่มร่ามน่ารำคาญนัก เพราะในวันงาน พิธีวิวาห์จะไม่มีทางได้เกิดขึ้น แต่ถ้าบิดากับกานดายังต้องการให้มันเป็นไปตามแผนล่ะก็ เอกพลก็คงจะต้องเข้าพิธีกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
เมื่อได้ชุดที่พึงใจกันแล้ว สองหนุ่มสาวก็ควงกันไปที่ร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง นัทชาอยู่ร่วมบ้านกับเอกพลมานานพอที่จะรู้ว่าเขาไม่ชอบอาหารรสจัด แน่นอนว่าเธอเลือกสั่งแต่เมนูจัดจ้านเท่านั้น เพราะตัวเองชอบและสามารถรับประทานได้สบาย ไม่นานนักอาหารหน้าตาน่ารับประทานมากมายก็เรียงรายขึ้นมาบนโต๊ะ เช่น ผัดเผ็ดหมูป่า ผัดเผ็ดปลาดุก ต้มแซบซี่โครงหมู คั่วกลิ้ง ผัดขี้เมาทะเล
“เอ่อ...น้องน่านชอบอาหารแนวๆ นี้เหรอคะ” แค่เห็นหน้าตาของอาหารแต่ละจานก็ทำเอาเอกพลเหงื่อซึมเสียแล้ว
“ใช่ค่ะ ทำไมคะพี่เอก อย่าบอกนะว่าพี่เอกทานเผ็ดไม่ได้” นัทชาจงใจพูดสบประมาท “เพื่อนผู้ชายของน่านทานเผ็ดได้กันทุกคนเลยนะคะ ใครที่ทานเผ็ดไม่ได้ ดัดจริตเหมือนลูกคุณหนู มักจะโดนล้อเลียนตลอดเลยค่ะว่าใจตุ๊ด! ว่าแต่...พี่เอกทานได้ไหมคะ” เธอเลิกคิ้วอย่างรอคอยคำตอบ
“แหม สบายมากค่ะ อาหารรสจัดนี่แซ่บถึงใจดีจะตายไปเนอะ” ตอนแรกเอกพลก็ตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเธอ เขาก็เลยต้องทนรับประทานอาหารไปเรื่อยๆ ใบหน้าแดงก่ำและริมฝีปากบวมเห่อ เหงื่อกาฬแตกพลั่ก สูดปากเกือบตลอดเวลา อีกทั้งยังเติมน้ำเย็นหลายแก้วจนแน่นท้องไปหมด
กว่านัทชาจะยอมเรียกพนักงานมาเช็กบิล ทำเอาเอกพลแสบปากแสบท้องจนกระสับกระส่าย เมื่อกลับถึงบ้านชายหนุ่มก็รีบแยกตัวหายเข้าห้องน้ำไปทันที นัทชาลอบยิ้มสะใจ อวยพรขอให้เขาได้ใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายนี้ และอาจล่วงเลยไปจนถึงค่ำ ในการสนิทสนมกับโถส้วมเสียให้เต็มที่
“ตาเอกเป็นอะไรเหรอน่าน ทำไมหน้าซีดแล้วก็ดูรีบร้อนแบบนั้นล่ะ” กานดาเดินสวนกับลูกชายเข้าพอดี แต่เห็นเอกพลไม่ยอมหยุดทักทาย เดินกึ่งวิ่งกุมห้องหายไปทางห้องน้ำ จึงมาถามกับนัทชาแทน
“อ๋อ พี่เอกคงท้องเสียน่ะค่ะ วันนี้ที่ร้านอาหารมีแต่อาหารรสชาติเผ็ดๆ ทั้งนั้นเลย น่านบอกว่าอย่าทานเยอะก็ไม่ฟัง” หญิงสาวปั้นหน้านิ่ง แสร้งเป็นห่วงเล็กน้อย เมื่อพบว่ากานดากำลังจ้องมองอย่างจับผิด
“แย่จริง ตาเอกนะตาเอก รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกินอาหารรสจัดไม่ได้ ยังจะดันทุรังอีก” กานดาไม่ได้คิดสงสัยอะไร นอกจากรีบเดินกลับไปหาลูกชาย คอยดูแลด้วยความห่วงใย เผื่อว่าจะท้องเสียหนักจนต้องตามหมอมาตรวจที่นี่
นัทชาหัวเราะคิกคัก แล้วเดินขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง อีกสามวันเธอจะต้องกลายเป็นเจ้าสาวจำยอม ดังนั้นต้องวางแผนทุกอย่างให้รัดกุมที่สุด เพราะถ้าพลาด…
นั่นหมายความว่าชีวิตและอนาคตของเธอจบเห่แน่!
