พิชิตรักจอมมาร

236.0K · จบแล้ว
อินทุภา
169
บท
480
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อ ‘นัทชา’ ถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับลูกชายของภรรยาใหม่ การหนีออกจากบ้านจึงเป็นหนทางเดียว! และเขา...ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผู้มีดวงตาสีเทาและโคตรหล่อคนนั้น คือเป้าหมายที่เธอเลือกแล้วว่าจะหนีตามไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว! แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าหนุ่มหล่อตรงหน้านั้น ไม่ใช่เทพบุตรอย่างที่คิด เขาคือ ‘จอมมาร’ ปากจัด! ขี้แกล้ง แถมยังใจร้ายสุดกู่อีกต่างหาก “เฮ้ย! นี่เธอแอบขึ้นมาบนรถฉันตอนไหนเนี่ย!” ชายหนุ่มผงะด้วยความตกใจ เมื่อเปิดประตูหลังเพื่อจะหยิบกระเป๋าสัมภาระ แต่กลับพบผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งขดอยู่ตรงที่วางเท้าของเบาะหลัง แถมยังจ้องมองมาตาแป๋ว “อ้าว พูดไทยได้ด้วยหรือคะ อุตส่าห์นั่งเรียบเรียงประโยคภาษาอังกฤษมาตลอดทางเลย” เธอจ้องมองมาอย่างตกตะลึง แล้วยิ้มร่าเมื่อพบว่าอีกฝ่ายพูดภาษาไทยได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ “แหม อย่าโมโหสิคะลุง ไหนๆ หนูก็หนีตามลุงมาแล้ว ช่วยรับผิดชอบชีวิตลูกแมวตาดำๆ อย่างหนูหน่อยเถอะนะ” “บ้าไปกันใหญ่แล้ว ฉันไม่อยากติดคุกติดตารางเพราะคดีพรากผู้เยาว์หรอกนะ เธอลงมาจากรถแล้วรีบไปให้พ้นจากที่นี่...เดี๋ยวนี้!” “รับรองว่าไม่ติดคุกแน่ หนูไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะลุง” “ฉันอายุสามสิบห้า ไม่ใช่ห้าสิบ! ฉะนั้นเลิกเรียกฉันว่าลุงเสียที!” “แล้วถ้าเรียกว่าพี่ จะยอมให้เค้าอยู่ด้วยไหมล่ะตัวเอง” นัทชากะพริบตาปริบๆ ทำเอาคนที่ยืนตระหง่านค้ำอยู่ตรงประตูรถถึงกับพูดไม่ออก เพราะไม่เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อนในชีวิต ลุยซ์ขบกรามแน่นก่อนจะปิดประตูลง เด็กนี่หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าหนังควาย แล้วเขาจะจัดการอย่างไรกับเจ้าหล่อนดี! ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักตลกรักหวานๆดราม่าสัญญาทางรักหนีแต่งงานโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นฟินๆ

บทที่ 1

เช้านี้อากาศค่อนข้างเย็น เพราะสายฝนตกกระหน่ำลงมาเกือบตลอดทั้งคืน แสงแดดยามเช้าที่ควรจะส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อรบกวนให้ร่างบอบบางบนเตียงตื่นขึ้น จึงถูกก้อนเมฆดำทะมึนบนท้องฟ้าบดบังจนสิ้น ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเสียงนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงช่วยฉุดกระชากสาวสวยวัยยี่สิบสองปีให้ตื่นจากนิทรา และเอื้อมมือไปตบนาฬิกาจนกระทั่งมันเงียบเสียงลงไป

นัทชา แสนคำภา ทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง อากาศดีแบบนี้เหมาะแก่การซุกตัวอยู่ในผ้าห่มมากกว่าถ่างตาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ดูเหมือนสิ่งที่หวังจะไม่เป็นไปดั่งใจคิด เพราะไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงทุบประตูโครมคราม บ่งบอกว่าเวลาแห่งความสุขสบายและเป็นส่วนตัวได้จบสิ้นลงแล้ว

“ตื่น! ตื่นได้แล้วยัยน่าน คุณพ่อให้รีบลงไปพบข้างล่าง”

เสียงตะโกนประกอบกับมือที่รัวอยู่ตรงประตู ทำให้นัทชาสะบัดผ้าห่มออกแล้วยันกายลุกขึ้นนั่ง สอดมือเรียวบางเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มแล้วขยี้มันอย่างหัวเสีย น่าเบื่อจริงเชียว แม้แต่ในวันหยุดอย่างนี้ ผู้เป็นบิดาก็ยังไม่วายส่งแม่เลี้ยงมาขัดขวางความสุขของเธออีก

“ตื่นแล้วค่าคุณนาย ขออาบน้ำแปรงฟันก่อนคงไม่ว่ากันนะคะ” ถ้อยคำประชดประชันโต้ตอบออกไป

“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะ! บอกให้เรียกฉันว่าคุณกานดาไง”

“ค่า คุณกานดาคนสวย” นัทชาทำตามอย่างว่าง่ายเพราะต้องการตัดรำคาญ แน่นอนว่านั่นทำให้กานดาหยุดพูดและเดินห่างออกไปจากประตูทันที เมื่อเสียงฝีเท้าเงียบไปแล้วหญิงสาวก็ก้าวลงจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวหายเข้าไปในห้องน้ำ

ใช้เวลากับตัวเองเพียงสิบห้านาที ร่างบอบบางสมส่วนก็อยู่ในชุดเสื้อรัดรูปคอวีสีเหลืองกับกางเกงยีนขาสั้นโชว์เรียวขาสวยเพรียว เธอหมุนตัวไปมาในกระจก ยิ้มหวานจนมองเห็นลักยิ้มกดลึกที่แก้มทั้งสองข้าง

พักหลังมานี่ชอบการแต่งตัวแบบทะมัดทะแมง เบื่อเหลือเกินที่จะต้องใส่ชุดกระโปรงให้สมกับเป็นลูกสาวพลตำรวจโทภานุเดช แม้รู้ดีว่าถ้าบิดาเห็นเธอแต่งตัวอย่างนี้ เธอจะต้องโดนตำหนิยกใหญ่แน่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนเรามีสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบแตกต่างกันไป ไม่ใช่ตุ๊กตาไร้ชีวิตที่ต้องรอให้ใครๆ มาจับแต่งตัว

นัทชาซอยเท้าวิ่งลงบันไดลงมาชั้นล่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเดินอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นสายตาที่บิดามองมา หญิงสาวอยู่ในท่าทีสำรวมขณะเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่ง รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด เพราะนานมากแล้วที่ทุกคนไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าด้วยสีหน้าตึงเครียดอย่างนี้

“เอ่อ...” นัทชาอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไรดี

“วันนี้แต่งตัวน่ารักจังนะคะน้องน่าน สีเหลืองสดใสดีทีเดียว”

เอกพลลูกชายของผู้เป็นแม่เลี้ยง ทำลายความเงียบขึ้นก่อนด้วยการเอ่ยชม ดวงตาวาววับจ้องมองตรงหน้าอกอวบอิ่ม ทำให้นัทชาชักหายใจไม่คล่องด้วยความอึดอัด นึกอยากกางเล็บข่วนหน้าคมคายนั่นให้ถลอกเลือดซิบ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ในความคิดเท่านั้น ขืนพลั้งมือทำลงไปจริงๆ เธอคงถูกทำโทษหนักแน่

ในเมื่อพ่อของเธอเอาใจภรรยาใหม่กับลูกเลี้ยงอย่างกับอะไรดี!

“คิดยังไงถึงกลับบ้านได้คะ ปกติพี่เอกมักขลุกอยู่ในบ่อนหรือผับมากกว่าไม่ใช่เหรอคะ?” นัทชาตีหน้าซื่อถามออกไป นั่นทำให้เอกพลหน้าเสียและมองสบตากับมารดาอย่างขอความช่วยเหลือ

“พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตาเอกงานยุ่งจนไม่มีเวลากลับบ้านต่างหาก” กานดาปรายตามองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเอนตัวไปกอดแขนสามีแล้วออดอ้อนตามความถนัด

“อย่าไปสนใจพวกปากหอยปากปูเลยนะคะคุณพี่ ตาเอกน่ะทำงานจนหัวหมุน ไม่มีเวลาไปทำเรื่องเหลวไหวพวกนั้นหรอกค่ะ พวกขี้อิจฉาก็พากันลือเสียๆ หายๆ ทุกวันนี้ตาเอกแทบไม่มีเวลาหายใจด้วยซ้ำ”

“ระวังตายเอานะคะ ถ้าไม่มีเวลาหายใจเนี่ย” นัทชาโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ยัยน่าน!” พลตำรวจโทภานุเดชหันมาตวาดลูกสาวทันที

“ห้ามก้าวร้าวพี่เขาแบบนี้นะ พ่อไม่ชอบ พี่เขาอายุมากกว่าแกตั้งแปดปี อย่ามาพูดจาไม่รู้ประสาอย่างนี้!” เขาเตือนด้วยสีหน้าดุดัน จ้องมองคนตัวเล็กที่ใบหน้าสลดวูบลงอย่างโกรธเคือง

“น่านขอโทษค่ะ” นัทชายกมือไหว้และเอ่ยเสียงเรียบ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้องน่าน” เอกพลลุกจากที่ของตัวเอง ขยับไปนั่งเบียดหญิงสาวอย่างจงใจ