บทที่ 11
“นิก้า...ไม่อยู่แล้ว” เสียงที่เอ่ยออกมาฟังดูสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้
“ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่แล้ว รบกวนคุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน ผมอยากตามหาเธอแล้วถามตรงๆ ว่าเธอเต็มใจจะกลับไปพบพ่อกับผมหรือเปล่า ผมไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว”
ลุยซ์เป็นคนทำอะไรรวดเร็วและไม่ชอบการรอคอย เขาจึงเร่งรัดหาคำตอบ โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นหยาดน้ำตาที่เปียกชุ่มอยู่บนแพขนตาของอีกฝ่าย
“นิก้าไม่ได้อยู่ที่ไหนทั้งนั้นบนโลกใบนี้” โดโรธีมองสบตากับชายหนุ่ม “แม่ของเธอ...จากโลกนี้ไปนานเกือบเจ็ดปีแล้วลุยซ์ จากไปพร้อมกับความเลวร้ายที่ทำให้ฉันต้องตายทั้งเป็น” ท้ายประโยคเสียงของเธอสั่นและเต็มไปด้วยความเสียใจ แววตาไม่ปรากฏความเกลียดชัง แต่มันว่างเปล่าจนน่าใจหาย
“หมายความว่า...” นั่นทำให้ลุยซ์ชาวาบไปทั่วใบหน้า ตัวแข็งทื่อ มือไม้เย็นเฉียบไปหมด
“นิก้าป่วยตายจากโรค...เอ่อ โรคติดต่อร้ายแรงที่พวกผู้หญิงส่ำส่อนเป็นกัน” โดโรธีสูดลมหายใจเรียกความเข้มแข็ง เมื่อต้องเอ่ยถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง
“หลังจากกลับมาที่สเปนเมื่อสิบปีก่อน นิก้าก็มาอาศัยอยู่ที่นี่กับครอบครัวของฉัน และ...และเธอตอบแทนความรักความหวังดีของฉัน ด้วยการ...แอบหลับนอนกับสามีของฉัน”
“อะไรนะครับ!” ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ขนลุกไปทั้งตัวเมื่อได้ยินพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของผู้ให้กำเนิด
“นิก้าเป็นผู้หญิงที่ร้อนแรงและยังสวยมาก แม้จะอายุมากแล้วก็ตาม” เธอเล่าต่อทั้งน้ำตา “เธอลักลอบเป็นชู้กับสามีของฉันอยู่นานนับปี ในขณะเดียวกันก็ควงผู้ชายอื่นอีกมากหน้าหลายตา จนกระทั่งวันหนึ่งฉันบังเอิญได้ยินเธอกับสามีของฉันคุยกัน ทะเลาะกันเรื่องความส่ำส่อนของเธอที่นำโรคร้ายมาติดให้กับเขา โชคดีมากที่เขาไม่เคยหลับนอนกับฉันหลังจากมีอะไรกับนิก้า ฉันก็เลยไม่ติดโรคนั่น” ถึงตอนนี้โดโรธีก็ปิดหน้าร้องไห้โฮ ไม่อาจสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป
“พระเจ้า ผมไม่อยากจะเชื่อเลย” ลุยซ์ทิ้งตัวพิงโซฟาแรงๆ ยกมือขึ้นลูบหน้า รู้สึกได้ถึงขอบตาที่ร้อนผ่าว
“สามีฉันยิงตัวตายหลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นโรคนั้น ส่วนนิก้า...หายตัวออกไปจากบ้านหลังนี้ราวๆ สองปี จากนั้นฉันก็ได้ยินว่าเธอตายอย่างโดดเดี่ยวอยู่ข้างถนน ฉันไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านั้นเธอมีชีวิตอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่เคยยอมให้อภัยเธอ เธอทำลายครอบครัวของฉัน เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องตายทั้งเป็น”
“ผมเข้าใจครับ คุณมีสิทธิ์ที่จะโกรธ”
ชายหนุ่มรวบรวมสติ กลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก ขณะเคลื่อนตัวเข้าไปหาโดโรธี คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ดึงมือบางที่สั่นเทานั้นมากุมไว้
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันอยู่เหนือการควบคุมของผม และผมคงบรรเทาความทุกข์ในใจของคุณให้เบาบางลงไม่ได้ แต่อย่างน้อย...ขอให้ผมได้มั่นใจว่าคุณจะมีความเป็นอยู่ที่ดีเถอะนะครับ ได้โปรดยินยอมรับความหวังดีจากผม”
เขาจ้องมองเธอ ดวงตาสีเทาราวกับมีพลัง มันสะกดโดโรธีให้นั่งนิ่ง ไม่สามารถหาคำพูดใดออกมาต่อต้านได้
ลุยซ์พยายามจะยิ้มให้กำลังใจ แต่เขาทำไม่ได้และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการยิ้มอย่างจริงใจนั้นต้องทำอย่างไรในเวลานี้ ชายหนุ่มมีเงินติดตัวมาค่อนข้างมาก เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาในการตามหามารดานานเพียงใด
แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่จำเป็นแล้ว เขาจึงดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากเสื้อแจ๊คเกต นำเงินหนึ่งหมื่นยูโรหรือราวสามแสนบาทไทย ยื่นส่งให้กับอีกฝ่ายจนถึงมือ
“ฉันไม่...”
หญิงสูงวัยขยับจะค้าน เมื่อพบว่าเงินจำนวนนั้นมากเกินไป ลุยซ์ไม่มีความผิด แล้วก็ไม่สมควรต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบในเรื่องนี้
“รับไว้เถอะครับ คุณอายุมากแล้ว อยู่ที่บ้านหลังนี้ตามลำพังอีกต่างหาก ขอให้ผมได้ช่วยเหลืออะไรบ้างเถอะนะครับ” เขายืนยันเจตนารมณ์นั้น เมื่อโดโรธีไม่ปฏิเสธอีก เขาก็ยื่นนามบัตรส่งให้
“นี่คือนามบัตรของผม ถ้าคุณเดือดร้อนเรื่องเงิน หรือมีปัญหาอะไรที่ผมอาจจะช่วยได้ ขอให้ติดต่อผมโดยไม่ต้องลังเลนะครับ”
“ขอบใจมากลุยซ์ เธอช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ขอให้พระเจ้าคุ้มครองนะหลานชาย” เธอยิ้มทั้งน้ำตา วางมือบนไหล่กำยำและตบเบาๆ
ลุยซ์วางมือใหญ่ลงบนมืออีกฝ่าย บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะขอตัวกลับออกมาจากบ้านหลังนั้น ใบหน้าคมคร้ามดูราบเรียบ ไม่ปรากฏความรู้สึกใดๆ ซึ่งขัดกับหยาดน้ำตาไหลที่รินลงมาข้างแก้ม
เขาสบถแล้วปาดน้ำตาออกไปเร็วๆ สะบัดหน้าและปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ กระชากประตูรถแท็กซี่ให้เปิดออก แล้วแทรกร่างกำยำบึกบึนเข้าไปข้างในรถ ตลอดทางที่มุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรม เขาพยายามนึกถึงคำสอนของนมถวิล
‘แม่...ยังไงก็คือแม่ ถึงเธอจะทำความผิดหรือไม่เคยดูแลเอาใจใส่ แต่ในฐานะลูก คุณลุยซ์ก็ไม่ควรโกรธเกลียดเธอ ความรู้สึกพวกนั้นมันทำให้จิตใจคนเรายิ่งแต่แข็งกระด้าง ลองปล่อยวาง ทำใจละทิ้งความเกลียด เปลี่ยนให้กลายเป็นความว่างเปล่าดูสิคะ แล้วเธอจะไม่มีอิทธิพลต่อคุณลุยซ์อีก’
ลุยซ์ขบกรามแน่น…
เมื่อพบว่าเขาไม่อาจละทิ้งความเกลียดที่มีต่อมารดาได้จริงๆ!
