บทที่ 10
“ผม...ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีครับนม ถึงยังไงผมก็ไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาที่นี่อีก” ดวงตาสีเทาสวยที่ถอดแบบมาจากมารดากำลังเต็มไปด้วยความสับสน
“บางทีคนเราก็ต้องเลือกทำในสิ่งที่ขัดใจตัวเอง เพื่อรักษาความรู้สึกของคนที่เรารัก” หญิงชราเอ่ยต่อ สายตาทอดมองไปยังทิวทัศน์รอบด้านที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ก่อนจะหันกลับมาสบตากับคนตรงหน้าอีกครั้ง
"ถามตัวเองดูสิคะว่ายอมทำเพื่อความสุขของคุณพ่อได้หรือเปล่า ระหว่างการลดทิฐิไปตามหาคุณอานิก้า กับการมองดูคุณพ่อทำร้ายตัวเองด้วยการไม่ยอมผ่าตัดรักษาตัว อย่างไหนคะที่คุณลุยซ์จะเลือก"
ลุยซ์ไม่อาจหาคำพูดใดมาโต้แย้งได้อีก หากคนที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้ไม่ใช่นมถวิล ผู้หญิงที่เขารักและบูชายิ่งกว่าแม่แท้ๆ เขาคงเดินหันหลังให้และจากไปอย่างไม่ใยดี แต่ในเมื่อนางเตือนสติด้วยความหวังดี เปรียบเทียบให้เห็นระหว่างทางเลือกทั้งสองทาง เขาก็พอรู้ว่าควรเลือกทำอย่างไรต่อไป
“ผมขอเวลาทำใจสักสองสามวัน แล้วผมจะไปสเปนครับนม” ชายหนุ่มตัดสินใจ ดึงมือนมถวิลมาแนบแก้ม
นางยิ้มให้กับเขา ชื่นชมหัวใจของลุยซ์ที่สุดท้ายก็ยอมลดทิฐิ แล้วทำตามเจตนารมณ์ของบิดาที่กำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง ผู้ชายคนนี้แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งและหัวดื้อ แต่นางรู้ดีกว่าใครว่าลึกๆ แล้ว หัวใจของเขานั้นมีช่วงเวลาที่อ่อนแออยู่บ่อยๆ แต่มักใช้ความกระด้างออกมากลบเกลื่อน ไม่ยอมให้ใครได้เห็นมุมที่อ่อนไหวได้อย่างเด็ดขาด
ลุยซ์ใช้เวลาตลอดสามวันเคลียร์งานที่คั่งค้าง รวมทั้งสั่งกัมปนาทให้ช่วยดูแลฟาร์มแทนในระหว่างที่เขาไม่อยู่ เขาไม่ได้บอกให้บิดารู้เรื่องที่ตัดสินใจยอมเดินทางไปตามหามารดาที่ประเทศสเปน แต่อาทิตย์รู้เรื่องนี้จากแพรสุดาที่รีบร้อนมาบอกในเช้าวันหนึ่ง อาทิตย์ดีใจจนยิ้มไม่หุบ ที่สุดท้ายลูกชายก็ยอมเห็นแก่ความต้องการของคนเป็นพ่อ ความจริงอยากพบหน้าลุยซ์เพื่อเอ่ยปากขอบคุณ แต่ชายหนุ่มไม่ยอมมาพบ ไม่แม้แต่จะมาบอกลาด้วยซ้ำ
เมื่อกัมปนาทจองตั๋วเครื่องบินให้ เขาก็หิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กมุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิทันที มีเพียงนมถวิลเท่านั้นที่ลุยซ์กราบลา และให้สัญญาว่าจะพยายามตามหามารดาให้พบ ไม่ลืมย้ำอีกรอบว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อต่อลมหายใจให้พ่อ ไม่ใช่ออกตามหาแม่เพราะความโหยหาแต่อย่างใด
การเดินทางสู่ประเทศสเปนเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อตอนอายุแปดขวบและอีกช่วงในตอนย่างเข้าวัยยี่สิบปี เขากับครอบครัวเคยเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนกันที่บ้านของมารดาที่เลกาเนส ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน แต่อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร
เท่าที่จำได้บ้านของอานิก้าไม่ได้จัดอยู่ในประเภทร่ำรวย เธอมีสถานะความเป็นอยู่แบบกลางๆ พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปพร้อมกันจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก จึงมีเพียงโดโรธีที่เป็นลูกสาวของป้าเท่านั้นที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เมื่อเธอทิ้งบ้านที่เลกาเนสไปมีครอบครัวที่เมืองไทย โดโรธีก็แต่งงานและพาสามีของเธอเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้
ลุยซ์พักที่โรงแรมระดับห้าดาวในเลกาเนส แม้การเดินทางจะทำให้เหนื่อยล้า แต่เขาไม่ได้สนใจ ทันทีที่เช็กอินเข้าที่พักและนำสัมภาระไปไว้ในห้องแล้ว เขาก็ใช้ภาษาสเปนที่ค่อนข้างดีเยี่ยมจากการเรียนภาษาในทุกๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ บอกกับแท็กซี่ว่าต้องการมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในตรอกแคบๆ
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ชายหนุ่มก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านที่คุ้นเคยดี มือใหญ่ชะงักค้างกลางอากาศ ไม่ยอมเลื่อนไปกดกริ่ง เขาถอยหลังห่างจากประตูมาสองสามก้าว ยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วเดินวนไปวนมาอย่างที่ทำประจำเวลามีเรื่องให้ตัดสินใจ ดูเหมือนเขาจะไม่มีเวลาได้ไตร่ตรองอีก เมื่อจู่ๆ ประตูบ้านก็เปิดออก
คนที่กำลังจะก้าวออกมาชะงักและยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ ก่อนจะเพ่งพิจารณาใบหน้าคมคร้ามมีเสน่ห์ตรงหน้าอย่างตกตะลึง แม้ชายหนุ่มจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก โดโรธีก็ยังจำดวงตาสีเทาคู่นั้นได้เป็นอย่างดี
“นั่น...ลุยซ์ใช่ไหม?”
เสียงนั้นฟังดูแหบแห้ง ดวงหน้ามีร่องรอยแห่งวัยปรากฏอยู่มาก ผมสีเคยมีสีน้ำตาลอ่อน ตอนนี้มีสีดอกเลาแซมอยู่ประปราย
“ครับ ผมเอง” เขาตอบพร้อมพยักหน้า
“พระเจ้า...ฉันไม่คิดเลยว่าเราจะได้พบกันอีก”
หญิงวัยหกสิบสามปี ซึ่งแก่กว่าแม่ของเขาราวๆ สามปี ขยับเข้ามาแตะที่ข้างต้นแขน แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “เข้าไปในบ้านก่อนเถอะ อากาศร้อนแบบนี้เธอควรดื่มอะไรเย็นๆ สักแก้ว เอาเป็นน้ำมะนาวแล้วกัน” โดโรธีสรุปแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน ลุยซ์ไม่มีทางเลือกมากนักจึงจำเป็นต้องเดินตามเข้าไป
ภายในบ้านไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อหลายปีก่อนนัก นอกจากสภาพข้าวของเครื่องใช้ที่ดูทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาบุนวมสีน้ำตาลไหม้ที่มีรอยขาดเล็กๆ สองมือประสานกันอยู่ตรงระหว่างขา รอคอยไม่นานโดโรธีก็กลับออกมาจากครัวพร้อมแก้วน้ำมะนาวเย็นเฉียบ
เธอไม่ได้วางมันลงบนโต๊ะ แต่เดินไปยื่นให้จนถึงมือ นั่นทำให้ลุยซ์จำเป็นต้องดื่มมันอึกหนึ่งเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ และช่วยไม่ได้ที่มันอร่อยจนทำให้เขาดื่มต่อไปอีกนิด
“คิดยังไงถึงมาที่นี่ คงไม่ใช่เพราะความคิดถึงแน่ๆ” ผู้สูงวัยกว่าถามและคาดเดาไปพร้อมๆ กัน เธอรู้เรื่องระหว่างอานิก้ากับสามีชาวไทยเป็นอย่างดี และยังรู้อีกด้วยว่าลุยซ์โกรธเกลียดแม่ของตัวเองมากแค่ไหน
“ผมมาที่นี่เพื่อตามหา...อานิก้าครับ” เขายังทำใจให้เรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่ไม่ได้จริงๆ “พ่อกำลังป่วยและต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่เขาจะไม่ยอมทำแบบนั้นจนกว่าจะได้เจอผู้หญิงที่เขายังรักอีกครั้ง ผมมาที่นี่เพื่อทำตามคำขอของพ่อ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น”
ลุยซ์ให้คำตอบที่ชัดเจน คิ้วหนาได้รูปที่พาดเฉียงอยู่เหนือดวงตาคม ย่นเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นโดโรธีส่ายหน้าและผงะห่างออกไปราวกับตกใจบางอย่าง
