บท
ตั้งค่า

Ep.3

บ้านวัฒนาวงศ์

หญิงสาวเดินเข้าบ้านมาเห็นว่าผู้เป็นพ่อยังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอเลยเดินเข้าไปหา

ปิ่นมุก : ยังไม่นอนหรอคะพ่อจะ 5 ทุ่มแล้ว

ชวลิต : ยังเหลือเคลียร์งานอีกนิดหน่อย หนูล่ะลูกทำไมเพิ่งกลับแล้วนั่นเเขนไปโดนอะไรมา แล้วพ่อได้ยินเสียงรถใครมาส่งลูก

ปิ่นมุก : อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะพ่อหาหมอแล้วเรียบร้อยไม่เป็นอะไรค่ะ พอดีคู่กรณีที่เค้าเฉี่ยวเค้าอาสามาส่งมุกค่ะ

ชวลิต : ทำไมไม่โทรบอกพ่อกับเเม่ล่ะลูก ถ้าเป็นเยอะขึ้นมาพ่อกับเเม่จะรู้เรื่องไหมเนี่ย พ่อเคยบอกเเล้วว่าเราขับมอไซค์ไม่แข็งอย่าขับออกไป

ปิ่นมุก : มุกเห็นว่าเเค่นี้เองนี่คะพ่อ อีกอย่างถ้าไม่ขับก็ไม่เก่งสักทีสิคะ มุกง่วงแล้วหนีพ่อไปนอนดีกว่าพ่อดุ

ชวลิต : ลูกคนนี้นี่

ปิ่นมุก : ไปแล้วนะคะ พ่ออย่าโหมงานดึกนะคะ

ปิ่นมุกวิ่งขึ้นด้านบนโดยไม่รอฟังคำตอบจากพ่อเพราะรู้ดีว่าขืนอยู่ต่ออีกนิดโดนบ่นหูยานเเน่ๆ ถึงตนกับพ่อจะเป็นเเค่ลูกเลี้ยง กับ พ่อเลี้ยง แต่พ่อที่เธอเคารพรักคนนี้ไม่เคยทำอะไนเสียหายเเบบที่คนโน้นคนนี้พูดเลยสักครั้ง ชวลิตเข้ามาในชีวิตของตนเเละแม่ตั้งเเต่ตน 3 ขวบ ตอนนั้นตนไม่รู้หรอกเเต่คุณยายที่เสียไปมักเล่าให้ตนฟัง ชวลิตเฝ้าเลี้ยงดูเธอเหมือนไข่ในหิน รักเธอเหมือนลูกแท้ๆของตน จนมีรดาพ่อของเธอคนนี้ก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเเบ่งว่ารักลูกเเท้ๆมากกว่าเเต่อย่างใด เธอเลยรักและเคารพชวลิตเป็นพ่อแท้ๆคนนึง…..หลังจากที่กลับขึ้นมาบนห้องปิ่นมุกก็มานั่งเคลียร์งานต่อแม้ว่าตนจะเหนื่อยหรือง่วงเเค่ไหนแต่ถ้างานไม่เสร็จเธอก็ไปไหนไม่ได้ ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่สมองเธอกลับว่อกแว่กไปนึกถึงเหตุการณ์รถเฉี่ยวที่เกิดขึ้น เลยนึกขึ้นได้ว่าตนรู้สึกคุ้นหน้าคู่กรณีเเบบบอกไม่ถูกแต่ก็ต้องหยุดความคิดลงเมื่อมีสายเรียกเข้าจากเพื่อนสนิทหรือเลขาของเธอโทรมา…..

ปิ่นมุก : ว่าไงมึง โทรมาสะดึกเลย

มิ้ง : ตอนนี้ในเพจบริษัท กับ โรงงานมีคนปล่อยข่าวว่ากำลังจะมีการล้มละลาย กูส่งรายละเอียดให้มึงตั้งเเต่ 3 ทุ่มแล้วเเต่มึงไม่อ่านโทรไลน์ก็ไม่รับ กูยังไม่ได้บอกท่านนะกูรอปรึกษามึงก่อน แต่ตอนนี้ทางแผนกไอทีเราได้มีตามการหาตัวคนปล่อยข่าวแล้ว ส่วนฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็ได้มีการเเก้ข่าวออกไปเเล้ว มึงจะให้กูทำไงต่อ

ปิ่นมุก : ข่าวล้มละลายหรอ…..

ปิ่นมุกนิ่งไปสักครู่กับเรื่องที่ได้ยินเพราะข่าวนี้เกือบจะเป็นความจริงเเค่ยังไม่ใช่วันนี้หรือตอนนี้ แต่ถ้าเธอยังหาทางเจรจาเรื่องหนี้สินไม่ได้ครอบครัวของเธอต้องได้ใช้คำนี้เเน่ๆ

มิ้ง : มุกมึงเป็นไรหรือเปล่า

ปิ่นมุก : ไม่เป็นไรมึงที่มึงโทรมาเเล้วกูไม่ได้รับพอดีกูเกิดเรื่องนิดหน่อย ลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ด้วยเดี๋ยวถ้าได้เรื่องคนปล่อยข่าวยังไงมึงช่วยบอกกูทีนะ เดี๋ยวกูเปิดดูที่มึงส่งมาก่อน

มิ้ง : โอเคมึง แล้วที่ว่าเกิดเรื่องนี่มึงเป็นอะไร

ปิ่นมุก : รถเฉี่ยวนิดหน่อยเเต่ไม่ได้เป็นอะไรเเล้วมึง โอเคดี มึงไปพักผ่อนเถอะดึกเเล้วพรุ่งนี้เจอกัน

มิ้ง : โอเคมึงก็พักผ่อนบ้างนะ อย่าทำเเต่งานมีอะไรก็โทรหากู

หลังจากวางสายปิ่นมุกก็เปิดดูสิ่งที่มิ้งส่งมา เค้ารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่มีข่าวแบบนี้ออกไปทั้งๆที่เรื่องนี้ตนเองค่อนข้างมั่นใจว่านอกจาก พ่อแม่และตนก็ยังไม่เคยมีใครรู้ถึงเรื่องนี้ ที่ยังไม่มีการเเจ้งพนักงานเพราะในสัญญาระบุว่าถ้าทางตนไม่มีเงินไปคืนในระยะเวลาที่กำหนดตนจะถูกยึดทรัพย์ แต่นังมีเวลา 1 เดือนในการเคลียร์พนักงาน ซึ่งเรื่องพนักงานทั้งหมดพ่อเเม่เเละตนได้มีการเตรียมเงินชดเชยไว้เเล้วในกรณีที่ไม่สามารถเจรจาหาทางออกเรื่องหนี้สินได้ ตนคิดไม่ออกจริงๆว่าเรื่องนี้จะมาจากใคร เธอนั่งคิดจนกระทั่งงานทุกอย่างเสร็จเเล้วไปอาบน้ำเพื่อที่จะพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เธอมีประชุมเช้า หลังอายน้ำเสร็จเเล้วทิ้งตัวลงบนเตียงร่างบางก็เข้าสู่ความสงบทันที….

บ้าน อมรสมบัติ

ขณะนี้เวลาเกือบเที่ยงคืนปรินทร์ก็ยังคงนั่งหน้างุ้มอยู่หน้าคอมเพื่อเคลียร์งานให้เสร็จ สายตาก็เหลือมองไปหน้าบ้านเพราะป่านนี้เเล้วภรรยาของเค้าก็ยังคงไม่กลับมา ถึงเเม้จะเป็นเรื่องปกติที่ภรรยาของเค้าจะกลับบ้านไม่ตรงเวลา เเต่เค้าก็ยังคงรู้สึกไม่ชินอยู่ดี เค้าไม่เคยโทรตามภรรยาเลยสักครั้งเพราะกลัวจะรบกวนเวลางานของภรรยาตนเอง อาจจะมีทักไลน์ทิ้งไว้บ้างเพื่อรอเธอมาตอบในบางครั้ง ถามว่าเค้าน้อยใจไหมที่ภรรยามีพฤติกรรมแบบนี้ แรกๆเค้าก็รู้สึกน้อยใจเเต่เค้าเลือกที่จะทำความเข้าใจเพราะรักภรรยา เธอคือรักแรกของเค้าที่คบกันมา 8 ปี แต่ก็ไม่เคยมีใครได้รับรู้นอกจากเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่สนิทจริงๆ บรรดาเเฟนคลับและคนอื่นรอบตัวยังคงเข้าใจว่าเธอคือสาวโสดที่ไม่มีสามี ชายหนุ่มนั่งทำงานจนเเล้วเสร็จก็ยังไม่มีวี่แววของภรรยา ข้อความที่ทักไปหาก็ไร้การตอบกลับ เค้าจึงโทรหาลุงคมคนขับรถ

การสนทนาในสาย

ลุงคม : ฮัลโหลครับนายน้อย

ปรินทร์ : ลุงครับ ยังไม่กลับอีกหรอครับ วุ้นถ่ายละครยังไม่เสร็จหรอครับ

ลุงคม : ผมกลับมาตั้งแต่เย็นเเล้วครับ คุณวุ้นขอเอารถไปใช้เองเค้าเเจ้งว่าพรุ่งนี้มีถ่ายละครเช้ามากเลยจะพักอยู่เเถวๆกองถ่ายกับเพื่อนนักแสดงด้วยกันครับ คุณวุ้นไม่ได้เเจ้งไว้หรอครับ

ปรินทร์ : ไม่ครับลุง วุ้นคงยุ่งน่ะครับไม่เป็นไรครับ ลุงพักผ่อนเถอะผมไม่กวนเเล้ว

ลุงคม : ครับผม

ปรินทร์รู้สึกแปลกใจเป็นครั้งที่สองกับการกระทำของภรรยา เรื่องเเรกคือเรื่องที่วุ้นได้แสดงหนังกับเพื่อนสนิทของตนปกติเค้าจะบอกตนตลอดเเทบทุกเรื่อง ตนคิดว่าภรรยายุ่งจนลืมบอก แต่พอมาเรื่องนี้ตนพยายามคิดว่าเธอไม่ว่าง เธอยุ่ง แต่สมองบางส่วนก็ยังคงเเย้งกลับมา ปกติแล้วคนเป็นสามีภรรยาอยู่บ้านเดียวกันควรที่จะบอกให้รู้หรือเปล่าว่าจะกลับบ้าน หรือ จะไปค้างที่อื่น ปรินทร์เลือกที่จะหยุดความคิดเเล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเอาไว้ถามจากเจ้าตัวเองดีกว่า…….

เช้าเวลา 06:40 น.

ปรินทร์เดินมาร่วมวงกินข้าวตามปกติเฉดเช่นทุกวัน แต่ที่ไม่ปกติคือวันนี้กลับข้าเต็มโต๊ะไปหมด

ปรินทร์ : วันนี้วันอะไรครับเนี่ยกับข้าวเต็มโต๊ะเลย

ท่านไพศาล : วันเกิดหมา

ชายหนุ่มชะงักไปเมื่อคนเป็นพ่อให้คำตอบมา ใช่วันนี้วันเกิดเค้านี่เค้าทำงานจนลืมวันเกิดตัวเองไปเลยจริงๆ

ปรินทร์ : ผมไม่ใช่หมานะครับพ่อ ถ้าผมเป็นหมาพ่อก็เป็นพ่อหมานะครับ

คุณนายเอื้อดาว : แม่ก็เป็นแม่หมาน่ะสิ

คุณนายเอื้อดาวเดินออกมาพร้อมกับของโปรดลูกชายในมืออีก 2 อย่าง

ปรินทร์ : ผมไม่ได้พูดนะครับเนี่ย

คุณนายเอื้อดาว : ไอ้ลูกคนนี้ แล้วนี่เมียไม่กลับบ้านอีกแล้วสิวันนี้วันเกิดแกนะ

ปรินทร์ : วุ้นมีถ่ายละครครับแม่

คุณนายเอื้อดาว : อะๆกินๆ

สามคนพ่อแม่ลูกนั่งกินข้าวกันจนอิ่มเเล้วแยกย้ายกันไปทำงาน เย็นนี้มีปาร์ตี้เล็กๆที่บ้านของตน ตนได้ทักไปหาภรรยาเเล้วแต่ก็ไร้การตอบกลับเหมือนเดิมตั้งแต่เมื่อคืน….

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel