บทย่อ
"เธอก็มาเป็นเมียฉันสิ เพราะฉันก็ไม่ยอมยกลูกให้เธอคนเดียวเหมือนกัน"
Ep.1
“”ล้มละลายหรอคะ??””
เสียงจากปิ่มมุกลูกสาวคนโตของตระกูลวัฒนาวงศ์ ที่ตอนนี้กำลังตกใจกับคำพูดของพ่อเเม่ที่บอกว่าบ้านของเธอกำลังจะล้มละลายเพราะติดหนี้ก้อนใหญ่ที่ไม่สามารถหาเงินมาใช้ได้ทัน
คุณนายจันทรา : ใช่ลูกบ้านเรากำลังจะล้มละลาย
ปิ่นมุก : น้องรับรู้เรื่องนี้หรือยังคะ
คุณนายจันทรา : ยังเลยลูกช่วงนี้น้องสอบเเม่ไม่อยากให้น้องเครียดแม่เลยยังไม่ได้บอกน้อง
ชวลิต : พ่อขอโทษนะลูกที่เพิ่งบอกหนู
ชวลิตผู้เป็นพ่อเลี้ยงพูดขึ้น แม้เค้าจะไม่ใช่พ่อเเท้ๆของปิ่นมุกเเต่เค้าก็เฝ้าเลี้ยงดูเเลมาจนเติบใหญ่เยี่ยงไข่ในหิน เค้ารักลูกสาวคนโตไม่ต่างจากลูกคนเล็กอย่างรดา ที่เป็นลูกแท้ๆ
ปิ่นมุก : นี่เราพอจะมีทางไหนบ้างคะ หรือมีอะไรที่หนูช่วยได้บ้างไหมคะ หนูพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างเผื่อจะพอช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
ชวลิต : เงินมันเป็นจำนวนมากโขอยู่นะลูก
ปิ่นมุก : หนูมีอยู่ 10 ล้าน เอาไปผ่อนเค้าก่อนได้ไหมคะ
คุณนายจันทรา : ในสัญญาการกู้ยืมระบุไว้ชัดเจนเลยลูกว่าเราต้องใช้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าเราไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ทั้งบริษัท หุ้น บ้าน จะถูกยึดทั้งหมด หนังสือสัญญาที่เขียนขึ้นทั้งสองเล่มล้วนเเต่ถูกต้องกามกฎหมายลูก
ปิ่นมุก : หนูขอดูได้ไหมคะ
ผู้เป็นเเม่ยื่นหนังสือสัญญาให้ลูกสาว ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ เพราะดูเหมือนว่าคนเป็นลูกจะกำลังตกใจอยู่กับจำนวนเงินมากมายตรงหน้า
ปิ่นมุก : 80 ล้าน!!!
หญิงสาวอุทานออกมาทันทีที่เห็นตัวเลขจำนวนเงิน เข้าไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าบ้านตัวเองมีปัญหาเรื่องเงินมากขนาดนี้
ปิ่นมุก : เค้าจะเข้ามาหาพ่อกับเเม่เมื่อไหร่คะ
ชวลิต : อีก 4 วันลูก
ปิ่นมุก : ขอหนูคุยกับเค้าได้ไหมคะ หนูคิดว่าเค้าคงไม่ใจร้ายกับเราขนาดนั้น
คุณนายจันทรา : ได้ลูก แต่หนูไม่ต้องห่วงนะถ้าทุกอย่างจะต้องจบเเบบนี้แม่กับพ่อเตรียมทุกอย่างสำหรับเราไว้แล้ว เราอาจจะต้องทิ้งชีวิตหรูหราที่เคยมีมาลงนะลูก
ปิ่นมุก : หนูไม่เคยกลัวที่จะต้องลำบากค่ะ แต่หนูไม่อยากเห็นสิ่งที่พ่อกับเเม่ร่วมกันสร้างมาพังลงไป ให้หนูได้ลองเจรจากับเค้าดูก่อนนะคะ เค้าอยากให้หนูทำอะไรหนูจะทำ
สองคนสามีภรรยาหันมองหน้ากันเพราะรู้สึกผิดที่ไม่สามารถจะรักษาสิ่งที่ตัวเองมีไว้ได้ แถมยังต้องลำบากลูกที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย คำว่าถ้าเค้าอยากให้ทำอะไรตัวเองยินดีจะทำ เล่นเอาคนเป็นแม่หวั่นใจอยู่ไม่น้อยเพราะตนรู้นิสัยลูกสาวดีว่ากล้าได้กล้าเสียมากแต่ไหน ยิ่งอะไรที่ทำให้คนในครอบครัวไม่ลำบากลูกสาวตนก็พร้อมที่จะเเลกมันมา
คุณนายจันทรา : หนูต้องสัญญานะลูกว่าจะไม่ทำอะไรให้ตัวเองเดือดร้อน
ปิ่นมุก : หนูไม่รับปากนะคะ เพราะไม่ว่าอะไรที่จะทำใพ่อกับแม่ไม่สูญเสียหนูจะทำ
ชวลิต : มุกลูกแต่ว่า
ปิ่นมุก : นะคะพ่อ ขอหนูได้ตอบแทนพ่อกับแม่นะคะ เดี๋ยววันนี้มุกเข้าโรงงานเองนะคะพ่อกับเเม่เข้าบริษัทได้เลยเราต้องมีทางออกของเรื่องนี้พ่อกับเเม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มุกขอตัวก่อนนะเเล้วมุกจะรีบตามไปที่บริษัทนะคะ
ลูกสาวบอกพ่อกับเเม่อย่างมุ่งมั่นว่าตัวเธอจะสามารถเจรจากับอีกฝั่งได้ไม่มากก็น้อย แม้ว่าตัวเธอจะไม่รู้เลยว่าการทำเรื่องนี้มันยาก….
บ้านอมรสมบัติ
“”อีก 5 วันผมจะไปหาคุณชวลิตด้วยตัวเองนะครับ””
เสียงจากลูกชายคนเดียวของบ้านอมรสมบัติที่ชื่อปรินทร์พูดกับผู้เป็นพ่อเเม่เสียงเเจ่ว
คุณนายเอื้อดาว : จะดีหรอลูกแม่เกรงว่าลูกจะไปทำอะไรโลดโผนแล้วมีปัญหา
คนเป็นเเม่พูดขึ้นอย่างรู้ใจลูกชานตนเองเพราะทุกครั้งที่ตนให้ลูกชายไปทวงหนี้ลูกชายมักจะปะทะกับบรรดาลูกหนี้ของบ้านจนมีปัญหาตามมา
ปรินทร์ : ไว้ใจผมเถอะครับ เงินตั้งเยอะถ้าผมให้พ่อกับแม่ไปมีหวังก็ไปใจอ่อนให้ลูกหนี้เอาเปรียบอีก
ท่านไพศาล : ให้ลูกไปเถอะคุณเพราะเราจะไปกับลูกด้วย
ปรินทร์ : ผมได้ข่าวมาว่าบ้านคุณนายจันทรามีลูกสาวสวยภึงสองคนเลยนี่ครับ
คุณนายเอื้อดาว : ใช่จ่ะ ว่าเเต่ทำไมอยู่ๆถามถึงลูกสาวบ้านนั้น
ปรินทร์ : แม่จำที่ผมบอกว่าอยากหาคนมาอุ้มบุญลูกของผมได้ไหมครับ ผมมีความคิดว่าถ้าบ้านคุณนายจันทราไม่มีเงินมาคืนเราผมจะให้ลูกสาวของเค้ามาอุ้มบุญใช้หนี้
คุณนายเอื้อดาว : ถึงเราจะเคยคุยกันเรื่องนี้เเต่เเม่ก็ยังยืนยันคำเดิมนะว่าเเม่อยากให้หนูวุ้นอุ้มท้องเอง เพราะจะเป็นการดีกว่าหาคนอื่นมาท้องแทน
“”ไม่นะคะคุณแม่ วุ้นเคยบอกคุณเเม่เเล้วนี่คะว่าวุ้นต้องทำงานในวงการอีกนานขืนปล่อยมีลูกเรทติ้งวุ้นก็ตกแย่สิคะ วุ้นยังเป็นนางเอกได้อีกตั้งหลายเรื่อง””
เสียงหวานเเว่วมาจากชั้นสองของบ้าน หญิงสาวร่างอรชรกำลังเดินลงมาหาปรินทร์ผู้เป็นสามีที่กำลังพูดคุยกับพ่อแม่อยู่ แต่เธอดันได้ยินเรื่องที่แม่สามียืนยันว่าจะให้เธออุ้มท้อง เธออยากมีลูกแต่เธอไม่ได้อยากอุ้มท้องเรื่องนี้จึงเป็นที่ถกเถียงของเธอและเเม่สามีมานานเกือบปี
คุญนายเอื้อดาว : แต่การเป็นเเม่คนมันไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้มาอุ้มท้องให้นะหนูวุ้น เราจะเอาใครที่ไหนไม่รู้มาท้องพอถึงเวลาคลอดเเล้วเรามานั่งเลี้ยงแม่ว่ามันไม่เวิร์ค ถ้าตอนนี้หนูยังไม่อยากมีก็เลื่อนไปก่อนได้หนิ่ลูก เอาไว้หนูอยากมีก็ค่อยมี หรือไม่ก็ไปฝากไข่เอาไว้ก่อน
วุ้น : โอ้วโนวว ยิ่งเรื่องนี้เอาไว้มีทีหลังวุ้นไม่เคยแพลนไว้เลยค่ะ ไม่ว่าจะอีกกี่ปีวุ้นก็ไม่อยากท้องโย้วค่ะคุณเเม่
ปรินทร์ : เอาเถอะครับแม่ไม่เป็นไร วุ้นเค้าเป็นดาราเค้าก็ต้องห่วงภาพลักษณ์เป็นเรื่องปกติครับ แล้วนี่คุณไม่ทานข้าวก่อนหรอวุ้น
วุ้น : วันนี้วุ้นมีถ่ายละครเช้าค่ะ วุ้นขอตัวก่อน
คุณนายเอื้อดาวได้เเต่มองตามร่างขแงลูกสะไภ้ไปจนลับตา เธอไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ วุ้นเข้าวิวาห์กับลูกชายของเธอมา 1 ปีแบบลับๆ เพราะเธอไม่อยากให้เเฟนคลับรับรู้เรื่องที่เธอมีสามี สำหรับคนอย่างคุณนายเอื้อดาวมองว่าวุ้นเป็นคนที่มีความคิดแปลกมากๆเห็นเเก่ภาพลักษณ์จนลืมเห็นเเก่เรื่องอื่นๆ ผู้หญิงเรางานเเต่งนับเป็นเรื่องสำคัญแต่สำหรับเธอกลับมองเป็นเรื่องต้องห้าม หนำซ้ำยังมีความผิดๆในการจะมีลูกอีก คนเป็นเเม่อย่างคุณนายเอื้อดาวจึงพยายามค้านมาตลอด….
ท่านไพศาล : เอาน่ะคุณให้เวลาหนูวุ้นหน่อยตอนนี้เค้าคงกำลังสนุกกับการทำงาน
คุณนายเอื้อดาว : แต่คุณก็เห็นนี่ว่าหนูวุ้นคิดจะทำอะไร ตอนเเต่งงานก็ครั้งนึงแล้ว ถ้าห่วงภาพลักษณ์ขนาดนี้แต่งงานมีผัวทำไมละคะ ฉันอิ่มแล้วขอตัวไปหาคุณแม่ค่ะ
สองพ่อลูกได้เเต่มองตามคุณนายของบ้านออกไป แล้วหันมามองหน้ากันเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรียกได้ว่าเค้าทั้งสองพ่อลูกชินกันเเล้ว