บทที่ 3
“คุณไม่ใส่เสื้อผ้าหรอคะ”
“ต้องใส่ด้วยหรอ”
“ต้องค่ะ เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย” คำตอบแก้เก้ออ้างเรื่องไม่สบายของดอกแก้วทำให้เจตน์รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมา
บนใบหน้าของเขาเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันแข็งแรงกว่าที่เธอคิด”
“งั้นหนูขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“ไปสิ จะได้เข้านอนกัน” ดอกแก้วโล่งอกเพียงแค่ประโยคแรกเพราะประโยคหลังก็ทำให้เธออายจน ต้องก้มหน้างุด
มองพื้นห้องแทน ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้องน้ำกับเธอด้วย
เสียงน้ำจะฝักบัวที่ดอกแก้วตั้งใจเปิดทิ้งไว้ทำให้เจตน์เข้าใจผิดว่าเธอกำลังอาบน้ำอยู่ โดยขณะนั้นชายหนุ่มนั่งไขว่ห้างรออยู่บนเตียง สายตาจับจ้องไปที่ประตูพร้อมกับเดาว่าเมื่อไหร่มันจะเปิดออก ต่อให้ห้องพักที่นี่จะเก่าแต่แอร์ก็เย็นฉ่ำบวกกับฝนที่ยังคงตกหนักอยู่ข้างนอกอุณหภูมิจึงยิ่งลดลง ถ้าเขายังนั่งอยู่สภาพนี้มีหวังได้ไม่สบายของจริงแน่
ดอกแก้วตั้งใจใช้เวลาในห้องน้ำนานเป็นพิเศษนั่นก็เพื่อซื้อเวลาเพราะไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับเจตน์ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
ก๊อกๆ
“เธอยังโอเคอยู่หรือเปล่า”
“โอเคค่ะ”
“แล้วทำไมถึงยังไม่ออกมาหรือจะนอนในห้องน้ำ”
คำถามของเจตน์ทำให้ดอกแก้วเลิ่กลั่กอีกหน ถ้าเกิดเขาถีบประตูเข้ามา แบบนั้นคงยิ่งแย่
“เดี๋ยวหนูออกไปค่ะ” คนในห้องน้ำรับคำไม่นานเธอ
ก็เปิดประตูแล้วก้าวออกมา
“มานั่งตรงนี้สิ” เจตน์ตบมือลงบนเตียงเพื่อส่ง
สัญญาณให้ดอกแก้วเข้ามานั่งตรงข้างๆ เขา ดอกแก้วพยักหน้ารับและทำตามที่เขาบอก แต่ก็ยังทิ้งระยะห่างเล็กน้อยไม่ได้นั่งตรงจุดที่เจตน์อยากให้นั่งเสียทีเดียว
“เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าเมื่อคืนฉันทำอะไรเธอกับเธอบ้าง”
“จะให้หนูเล่าหรอคะ” คำพูดของเจตน์ยิ่งทำให้ ดอกแก้วหน้าตาตื่น
“ใช่ เพราะจนถึงตอนนี้ฉันยังจำไม่ได้ว่าเรามีอะไรกันได้ยังไง”
“หนูเห็นคุณเดินตัวเซจะกลับห้องพัก ท่าทางเหมือนคนเมากลับมาหนูกลัวคุณล้มเลยเข้าไปช่วยพยุง แต่พอถึงห้องคุณก็เอ่อ…ปลุกปล้ำหนู” ใบหน้าของดอกแก้วแดงก่ำเมื่อเอ่ยคำว่าปลุกปล้ำออกมา
“ปลุกปล้ำแบบไหน แบบนี้ใช่ไหม”
“คุณ!” สีหน้าของดอกแก้วตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกกว่าครั้งไหนๆ เมื่อจู่ๆ เจตน์ก็พุ่งตัวเข้ามาหาแล้วจับเธอให้นอนกับเตียงพร้อมกับใช้แรงที่มากกว่ากดไม่ให้ตัวเธอนั้นขยับหนีไปไหนได้
“เธอบอกว่าฉันปล้ำเธอ ใช่ไหม” เจตน์เอ่ยถามอย่างใสซื่อทั้งๆ ที่เขานั้นร้ายกาจกว่าที่ดอกแก้วหรือใครๆ คิด และคนอย่างเขามีหรือจะยอมถูกแบล็คเมล์ฟรีๆ
“ค่ะ”
“แล้วเธอก็ยังบอกว่าฉันยังเมามากอีกด้วย”
“ขะ…ค่ะ” ดอกแก้วเริ่มอึกอัก ท่าทางที่เต็มไปด้วยพิรุธของเธอยิ่งทำให้เจตน์อยากหาคำตอบ
“ฉันเมาแต่ก็ยังปล้ำเธอได้ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าน้องชายฉันมันตื่นตัวจนได้เธอมาเป็นเมีย แต่ดูเหมือนฉันจะจำความรู้สึกตอนที่เราเป็นผัวเมียกันไม่ได้ด้วยสิ ไหนๆ ก็ไหนๆ เรามาทบทวนกันหน่อยดีไหม”
“ไม่ค่ะ” ประโยคปฏิเสธดังมาจากดอกแก้วแทบจะทันทีแต่มีหรือเจตน์จะทำตาม
“ทำไม”
“หนูยังเจ็บอยู่” ความเจ็บคือข้ออ้างที่ดอกแก้วหยิบยกมาพูด
“เจ็บตรงไหน”
“ตรงนั้น ตรงที่คุณเข้ามา” พูดเองใบหน้าของ ดอกแก้วก็เห่อร้อนเสียเอง แถมยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แบบนี้ทั้งตัวอีกด้วย ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครได้เข้ามาในตัวเธอหรือทำให้เธอมีมลทินด้วยซ้ำ ส่วนบทพูดเธอก็จำมาจากซีรีส์ที่เคยดู
“ฉันขอโทษ แต่คืนนี้ฉันจะไม่ทำให้เธอเจ็บแบบนั้นอีกแน่นอน” ก่อนที่ดอกแก้วจะได้ปฏิเสธเจตน์ก็โน้มใบหน้าลงมาแล้วมอบจูบให้เธออย่างดูดดื่ม แม้จะต่อต้านเพราะไม่ต้องการแต่สุดท้ายดอกแก้วก็ค่อยๆ พ่ายแพ้เพราะยิ่งต่อต้านเจตน์ก็ยิ่งครอบครองและเมื่อได้ครอบครองเขาก็ยากจะถอนตัวเช่นกัน
ความหวานจากโพรงปากอิ่มของดอกแก้วรวมถึงการสัมผัสแนบชิดทำให้ร่างกายของเจตน์ตื่นตัวโดยเฉพาะจุดนั้นที่เริ่มปวดหนึบ มันไม่เคยไวต่อความรู้สึกขนาดนี้มาก่อนสงสัยต้องโทษแรงกระตุ้นแสนหวานในอ้อมกอด
จูบจากเจตน์ทำให้สติของดอกแก้วเตลิด เธอรับมือกับมันไม่ได้ด้วยซ้ำและเมื่อรับมือไม่ได้จึงเข้าทางของเจตน์ ชายหนุ่มสอนชั้นเชิงเรื่องวาบหวามให้เธอเรียนรู้โดยดอกแก้วจำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งจังหวะโอนอ่อนก็คล้อยตามแต่พอรู้ตัวก็ผลักไสให้เขาออกห่าง
สำหรับเจตน์แล้วนี่สิคือความรู้สึกที่เขาต้องการ ความวาบหวิวเสียวซ่าน ความรู้สึกอย่างครอบครอง ไม่ใช่ตื่นมาแล้วจำอะไรไม่ได้แบบนั้น ใจจริงถ้าเธอสารภาพเขาก็พร้อมจะหยุด ส่วนดอกแก้วกำลังจะขาดอากาศหายใจแต่ไม่ว่ายังไงเธอต้องรอดจากสถานการณ์อันตรายอย่างในตอนนี้ไปให้ได้ หนทางเดียวคือต้องสารภาพความจริง
“หนูมีอะไรจะสารภาพ” ดอกแก้วอาศัยจังหวะที่เจตน์ถอนจูบออกเพื่อให้เธอสูดอากาศเข้าปอดเอ่ยออกไป ทว่าอีกฝ่ายกลับปฏิเสธเพราะตอนนี้ไฟพิศวาสกำลังลุกโชนและมันจะไม่มีทางดับหากเขาไม่ได้รับการปลดปล่อย ไม่ว่าคืนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหรือต่อให้เกิดแล้วเขาจำมันไม่ได้ก็ไม่สำคัญเพราะต่อจากนี้เขาจะรับผิดชอบชีวิต ดอกแก้ว
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยสารภาพ”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องเดี๋ยวนี้” คนในอ้อมกอดพยายามผลักไสเจตน์ให้ออกห่างแต่ยิ่งผลักชายหนุ่มกลับยิ่งแนบชิด โดยเฉพาะร่างกายเปลือยเปล่าช่วงบนของเขาที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้ออุ่นร้อน ซึ่งทุกอย่างมันกำลังหลอมละลายดอกแก้วเช่นเดียวกัน
“แต่ฉันไม่อยากฟัง” เอ่ยบอกเสร็จก็ประกบริมฝีปากกับเธออีกครั้ง ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าหาก ดอกแก้วอยากสารภาพเขาก็พร้อมจะหยุดทว่าเมื่อได้ใกล้ชิดความคิดที่ว่าก็หายไปจากหัวของเจตน์ทันทีเช่นกัน
จูบครั้งนี้ดูดดื่มและเรียกร้องไม่แพ้ครั้งแรก ดอกแก้วกำลังสำลักรสจูบที่เจตน์มอบให้ เธอเคยจินตนาการเรื่องนี้ว่าถ้าได้จูบกับใครขึ้นมาจริงๆ จะมีความรู้สึกแบบไหน ภาพในหัวรวมไปถึงความรู้สึกที่จินตนาการเอาไว้มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ในขณะที่เจตน์ก็เริ่มรุกเร้าดอกแก้วมากขึ้น สิ่งที่ดึงความสนใจจากเขาได้คือริมฝีปากอิ่มแสนหวาน กลิ่นกายหอมๆ และสีหน้ายั่วยวนยามโหยหาราคะของเธอ
ความช่ำชองของเจตน์กำลังทำให้ดอกแก้วขาดอากาศหายใจอีกครั้งเพราะแบบนั้นเขาจึงถอนจูบออกเพื่อให้เธอได้หายใจบ่อยครั้งขึ้นแต่เธอก็มักจะใช้จังหวะนั้นผลักไสเขาเสมอ ถ้ารู้ว่ามันจะเลยเถิดจนทำให้หวั่นไหวขนาดนี้เธอจะสารภาพทุกอย่างเร็วขึ้น
จะบอกเขาไปว่าเรื่องคืนนั้นมันก็แค่การจัดฉากเพราะเธอไม่อยากแต่งงานกับคนที่แม่หามาให้ เธอต้องการแค่ติดรถเขาออกมาแล้วตั้งใจจะไปหางานทำเพื่อส่งตัวเองเรียน แต่ไม่คิดว่าเธอจะตกหลุมที่ตัวเองขุดขึ้นเสียเองหนำซ้ำตอนนี้ยังตกหลุมความรู้สึกวาบหวิวแสนรัญจวนที่เจตน์มอบให้อีก
